ปลูกมะลิทำเงิน ส่งลูกเรียนจบปริญญา

คุณพูลศักดิ์ คำหอม อยู่บ้านเลขที่ 422 หมู่ที่ 5 ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ได้ทำอาชีพร้อยพวงมาลัย เรียกง่ายๆ ว่า เป็นอาชีพที่เป็นรายได้หลักของครอบครัวเลยก็ว่าได้ โดยไม้ดอกที่นำมาร้อยเขาจะเน้นปลูกเองเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ได้นำผลผลิตคือดอกมะลิมาใช้ ส่วนที่มากเกินก็ส่งจำหน่าย จึงเกิดเป็นรายได้มากขึ้นหลากหลายทางอีกด้วย

คุณพูลศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวก็มีที่นาอยู่บ้างโดยสินค้าทางการเกษตรก็ไม่แน่นอน ต่อมาครอบครัวจึงได้เริ่มที่จะร้อยพวงมาลัยจำหน่าย คุณแม่ก็ได้ปลูกสวนมะลิขึ้นมาด้วย เพื่อให้มีวัตถุดิบมาใช้สำหรับร้อยพวงมาลัย ต่อมาเมื่อเขาโตขึ้นจนเรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ก็ได้ทำงานเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับวิศวกร จึงมีเวลาว่างในช่วงที่ยังไม่ได้ไปติดตั้งงานระบบ ทำให้มีเวลากลับมาอยู่บ้านบ่อยๆ เมื่อเห็นดงมะลิที่ครอบครัวปลูกก็รู้สึกว่าน่าจะมีผลผลิตได้มากกว่านี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เขามาสนใจการปลูกมะลิในเวลาต่อมา

คุณพูลศักดิ์ คำหอม

“บอกเลยว่าเกษตร ตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไร เห็นที่บ้านทำเราก็ช่วยแต่ไม่ได้ศึกษาอะไรจริงจัง พอโตขึ้นผมทำงานไม่ได้ประจำอยู่ที่บริษัทมาก จะเป็นฟรีแลนซ์แบบเหมาเป็นช่วงๆ ไป ก็จะมีเวลากลับบ้านบ่อย ทีนี้มาเห็นว่าการปลูกมะลิของที่บ้าน พ่อกับแม่เขาก็ยังใช้วิธีการเดิมๆ มาหลายสิบปี ผลผลิตก็ไม่แตกต่าง เหมือนดูไม่เต็มที่ เพราะมีงานหลายอย่าง เลยเกิดความคิดว่า เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว น่าจะมีวิธีที่ทำให้มะลิที่ปลูกสามารถให้ดอกเพิ่มขึ้น ก็เลยตัดสินใจอยากจะจริงจังในเรื่องนี้ ก็ไปศึกษาหาข้อมูลต่างๆ มา เพื่อพัฒนาให้ต้นมะลิของที่บ้าน สามารถออกดอกได้มากกว่าเดิม จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจงานเกษตรตั้งแต่นั้นมา” คุณพูลศักดิ์ เล่าถึงความเป็นมา

ในช่วงที่ตัดสินใจที่อยากจะปลูกมะลิอย่างจริงจัง คุณพูลศักดิ์ บอกว่า จึงได้ลงมือศึกษาถึงลักษณะต่างๆ ของมะลิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคหรือแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงวิธีการที่จะทำให้มะลิมีดอกเพิ่มขึ้น เมื่อยิ่งอ่านยิ่งศึกษาก็รู้สึกรักและชอบงานด้านการเกษตร จึงทำให้เวลานี้นอกจากจะปลูกมะลิแล้ว ยังแบ่งพื้นที่บางส่วนปลูกพรรณไม้อื่นๆ ตามไปด้วย

