ปทุมา พรรณไม้มากประโยชน์ ปลูกประดับก็ได้ ปลูกขายก็ทำเงิน

ปทุมา (Siam Tulip) เป็นพืชล้มลุกที่มีเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน โดยพืชชนิดนี้จะพักตัวในช่วงฤดูหนาวและร้อน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะเริ่มผลิใบออกดอก มีต้นสูงประมาณ 2 ฟุต ใบมีลักษณะยาวคล้ายใบพาย ส่วนก้านช่อดอกนั้นสูงเหนือพุ่มใบขึ้นไป มีกาบดอกสีม่วง สีชมพู ซึ่งการขยายพันธุ์ส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีการแยกหน่อ

ปทุมานอกจากจะนำมาใช้ประโยชน์เป็นไม้ประดับแล้ว ดอกยังสามารถรับประทานได้อีกด้วย โดยนำมาลวกเป็นผักแกล้มรับประทานกับน้ำพริก หรือจะนำไปชุบแป้งทอดรับประทานกับน้ำจิ้มที่มีลักษณะคล้ายอาจาดก็อร่อยลงตัวทีเดียว

ดร.วาสนา ใจกล้า เจ้าของอู่ทองพรรณไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 39 หมู่ที่ 12 ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเกษตรกรหญิงแกร่งที่อยู่ในวงการไม้ดอกไม้ประดับมากว่า 10 ปี เธอก็ได้ทำการรวบรวมพันธุ์ปทุมาและนำมาขยายพันธุ์เพื่อจำหน่าย เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่สร้างรายได้ให้กับสวนของเธอได้เป็นอย่างดี

ดร.วาสนา ใจกล้า

จากอาชีพรับราชการ ผันสู่ชีวิตเกษตรกร

ดร.วาสนา เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีก่อนที่จะมาทำสวนไม้ดอกไม้ประดับนั้น เธอมีอาชีพรับราชการเป็นงานหลัก โดยช่วงที่ทำงานประจำอยู่ก็ได้ปลูกไว้หลากหลายสายพันธุ์ เพราะมีความชื่นชอบในไม้ดอกไม้ประดับเป็นทุนเดิมอยู่ จึงได้ทำเป็นเหมือนอาชีพเสริมควบคู่งานประจำ แต่ต่อมาเมื่อสวนที่เธอสร้างมาด้วยใจรักประสบผลสำเร็จและไม้เป็นที่ต้องการของตลาด จึงตัดสินใจลาออกจากงานราชการมาดูแลสวนอย่างเต็มตัวด้วยสองมือของเธอเอง

“ช่วงแรกที่ทำใหม่ๆ ยังไม่ได้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับเองอย่างจริงจัง ก็จะเน้นไปรับมาขายไปเป็นส่วนใหญ่ บวกกับเราจบทางด้านเกษตรมาโดยตรง ก็พอจะมีความรู้ในเรื่องการดูแลและการขยายพันธุ์ ช่วงนั้นรายได้จากการขายต้นไม้ก็ถือว่าดีมาก เป็นรายได้ที่เราเอามาส่งตัวเองเรียนต่อทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก จนจบก็ได้จากเงินที่ขายต้นไม้ จึงถือว่าช่วงนั้นเป็นรายได้เสริมให้กับเราได้ดีมาก ก็ทำแบบซื้อมาขายไปนี้มาได้สิบกว่าปี แต่มาลงมืออย่างจริงจังเลยแบบผลิตเองทุกขั้นตอนก็เมื่อปี 2558” ดร.วาสนา เล่าถึงที่มา

ซึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่ผลิตภายในสวนนั้น ดร.วาสนา บอกว่า มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลนั้นๆ ว่ามีความต้องการไม้ชนิดไหนมากน้อยสลับกันไป ทำให้ค่อนข้างที่จะรู้เทรนด์ตลาดในแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี สามารถผลิตไม้ออกมาสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่องและตรงตามความต้องการ

