ทำไม “มะดัน” ทำให้ปลาแดดเดียวของชาวบ้านท่าทราย นครนายก มีรสอร่อยและปลอดภัยต่อสุขภาพ

ขึ้นชื่อว่า “นครนายก” จัดเป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยพืชผลการเกษตรสำคัญหลายชนิด มีผลไม้เด่นอย่าง “มะยงชิด” ที่ได้รับความสนใจมิใช่น้อย แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจังหวัดนี้มี “มะดัน” ที่เป็น ไม้ผลเด่นอีกชนิดจนได้รับขนานนามว่า “เมืองมะดัน นครนายก”

คุณอำไพ ช้างสุวรรณ ประธานกลุ่ม

เมื่อพูดถึง “มะดัน” ย่อมรู้สึกถึงความเปรี้ยว เข็ดฟันจี๊ดจ๊าดขึ้นมาทันทีแม้ยังมิได้ลิ้ม แต่ความเปรี้ยวของไม้ผลชนิดนี้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ จึงถูกนำไปใช้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือแม้แต่ความงาม

แบรนด์ปลาแดดเดียวคุณภาพของจังหวัดนครนายก

มะดัน หรือส้มมะดัน หรือส้มไม่รู้ถอย เป็นไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ ผลมะดัน มีลักษณะรูปรีปลายแหลม มีสีเขียว ผิวเรียบเป็นมันลื่น มีรสเปรี้ยวถึงเปรี้ยวจัด มีวิตามินซีสูงด้วย จึงนิยมรับประทานทั้งสดโดยจิ้มกับพริกเกลือแล้วยังใช้แทนมะนาวสำหรับปรุงอาหาร หรืออาจแปรรูปเป็นมะดันแช่อิ่ม หรือมะดันดองแช่อิ่ม

เป็นที่น่าดีใจเมื่อกลุ่มชาวบ้านที่ตำบลท่าทราย นครนายก มองเห็นประโยชน์ของมะดันที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ จึงนำมาใช้ในกระบวนการทำปลาเค็มแดดเดียวขาย ช่วยสร้างความอร่อย มีกลิ่นหอม ลดความเค็ม แล้วยังปลอดภัยต่อสุขภาพ

นำไปตากที่ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์

กลุ่มที่นำมะดันมาใช้กับปลาเค็มแดดเดียวมีชื่อว่า “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาเค็มน้ำมะดัน หมู่ที่ 5 ท่าทราย” ตั้งอยู่เลขที่ 3/2 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก มี คุณอำไพ         ช้างสุวรรณ ทำหน้าที่ประธานกลุ่ม

คุณอำไพ เล่าว่า ปลาเค็มแดดเดียวเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้านอยู่แล้ว ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ จนมาถึงตอนนี้เห็นว่าเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงคิดว่าควรรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มผลิตขายเพื่อให้เป็นระบบ

ผลมะดันที่เตรียมใช้

ปลาที่ใช้ทำแดดเดียวมีหลายชนิด เป็นปลาที่เลี้ยงในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นปลาช่อน ปลาดุก ปลาสลิด และปลานิล โดยแต่ละชนิดมีจำนวนมาก-น้อยไปตามฤดูกาล อย่างถ้าเป็นช่วงหน้าฝนปลาดุกและปลานิลมีมาก พอเข้าหน้าหนาวปลาช่อนกับปลาสลิดจะมีมากกว่า ส่วนปลาแม่น้ำจะมีเฉพาะช่วงที่ได้รับอนุญาตให้จับเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปลาทุกชนิดมีขายตลอดทั้งปี

เก็บปลาจากตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใส่บรรจุภัณฑ์

“มะดัน” เป็นไม้ผลที่มีตามธรรมชาติในจังหวัดนครนายก โดยเฉพาะตำบลท่าทรายมีจำนวนมาก ชาวบ้านกลุ่มนี้ร่วมกันคิดว่าควรนำมะดันมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตปลาแดดเดียว

คุณอำไพ ให้รายละเอียดว่า นำปลาสดมาตัดหัว ผ่าแล้วควักไส้ออก ล้างด้วยน้ำที่มีมะดันผ่าซีกจำนวน 2 ครั้ง เพื่อให้ความเปรี้ยวกำจัดเมือกและกลิ่นคาวให้หมด (จากเดิมใช้สารส้มล้าง) จากนั้นใช้เกลือละลายน้ำผสมกับมะดันที่ผ่าผลแช่ปลาทิ้งไว้สักพักก่อนนำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปตากแดดในตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานจำนวน 10 หลัง แต่ละหลังสามารถตากปลาได้ 30-40 กิโลกรัม

ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในถุงสุญญากาศทำให้สะอาด ปลอดภัย

การนำมะดันมาใช้ร่วมกับการผลิตปลาแดดเดียวนับว่าได้ประโยชน์สองต่อ โดยอย่างแรกช่วยนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาใช้อย่างเหมาะสม แล้วยังปลอดภัยต่อผู้บริโภค กับทั้งยังเป็นการสร้างจุดขาย สร้างความน่าสนใจ กระตุ้นตลาด จึงทำให้ผลิตภัณฑ์จากแนวคิดนี้ขายดีเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ในชื่อ “ปลาเค็มน้ำมะดันแดดเดียว ม.5 ท่าทราย”

