สวนปากแดง ผลิตไม้ดอกกระถางขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครนายก สร้างรายได้มานานกว่า 10 ปี

คุณจุติมา บูรณะตระกูล หญิงแกร่ง เจ้าของ “สวนปากแดง” แหล่งปลูกไม้ดอกกระถางที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครนายก ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 69/4 หมู่ที่ 8 ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

คุณจุ เล่าว่า ตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ก่อนที่จะมาทำอาชีพปลูกไม้กระถาง เคยทำงานเป็นสาวออฟฟิศอยู่ในเมืองกรุงมาก่อน ทำได้เพียงระยะสั้นๆ ก็รู้สึกว่างานไม่เหมาะกับบุคลิกและความชอบของตัวเอง จึงเริ่มมองหางานใหม่ ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีเพื่อนมาชวนร่วมหุ้นเปิดร้านขายไม้ดอกไม้ประดับพอดี จึงตัดสินใจทำกับเพื่อนด้วยเหตุผลที่เราเรียนจบมาทางด้านเกษตร อาชีพนี้น่าจะเหมาะกับตัวเองมากกว่า

 

สวนปากแดง เกิดขึ้นได้ เพราะแรงกดดันจากตลาด

คุณจุ เล่าว่า เธอเริ่มจับธุรกิจขายไม้ดอกไม้ประดับ โดยการซื้อมาขายไป ขายอยู่ที่ตลาดนัดจตุจักร ช่วงแรกถือว่าขายดีมาก ลูกค้าต้องแย่งกันซื้อ จนถึงขนาดต้องขยายล็อกเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่าช่วงนั้นดอกไม้ที่นำมาขายค่อนข้างใหม่และมาเร็วกว่าเจ้าอื่น แต่เมื่อขายได้สักพักก็มีเจ้าอื่นเริ่มทำตาม ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของการค้าขาย เราเป็นแม่ค้าเราก็ต้องปรับเปลี่ยนไม้ที่ขายไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถูกใจและตรงต่อความต้องการของตลาดในขณะนั้น และเมื่อไม้ชนิดหนึ่งเลิกเป็นที่นิยม ก็ย่อมมีชนิดใหม่มาแทน ซึ่งช่วงนั้นจำได้ว่าเป็นปีแห่งการฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ดาวเรืองกลับมานิยมอีกครั้ง ร้านไหนหามาได้ ร้านนั้นขายดีขายได้แน่นอน แต่เมื่อความต้องการสูง เมล็ดพันธุ์หายาก ตอนที่ต้องไปรับของมาขายต้องแย่งกับพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นมากมาย ได้ของบ้าง ไม่ได้บ้าง จึงเกิดความท้อใจ แต่ตอนนั้นแค่ท้อนะแต่ยังไม่ถอย และช่วงนั้นเพื่อนอยู่ที่อเมริกาพอดี จึงโทร. หาเพื่อนให้เพื่อนส่งเมล็ดพันธุ์ดาวเรืองจากอเมริกามาให้ แล้วนำมาปลูกเอง เพื่อแก้ปัญหาที่เราเจอมาต่างๆ ทำมาเรื่อยๆ จนได้มีการขยายพื้นที่ปลูกมาที่จังหวัดนครนายก เริ่มต้นปลูกบนพื้นที่แค่ 200 ตารางวา ถางหญ้าเอง ทำทุกอย่างเอง ที่สวนปากแดงโตมากับไม้ประดับผีเสื้อราตรี ดาวเรือง ดาวกระจาย เพราะราคาดีมาก สร้างรายได้เยอะ และก็ค่อยๆ ดร็อปลงมาเรื่อยๆ เพราะเมล็ดพันธุ์เริ่มหาง่ายขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องปรับตัวอีกครั้ง จึงตัดสินใจขยายพื้นที่เพิ่ม และนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศมาปลูกเพื่อเปิดตลาดขายไม้พันธุ์ใหม่ๆ ให้เร็วกว่าเจ้าอื่น จนทุกวันนี้มีพื้นที่กว่า 40 ไร่ และกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายนับแต่นั้นมา