พื้นที่ภายในสวน

มะลิหากบำรุงต้นดี

อายุให้ดอกมากกว่า 5 ปี

คุณพูลศักดิ์ เล่าว่า ต้นมะลิที่ปลูกอยู่ที่บ้านปัจจุบันมีอายุมากกว่า 5 ปี เพราะมีการบำรุงต้นอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้ต้นไม่แก่และทรุดโทรม โดยระยะห่างที่ปลูกอยู่ที่ประมาณ 1×1 เมตร ซึ่งสวนของเขาจะไม่เน้นถอนต้นมะลิทิ้งทั้งหมดแล้วมาเริ่มปลูกใหม่ แต่จะใช้วิธีปลูกทดแทนโดยดูว่าต้นไหนที่รู้สึกว่าจะตาย ก็จะทำการปักชำกิ่งใหม่ โดยใช้ต้นที่มีอยู่ในสวนมาทำการปักชำ จากนั้นนำกิ่งใหม่ที่ปักชำจนมีรากสมบูรณ์ดีแล้ว มาปลูกลงในบริเวณที่เตรียมไว้

“ก่อนที่จะเอามะลิต้นใหม่ที่เราชำไว้ มาปลูกลงบริเวณที่ต้องการ ในบริเวณนั้น เราก็จะใช้ซากพืชซากสัตว์มาใส่ก่อน เพื่อให้ดินบริเวณนั้นมีความสมบูรณ์ พอสิ่งเหล่านั้นย่อยดีแล้ว เราก็นำต้นมะลิมาปลูก ซึ่งต้นใหม่ที่ชำก็จะมีอายุประมาณ 1 เดือน โดยในช่วงแรกไม่ต้องทำอะไรมาก รดน้ำอย่างเดียว เพื่อให้มะลิเจริญเติบโตเป็นทรงพุ่ม ซึ่งอาหารหลักก็จะได้จากปุ๋ยคอกที่เราใส่ไป พอมะลิที่ปลูกได้อายุประมาณ 6 เดือน ก็จะเริ่มใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เดือนละครั้ง ในช่วงนี้ก็จะมีดอกออกบ้างแต่ไม่มากก็เก็บได้ ไม่ต้องไปสนใจ ก็จะดูแลไปอีกเรื่อยๆ ให้เป็นพุ่มใหญ่จนกว่าจะมีอายุ 1 ปี” คุณพูลศักดิ์ บอก

เตรียมนำมาร้อยพวงมาลัย

เมื่อมะลิเริ่มมีทรงพุ่มและขนาดใหญ่ตามที่ต้องการแล้ว คุณพูลศักดิ์ บอกว่า ก็จะเริ่มทำการตัดแต่งกิ่งเพื่อเป็นการบังคับให้มะลิออกดอกในช่วงที่ต้องการ เช่น อยากให้ดอกมะลิออกดอกในช่วงที่มีราคาแพงคือช่วงฤดูหนาว ก็จะทำการตัดแต่งกิ่งมะลิในช่วงเดือนกันยายน จากนั้นงดรดน้ำประมาณ 10-15 วัน ลักษณะของต้นก็จะเริ่มมีใบเหลืองๆ เหมือนจะร่วง จากนั้นให้ทำการรดน้ำและใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เหมือนเดิม พร้อมทั้งสลับกับการให้ปุ๋ยคอกเข้าไปด้วย ต้นมะลิจะค่อยๆ แตกยอดอ่อนออกมา จากนั้นอีกประมาณ 1 เดือน มะลิก็จะเริ่มให้ดอกเต็มที่สามารถเก็บได้ทุกวัน และที่สำคัญราคาในช่วงฤดูหนาวยังดีอีกด้วย

ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงนั้น คุณพูลศักดิ์ บอกว่า หมั่นดูและคอยสังเกตในช่วงที่ออกยอดใหม่ หากมีหนอนหรือแมลงเข้ามากัดกิน ก็จะทำการฉีดพ่นยากำจัดที่หาซื้อได้ตามร้านเคมีเกษตรทั่วไปเพื่อเป็นการป้องกัน