ผลิตภัณฑ์ปลาแดดเดียวน้ำมะดันมีขายตลอดทั้งปี  มีออเดอร์จากลูกค้าประจำ ทั้งที่นำไปออกขายตามงานสำคัญต่างๆ ตลอดเวลา นอกจากนั้น ยังขายทางออนไลน์ด้วย แต่อาจจะยังส่งได้ในระยะทางไม่ไกลนักเนื่องจากปัญหาการเก็บรักษา

“ปลาเค็มน้ำมะดันแดดเดียว ม.5 ท่าทราย” มีจุดเด่นตรงที่ปลาไม่เค็มมาก เพราะใช้ความเปรี้ยวของมะดันมาแช่ร่วมกับน้ำเกลือ เพื่อช่วยลดความเค็มของเกลือให้น้อยลง จึงมีรสชาติแบบธรรมชาติเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ดูแลสุขภาพแล้วชอบรับประทานปลาแดดเดียวจะเหมาะมาก

สมาชิกร่วมกันทำกิจกรรมกลุ่ม

นอกจากความอร่อยแล้ว กระบวนการผลิตยังใส่ใจเรื่องความสะอาดทุกขั้นตอน ตากปลาในตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มาตรฐาน จึงปลอดภัยจากแมลงรบกวน แล้วทำให้แห้งเร็ว อีกทั้งการบรรจุภัณฑ์ในถุงสุญญากาศทำให้สามารถเก็บได้นานแม้จะไม่ได้ใส่สารกันบูดหรือกันเสีย ดังนั้น ลูกค้าจึงรับประทานได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยกำหนดราคาขายปลาดุกและปลานิลกิโลกรัมละ 120 บาท ครึ่งกิโลกรัม 60 บาท ปลาช่อนกิโลกรัมละ 160 บาท ส่วนปลาสลิดขายตามขนาดมีราคาตั้งแต่ 120-200 บาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหน้าฝนที่มีแดดน้อย ผู้ทำอาชีพปลาแดดเดียวอาจประสบปัญหาปลาแห้งยาก ดังนั้น “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาเค็มน้ำมะดัน ม.5 ท่าทราย” จึงส่งผลิตภัณฑ์ “ปลาดู” ขึ้นมาทดแทน ซึ่งปลาดูคือเมนูถนอมอาหารที่ทำจากปลาดุก ใช้น้ำมะดันล้าง แล้วจึงนำไปหมักเกลือ 1 คืน แล้วจึงนำมาล้าง ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ

ผลิตภัณฑ์ปลาดู สะอาด หอม อร่อย

จากนั้นนำมาคลุกกับข้าวคั่วแล้วหมักต่ออีกประมาณ 10-15 วัน จนมีรสเปรี้ยวและเค็ม มีรสกลมกล่อม นิยมนำไปทอดหรือย่าง แล้วซอยหอมแดงกับมะนาวหรือมะดันเป็นเครื่องเคียง จัดเป็นเมนูสุดยอดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มักมีลูกค้ามาซื้อจำนวนมากแล้วนำไปติดแบรนด์เอง โดยจำหน่ายทั้งปลีก-ส่ง ราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 120 บาท

“ทุกครั้งที่คุณนึกถึงปลาเค็มแดดเดียว แล้วกำลังมองหาปลาเค็มแบบที่มีรสอร่อย เค็มน้อย สะอาดขอให้นึกถึงปลาเค็มน้ำมะดัน ม.5 ท่าทราย นครนายก เพราะไม่เพียงผ่านการผลิตที่สะอาด มีกลิ่นหอม แต่รสเค็มน้อยจากเนื้อปลายังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย” คุณอำไพ กล่าว

ต้นมะดันเป็นไม้ที่ทนน้ำท่วมขังได้ดีมากที่สุดชนิดหนึ่ง จึงเหมาะหากต้องปลูกไว้ในบริเวณที่อาจเกิดน้ำท่วม ต้นมะดันมีทรงพุ่มที่สวยงาม สามารถปลูกเป็นไม้ประดับสถานที่ได้ หากท่านสนใจจะหาต้นมะดันไว้ปลูกก็น่าจะดี เพราะผลมะดันไม่เพียงนำมาใช้ประโยชน์เรื่องการบริโภค แต่ทรงต้นยังสร้างความสวยงามและร่มเงาให้ด้วย

ล้างน้ำมะดันตามด้วยแช่น้ำเกลือกับมะดัน

สอบถามรายละเอียดได้ที่ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลาเค็มน้ำมะดัน ม.5 ท่าทราย” โทรศัพท์ 086-308-7871 เพจ ปลาเค็มน้ำมะดันแดดเดียว หมู่ 5 ท่าทราย และ fb : อำไพปลาเค็ม

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2563


สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354