 

ค้าขายไม้ดอกกระถางแขวนลอย

อาชีพที่ต้องเปลี่ยน และพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การที่จะทำอาชีพขายไม้ดอกกระถางแขวนไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอย่างมีขั้นตอน ทั้งในเรื่องการดูแลและการตลาด ที่นี่มีไม้ดอกหลายชนิด มีทั้งพันธุ์ของไทยและพันธุ์ที่สั่งมาจากนอก เพราะฉะนั้น การดูแลจะไม่เหมือนกัน คุณจุ บอกว่า ตนเองต้องใช้เวลาในการทดลองปลูก ลองผิดลองถูกกับไม้ชนิดหนึ่งนานนับปี เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาดและทนต่อสภาพอากาศของเมืองไทย ไม้บางตัวใช้เวลาศึกษาทดลองร่วมปี แต่กลับใช้ไม่ได้ ไม่ทนโรคบ้าง ไม่เหมาะกับอากาศของเมืองไทยบ้าง เพราะฉะนั้น เจ้าของสวนต้องสู้ และหากมีความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรเป็นพื้นเดิมอยู่จะดีมาก

ที่สวนปากแดงมีไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ณ ปัจจุบัน คือ พิทูเนียเวฟ กิ๊บซี่ แองเจโลเนีย เลอบิวน่า และแพงพวย

ไม้ดอกกระถางถือเป็นไม้อายุสั้น แบ่งตามแต่ละพันธุ์เฉลี่ยแล้วอายุ 60-120 วัน

ปลูกโดยการใช้วิธีเพาะเมล็ดลงถาด เมื่อต้นกล้าอายุครบ 15 วัน นำมาย้ายลงกระถางพลาสติกขนาด 8 นิ้ว

“เมล็ดพันธุ์ส่วนใหญ่จะสั่งมาจากต่างประเทศ เพราะถ้าเป็นของในประเทศการเข้ามาต้องทดสอบตามกฎหมาย ทำให้สีใหม่ๆ มาช้ากว่าของเมืองนอก เพราะฉะนั้น สีใหม่ๆ เราจึงต้องสั่งตรงมา” คุณจุ บอก

พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

ขั้นตอนการเตรียมวัสดุการปลูกและการดูแลไม้กระถางเบื้องต้น

วัสดุในการปลูก…ส่วนผสมของดิน มีขุยมะพร้าว ทรายหยาบ แกลบ ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยละลายช้า หรือใช้ตามสถานการณ์ตอนนั้น เพราะบางช่วงขุยมะพร้าวขาดตลาด หรือบางช่วงแกลบขาดตลาด ก็ต้องปรับให้เข้ากับของที่ภายในท้องถิ่นเราสามารถหาได้

ปุ๋ยแรกเดิมจะใช้สูตร 16-16-16 ธรรมดา เพราะเมื่อก่อนเราปลูกพืชราคาถูก เราก็ต้องใช้ปุ๋ยราคาถูกตาม แต่เมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนำเข้าเมล็ดจากต่างประเทศมากขึ้น ไม้ที่ปลูกมีราคาสูงขึ้น ก็ต้องเลือกปุ๋ยที่ดีมีคุณภาพ จึงเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยละลายช้า ส่วนปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช เช่น พิทูเนียเวฟ ต้องใส่เยอะหน่อยเพราะเป็นพืชที่กินดุ แต่พืชบางชนิดก็ใช้เยอะไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราต้องศึกษาว่าไม้แต่ละชนิดเหมาะกับการใส่ปุ๋ยปริมาณเท่าใด ถึงจะประสบผลสำเร็จ