“มะลิจะมีช่วงที่ราคาแพงอยู่ 2 ช่วง คือช่วงฤดูหนาวกับช่วงวันแม่แห่งชาติ ซึ่งจะมีการใช้มากเพื่อร้อยพวงมาลัย โดยถ้าเรามีเทคนิคและการเตรียมการที่ดี ก็จะทำให้ช่วงที่มะลิในหลายๆ พื้นที่ออกดอกน้อย แต่ของที่สวนมีปริมาณมาก ก็จะช่วยในเรื่องของการประหยัดต้นทุนไปได้เยอะ และขายได้ราคาดี ส่วนช่วงฤดูร้อนมะลิออกดอกเยอะเราก็ไม่ต้องจัดการอะไรมาก รดน้ำอย่าเดียวยังไงก็มีดอก เพียงขอให้มีการหมั่นบำรุงต้นด้วยปุ๋ยและฮอร์โมน ต้นมะลิก็จะสมบูรณ์ออกดอกให้เกิน 5 ปีแน่นอน” คุณพูลศักดิ์ บอก

พื้นที่หน้าร้าน

เน้นสร้างการจำหน่ายเอง

ด้วยการร้อยพวงมาลัย

ในเรื่องของการตลาดเพื่อจำหน่ายดอกมะลิ คุณพูลศักดิ์ บอกว่า ไม่มีปัญหาทางด้านนี้เลยเพราะที่บ้านก็มีร้านพวงมาลัยอยู่ติดริมถนนใหญ่ จึงทำให้ดอกมะลิที่เก็บจากสวนทั้งหมดนำร้อยเป็นพวงมาลัยได้ทุกดอก โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าดอกมะลิจะล้นตลาดหรือส่งจำหน่ายไม่ได้ แต่สิ่งที่กลัวมากกว่าคือดอกมะลิมีไม่เพียงพอในช่วงที่ต้องการใช้ในเทศกาลต่างๆ เสียมากกว่า

“ช่วงที่ดอกมะลิแพง แต่ที่สวนเราจัดการจนมีผลผลิตเยอะ ก็ถือว่าโชคดีที่ไม่ต้องซื้อมะลิแพงมาร้อยมาลัย โดยที่บ้านก็จะช่วยกันร้อยขายเอง มีตั้งแต่พวงละ 5 บาท ไปจนถึงพวงละ 20 บาท แต่ถ้าเป็นแบบที่เขาสั่งทำแบบพิเศษ ที่ต้องใช้ดอกมะลิมาก ก็จะมีราคาถึงพวงละหลักร้อยบาท เสร็จแล้วถ้ามะลิที่สวนมีปริมาณที่มาก โดยผลิตออกมาได้เกินกว่าที่เราร้อยพวงมาลัยขาย ก็จะแบ่งขายอยู่ที่กิโลกรัมละตั้งแต่ 400-600 บาท โดยไม่ได้คิดราคาแพงมาก แม้ช่วงนั้นดอกมะลิจะแพงไปถึงกิโลกรัมละเป็นพันบาทก็ตาม” คุณพูลศักดิ์ บอก

คุณแม่ ของ คุณพูลศักดิ์ คำหอม

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกมะลิเพื่อส่งจำหน่ายดอก คุณพูลศักดิ์ บอกว่า อย่างน้อยต้องมีทำตลาดเองบ้างบางส่วน เพราะในช่วงที่มะลิออกดอกมากราคาก็จะลดลงตามกลไกของตลาด หากมีการนำมาร้อยพวงมาลัยและจำหน่ายเองได้ ก็จะทำให้สามารถมีรายได้หลากหลายช่องทางตามไปด้วย ดีกว่าเก็บและส่งจำหน่ายให้กับร้านที่รับซื้อเพียงอย่างเดียว

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณพูลศักดิ์ คำหอม หมายเลขโทรศัพท์ (098) 946-9986