 

ปทุมา พรรณไม้ยอดนิยมของสวน

ดร.วาสนา เล่าว่า ปทุมาถือเป็นพืชที่ทำรายได้ส่งออกได้มูลค่าที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย โดยเน้นส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศเป็นลักษณะหัวพันธุ์ไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นเป็นหลัก จึงทำให้ทางสวนได้มีการเกิดความอยากอนุรักษ์และนำไม้ชนิดนี้มาทำการขยายพันธุ์ เพื่อให้มีปริมาณและจำนวนมากๆ ให้คนในประเทศได้นำไปปลูกต่อไป

“ช่วงที่เราเรียนต่อปริญญาเอก ก็ได้มีโอกาสเกี่ยวกับการทำงานวิจัยเกี่ยวกับปทุมา โดยลองทำการทดลองปลูกในหลายๆ สภาพแวดล้อม เพื่อตรวจสอบดูว่าไม้ชนิดนี้มีความพิเศษอะไรบ้าง ผลที่ออกมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นในทิศทางที่ดี มันก็ทำให้เรามองว่าไม้ชนิดนี้เป็นพรรณไม้ที่ดี มองแล้วน่าจะไปได้ไกลในเรื่องการทำตลาด เพราะเวลานี้ผู้ที่ทำสวนส่งออกหัวปทุมาก็มีจำนวนของหัวไม่พอส่งออก เราก็เลยคิดและรวบรวมหัวพันธุ์มาไว้ภายในสวน” ดร.วาสนา บอก

เหง้าหรือหัวของต้นปทุมา

เมื่อได้ต้นปทุมาที่ซื้อเก็บไว้ภายในสวนในปริมาณที่มากพอสมควรแล้ว ดร.วาสนา บอกว่า จะนำมาเลี้ยงดูให้ต้นปทุมามีความสมบูรณ์อายุมากกว่า 1 ปี จากนั้นก็จะทำการขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณให้มากขึ้นด้วยการแยกหน่อหรือแยกหัว โดยใน 1 หัว สามารถให้ต้นปทุมาเป็นต้นใหม่ได้ 4-5 ต้น

จากนั้นนำหัวพันธุ์ที่แยกมาปลูกใส่ถุงดำขนาด 4×8 นิ้ว ในวัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของดิน ปุ๋ยคอก แกลบดิบ ปุ๋ยหมัก และขุยมะพร้าว เมื่อปลูกเสร็จแล้วนำไปวางในพื้นที่ที่เตรียมไว้และรดน้ำในช่วงเช้าอย่างเดียว

การแตกยอดกลายเป็นลำต้น

“หลังปลูกได้ 2-3 สัปดาห์ ต้นที่เราปลูกใหม่ก็จะเริ่มแทงยอดออกมาให้เห็น จากนั้นก็จะใส่ปุ๋ยบำรุงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยในช่วงแรกบำรุงต้นจะใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 และต่อไปก็สลับใส่กับสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ก็ได้ ใช้ไปแบบนี้ทุกสัปดาห์ จนกว่าต้นปทุมาจะแทงดอกก็ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน จากนั้นก็จะเปลี่ยนสูตรปุ๋ยอีกครั้งหนึ่ง โดยถ้าต้องการให้ดอกใหญ่ก็จะเปลี่ยนเป็นใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 อีก 2 ครั้ง ต้นก็จะพร้อมจำหน่ายได้” ดร.วาสนา บอกถึงวิธีการดูแลต้นปทุมา

ในเรื่องของโรคที่จะเกิดกับปทุมานั้น ดร.วาสนา บอกว่า จะต้องป้องกันในเรื่องของเชื้อราและรากเน่าโคนเน่ามากที่สุด สำหรับปลูกลงแปลง แต่ถ้าเป็นในส่วนของเธอปลูกโดยใส่ถุงดำเพื่อจำหน่ายในทันที ปัญหาในเรื่องการเกิดโรคเหล่านี้ไม่ค่อยมีให้พบเห็น เพราะก่อนที่จะนำมาปลูกลงในวัสดุปลูกในช่วงแรกจะทำการแช่น้ำยาป้องกันโรครากเน่าโคนเน่าอยู่ก่อนแล้ว