ระบบน้ำ…ที่สวนจะให้น้ำแบบหยด โดยให้น้ำมาตามท่อใหญ่ แยกผ่านท่อเล็ก แล้วหยดลงกระถางที่ปลูกไว้ เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทำให้ต้องปรับตัวด้วยความรวดเร็ว แต่หากมีแรงงานคนจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นระบบสายตรงจะรดน้ำได้อย่างเดียว แต่ถ้าเป็นแรงงานคนจะสามารถให้ช่วยดูแลปัญหาอย่างอื่นได้ด้วย อย่างเช่นดูในเรื่องของหนอน แมลง อีกเหตุผลคือ แรงงานคนถูกกว่า และพืชบางตัวต้องการน้ำไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้น แรงงานคนฉลาดกว่าเครื่องแน่นอน

 

แนะนำสำหรับลูกค้าดูแลรดน้ำอย่างไรให้สวย เหมือนตอนซื้อมาจากร้าน

หลายท่านคงจะเคยเกิดความสงสัยเมื่อครั้งที่เคยซื้อไม้กระถางมาแขวนประดับบ้านว่า ตอนอยู่ที่ร้านทำไมสวยจัง แต่พอมาอยู่กับเราเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก คุณจุมีวิธีการดูแลให้ไม้กระถางให้อยู่ได้นานและสวยเหมือนตอนที่เพิ่งซื้อมาใหม่มาแนะนำกัน ครั้งนี้คุณจุยกตัวอย่างการดูแลไม้ขายดีอย่างพิทูเนียเวฟ และกิ๊บซี่ดอกไม้คุณหนูขึ้นชื่อเรื่องการดูแลยากมาฝาก

พิทูเนียเวฟ…ถือเป็นไม้ขายดี เป็นสายพันธุ์ที่ดอกใหญ่ ดอกดก ที่นี่นับเป็นสวนแรกๆ ที่นำมาขาย การดูแล คุณจุแนะนำให้ท่องเป็นคาถาเลยว่า ต้องรดน้ำให้ตรงเวลา วันละ 2 ครั้ง คือรดช่วง 10 โมงเช้า 1 ครั้ง และบ่าย 2 อีก 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะห่างของช่วงเวลาที่สมดุลคือ 6 ชั่วโมง บางท่านรดวันละครั้งไม้ที่ท่านเลี้ยงก็จะไม่สวยเท่าที่ควร ส่วนวิธีการรดก็คือไม่ควรรดไปที่ดอกโดยตรง ควรรดน้ำแบบใช้สายยางจ่อเข้าไปที่ต้นแล้วนับ 1-10 ให้เอาออก หรือถ้าไม่สะดวกรดน้ำ 2 เวลา แนะให้แขวนในที่ที่มีแดดไม่จัดมากนัก หากหมั่นรดน้ำตามเวลา พิทูเนียเวฟจะสามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือน มีดอกฟู่ฟ่าให้เห็น แต่ถ้ารดวันละครั้งและแขวนไว้ในที่มีแดดแรง ปล่อยให้เหี่ยวตอนเช้าถึงจะมารดน้ำอีกครั้ง พอฟื้นขึ้นมาจะเสียกำลัง ทำให้อายุสั้นลงอยู่ได้แค่เดือนถึงเดือนครึ่ง

 กิ๊บซี่…ถือว่าเป็นคุณหนูที่สุด ต้องดูแลมากเป็นพิเศษ การรดน้ำต้องบรรจง เวลารดน้ำต้องเปิดพุ่มรดที่โคนต้นเพื่อไม่ให้ทรงพุ่มข้างบนเป็นรูสายยาง หรือจะใส่จานรองให้ต้นดูดน้ำขึ้นเลยก็ได้ วิธีนี้จะไม่ทำให้ต้นเสียรูปทรง ต้องหมั่นรดน้ำอย่าให้ขาด กิ๊บซี่ถ้าปล่อยให้เหี่ยวแค่วันเดียวต่อไปจะไม่ทนเลย

