ถึงเวลาเรียนรู้ยุคสมัย หรือเลยวัยมาแล้ว ก็ตามใจลุง

ผ่านวิกฤตการณ์ “โควิด-19” มาได้อีกเดือนครึ่ง เมษายน สงกรานต์เป็นห้วงวิกฤตของผู้สูงอายุทั้งหลายที่ต้องอยู่บ้านให้ลูกหลานมารดน้ำดำหัว ล้างเท้า รับคำขอให้อายุยืนยาวอีกถึงกว่าร้อยปี พร้อมมีสุขภาพแข็งแรง เป็นเพื่อนคุณหมอเฉก ธนสิริ ที่ตั้งปณิธานว่าจะมีอายุถึง 120 ปี แล้วต้องอวยชัยให้พรตอบ ขอให้ลูกหลานเจริญมีความสุขทั้งเมื่อนี้และเมื่อหน้า

ส่วนท่านผู้สูงอายุที่เดินทางไปพักผ่อนยังบ้านในจังหวัดภูมิลำเนาเดิม ห้วงที่ผ่านมาไม่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน  ไม่ว่าจะอยากจะไปเยี่ยมลูกหลาน หรือให้ลูกหลานมาเยี่ยม ด้วยเหตุรัฐบาลห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด หรือเข้มงวดกับการเดินทางในห้วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดูจะกระจายออกจากผู้คนอย่างรวดเร็วไประหว่างคนต่อคน ยังดีเดือนเมษายนที่ผ่านมาต่อเนื่องต้นเดือนพฤษภาคม เป็นห้วงปิดภาคเรียนของลูกเล็กเด็กแดง และวัยรุ่นทั่วประเทศ ข่าวการแพร่เชื้อไวรัสในหมู่เด็กและวัยรุ่นจึงยังไม่ค่อยแพร่กระจายมาก ต่างกลับไปแพร่กระจายจากผู้ใหญ่นักเที่ยวทั้งหลายตามสถานที่ได้รับการเรียกขานว่า “อโคจร” ซึ่งเป็นคำเรียกสำหรับสถานที่ซึ่งพระภิกษุทั้งหลายไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง

วันนี้ สถานที่ “อโคจร” ยังเป็นสถานที่ห้ามสำหรับบรรดาผู้มีตำแหน่งหน้าที่ราชการระดับผู้ใหญ่ถึงระดับรัฐมนตรี เข้าไปพักผ่อนเฮฮายามล่วงเวลาเลิกงานไปแล้ว หลังร่วมรับประทานอาหารเย็นกับแขกเหรื่อผู้ใหญ่ หลังแยกย้ายกลับบ้าน ได้เวลาพักผ่อนคลายเครียดจากหน้าที่การงาน สรวลเสเฮฮาตามประสาหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ตามสถาน “อโคจร” ย่านบันเทิงที่นิยมของหนุ่มสาวนักธุรกิจที่มีเงินทองเป็นฟ่อนเต็มกระเป๋า นิยมพาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และเพื่อนพ้องข้าราชการรุ่นราวคราวเดียวกันไปเป็นเพื่อนพูดคุยกับ “ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้น” ทั้งที่เป็น “ท่านผู้ใหญ่” ในวงราชการ และ “ท่านผู้ใหญ่” ในวงการเมืองระดับรัฐมนตรี

ห้วงเวลาที่ผ่านมาไม่สู้กระไร ไม่มีใครไปจับตาว่าใครเป็นใคร รู้แล้วก็แล้วไป แต่เวลาที่ผ่านมายาม “โควิด” ระบาดแพร่หลาย อันเนื่องจากการสัมผัสระหว่างกัน เป็นเหตุให้ไวรัสแพร่ขยายจาก “คนสู่คน” ไม่เว้นใครเล็กใครใหญ่  ขอให้ได้สัมผัสมือต่อมือ ปากต่อปาก เนื้อแนบเนื้อ รับรองโอกาสที่เชื้อไวรัสโควิดจะติดตัวไปถึงบ้านถึงช่อง