 

เน้นผลิตจำนวนมาก ขายส่งเพียงอย่างเดียว

ในเรื่องของการทำตลาดปทุมานั้น ดร.วาสนา บอกว่า ไม่ได้มีปัญหาหรือเป็นที่หนักใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะจากประสบการณ์ที่ได้จำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับมากว่า 10 ปี เมื่อได้มาผลิตทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้กับลูกค้าได้มั่นใจว่าไม้ทุกต้นเธอควบคุมดูแลเองทั้งหมด จึงทำให้ฐานลูกค้าเก่าและใหม่มาเข้ามาติดต่อซื้ออยู่เรื่อยๆ บางช่วงถึงกับผลิตไม่ทันกันเลยทีเดียว

“ตลาดหลักๆ ก็จะเป็นหน่วยงานต่างๆ ที่มีความต้องการนำไปจัดในงาน และต่อมาก็จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่มาติดต่อซื้อกันอยู่เดิม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวประเทศไทยจะมีการจัดงานเยอะ ดังนั้น ช่วงนั้นเราก็จะผลิตไม้ดอกไม้ประดับไว้มาก เพื่อให้มีเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในการซื้อนำไปจัดสถานที่ในการจัดงาน ทั้งปทุมาและไม้อื่นๆ ภายในสวนด้วย” ดร.วาสนา บอกเรื่องการตลาด

ไม้ที่ผ่านการแยกหน่อออก

ซึ่งปทุมาที่ปลูกในถุงดำขนาด 4×8 นิ้ว ราคาขายส่งอยู่หน้าสวนราคาจะอยู่ที่ต้นละ 20 บาท ซึ่งที่สวนแห่งนี้จะเน้นผลิตไซซ์ขนาดเล็กและขายในปริมาณที่มาก จึงทำให้ลูกค้ามีกำลังในการซื้อ ก็จะช่วยให้ไม้ที่ขยายพันธุ์ในแต่ละรอบการผลิตขายได้หมดอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกปทุมาให้สวยและเจริญเติบโตออกดอกสวย ดร.วาสนา แนะนำว่า เมื่อซื้อมาปลูกแล้วไม้ดูเหมือนตายหรือใบหายไม่ต้องตกใจ เพราะไม้ชนิดนี้เป็นไม้หัวมีการพักตัวอยู่ใต้ดินในช่วงฤดูหนาว ในช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนไม้จะค่อยๆ แตกตุ่มตาเล็กออกมาที่หัว จากนั้นเมื่อเข้าสู่เดือนเมษายนก็จะเริ่มเจริญเติบโตและมีความสมบูรณ์ในช่วงพฤษภาคม หลังจากนั้น ก็จะออกดอกสวยงามให้ได้ชื่นชมตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม หลังจากนั้น ก็จะพักตัวอยู่ใต้ดินดังเดิม

“ปทุมานี่ถือว่าเป็นไม้ที่ดูแลไม่ยาก รดน้ำใส่ปุ๋ยบำรุงดินให้ดี ซึ่งน้ำอย่ารดจนแฉะมาก วัสดุปลูกที่ใช้ก็ต้องมีการระบายน้ำที่ดี มีอินทรียวัตถุที่ดี ก็จะทำให้ต้นปทุมามีความสมบูรณ์ ได้รับธาตุอาหารครบถ้วน ดอกก็จะออกมาสวยให้ได้เชยชมอย่างแน่นอน ถ้าคนที่จะปลูกทำด้วยใจรักยังไงก็สร้างเงินให้เห็นได้ไม่ยาก” ดร.วาสนา กล่าวแนะนำ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.วาสนา ใจกล้า หมายเลขโทรศัพท์ (098) 942-4990