นอกเหนือจากการดูแลรดน้ำให้ถูกวิธีแล้ว แสงแดดก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้ไม้อยู่ได้นานหรือไม่ คือต้องดูสถานที่เรานำไปแขวนว่าแดดเพียงพอรึเปล่า ที่สวนปากแดงจะเลี้ยงไม้กลางแดดเปรี้ยง แต่บางสวนจะเลี้ยงในโรงเรือนที่มีหลังคา เพราะเวลาฝนตกจะได้ไม่ต้องยกเข้าออกหนีฝน เพราะฉะนั้น ความทนของพืชไม่เท่ากัน หรือบางสวนไปรับต้นไม้มาจากทางภาคเหนือตามที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งอุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนต่างกันมาก พอมาถึงกรุงเทพฯ พืชจะช็อก 7 วันแรก เราก็ต้องดูแลอย่างดี เพราะฉะนั้น ก่อนซื้อควรถามแม่ค้าก่อนว่าของที่รับมามาจากไหน แล้วเขาเลี้ยงในโรงเรือนพลาสติกหรือกลางแจ้ง ปัจจัยนี้ถือเป็นความแตกต่างของความแกร่งของพืชเช่นกัน

 

ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดเสมอ ทำให้อยู่มาได้นานนับ 10 ปี แม้ในสถานกาณ์ที่เกิดการแข่งขันสูง

คุณจุ บอกว่า กลไกการตลาดไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ทำอย่างไรให้อยู่มาได้นานนับ 10 ปี จุดแข็งที่นี่คือเจ้าของมีความรู้ทางด้านการเกษตร จึงสามารถผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ แต่นอกเหนือจากคุณภาพของสินค้าแล้ว การตลาดก็ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญ เพราะสถานการณ์ไม้ดอกไม้ประดับในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเลยคือต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง อย่างที่สวนจะเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขาย ซึ่งก็สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและสร้างกำไรได้มากขึ้น ถ้าเกษตรกรไม่ทำแบบนี้ คิดว่าต่อไปเกษตรกรจะอยู่ยาก ด้วยการแข่งขันที่สูงและเกิดการขายตัดราคากันมากขึ้น ถ้าคุณขายไม่ถูกจริงจะสู้เจ้าอื่นไม่ได้ หรืออีกทางคือหันมาสู้กันในเรื่องคุณภาพและความแปลกใหม่ หมั่นหากลยุทธ์มาชักจูงลูกค้า เช่น หาไม้พันธุ์ใหม่ๆ มาดึงดูดลูกค้า สวนเราต้องนำตลาดสร้างรายได้จากความไวของเราก่อน ซึ่งกว่าคนอื่นจะตามทัน เราก็หันไปจับไม้ใหม่อีกตัวแล้ว และช่องทางการกระจายสินค้าก็สำคัญ ที่สวนเรามีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งออเดอร์จากประเทศเพื่อนบ้านแต่ละครั้งก็นับว่าไม่น้อย แต่ละเจ้าสั่งไม่ต่ำกว่า 700-900 กระถาง ราคาขายขึ้นอยู่กับชนิดของไม้

ห่อกระดาษเตรียมส่งของให้ลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน

คุณจุยังมีหน้าร้านขายปลีกที่คลองสิบห้า และที่ตลาดนัดจตุจักรอีก ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากจะอยู่รอดต้องปรับเปลี่ยนพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด พยายามพึ่งพ่อค้าคนกลางให้น้อยที่สุด แล้วเราจะอยู่ได้เอง

สำหรับการเดินทางมาแวะเยี่ยมชม “สวนปากแดง” ท่านสามารถตั้งพิกัดจีพีเอส ค้นหาปลายทางมาที่วัดพราหมณี (หลวงพ่อปากแดง) เมื่อถึงให้ขับรถตรงเข้ามา 200 เมตร สวนจะอยู่ด้านหลังวัด หรือโทร. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ (089) 525-3588