เป็นเหตุต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย คือตรวจพบใครมีเชื้อโควิด เป็นต้องแจ้งบอกกล่าวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เรียกว่า “ไทม์ไลน์” ไปไหนมาไหนเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใคร จะได้ทราบว่าเชื้อแพร่ขยายไปถึงไหนต่อไหนบ้าง

เท่านั้นแหละเป็นอันรู้ว่า รัฐมนตรีคนนั้น ผู้ใหญ่คนนี้ ไปที่ไหนมาบ้าง กับใคร ข้อความทั้งหลายนั้นแพร่ขยายไม่เพียงจากหน้าหนังสือพิมพ์ ยังแผ่ขยายจากปากสู่ปากผ่านจากปากถึงหูกระจายไปทั่ว แม้ลูกเล็กเด็กแดงที่รู้ความยังรู้ว่าใครเป็นผู้นำเชื้อมาเผยแพร่

ผ่านสงกรานต์ย่างเข้ากลางเดือนพฤษภาคม โรงเรียนเด็กเล็ก วัยรุ่น และมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเรียน มีบางแห่งที่จำเป็นต้องเรียนผ่าน “ออนไลน์” ให้ทันกับรายวิชาที่นักเรียนต้องเรียน และครูอาจารย์ต้องสอน ต้องดำเนินการต่อไป เพื่อไม่ให้การเล่าเรียนให้ได้วิชาความรู้ของนักเรียนนักศึกษาต้องขาดตอน

ถ้าจะว่าไปแล้ว เข้าสู่ยุคสมัยแห่งการเรียนการสอนที่แทบไม่ต้องเข้าชั้นเรียน ทั้งเป็นยุคแห่งการเรียนรู้ทำได้ในหลายวิถีทาง ผ่านระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งปรับเปลี่ยนเข้ามาถึงทุกคนอย่างรวดเร็ว ใครต่อใครสามารถเรียนรู้ได้อย่างเข้าถึงยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงในระบบคอมพิวเตอร์ เพียงแต่นั่งอยู่กับบ้าน จิ้มๆ ก้มๆ เงยๆ ถามคนโน้นคนนี้ ให้ลูกหลานสอนมั่ง ประเดี๋ยวก็สามารถเรียนรู้ถึงระบบนั้นระบบนี้ไม่นานเป็นเรื่อง ติดตามข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว รู้ทันโลก รู้ทันความรู้ที่ปรับเปลี่ยนนาทีต่อนาที

วันนี้ของบรรดาท่าน “สูงวัย” ทั้งหลาย ขอแต่เพียงอย่าอยู่นิ่งเฉย ดูลูกดูหลานทำอะไรกับเครื่องที่อยู่ในมือ แล้วพอลูกหลานว่างมือ ลองเข้าไปถามไถ่ว่าทำอะไร ไปถึงไหนแล้ว หรือติดขัดอย่างไร ประเดี๋ยวลูกหลานก็บอกเล่าให้ได้ว่าถึงตรงนั้นตรงนี้ แต่ต้องพยายามเรียนรู้ให้เร็ว รู้แล้วต้องฝึกฝน พยายามหัดทำเอง อย่าถามบ่อย

ไม่นาน ชั่วโมงสองชั่วโมง ที่สำคัญคือเรียนรู้แล้วต้องจด อย่าจำ เดี๋ยวลืม ลูกเขาบอกว่า พ่อๆ จดเอาไว้ แล้วทำตามนั้น อย่าทำเก่ง “จำ” รับรองนาทีสองนาทีก็ลืมแล้ว

แต่หากคิดว่า เป็นยุคของลูกหลาน ยุคเราหาเพื่อนพูดคุยทั้งความหลังความหน้า พอแล้ว…ก็ตามใจลุง