วิถี “ฅน” ฟื้นวิถี “คลอง” ย้อนมองธนบุรี ครั้งที่ 6

งาน รฦกธนบุรี 250 + ครั้งที่ 6 ที่ผ่านมา จัดขึ้นจากความร่วมไม้ร่วมมือระหว่าง สถาบันการศึกษา โดย สถาปนิกชุมชน สถาบันอาศรมศิลป์ ร่วมกับ กลุ่มรักษ์บางประทุน พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาวัดหนังราชวรวิหาร ชมรมสยามทัศน์ และมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์องค์การสถาน สาธารณกุศลที่เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งชาวชุมชนย่านคลองด่าน คลองบางหลวง คลองบางนางนอง คลองบางค้อ คลองดาวคะนอง ฝั่งธนบุรี ในเขตพื้นที่จอมทอง ดาวคะนอง ฯลฯ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางน้ำ นั่งเรือ ชมวิถีชีวิตบ้านริมคลองมาตลอดเส้นทาง จากคลองบางกอกใหญ่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ล่องเรือมาตามเส้นทางคลองด่าน แวะท่าน้ำของวัดต่างๆ ตลอดเส้นทาง จนมาถึงคลองบางนางนอง ขึ้นที่ ท่าน้ำวัดหนังฯ เพื่อมาร่วมงาน งานรฦกธนบุรี 250

การร้องรำที่หาดูยาก

ในงาน ทุกคนตื่นตาตื่นใจ เมื่อมาถึงลานวัด นำพาตัวเองเข้าสู่บรรยากาศย้อนยุค กลับสู่วันวาน สัมผัสและเรียนรู้ วิถีคน วิถีคลอง กับ“พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ที่จำลองขึ้นอย่างเสมือนจริง “กระต๊อบไม้” ของชาวบ้านสวน (ขนาดเท่าของจริง) ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ผนังกั้นลายลูกฟัก มุงหลังคาจาก มีชานระเบียงไว้สำหรับนั่งห้อยขา ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ย่านฝั่งธนบุรีในเช่นอดีต

“เรือพาย” ของจริง ถูกนำมาจัดวางหน้ากระต๊อบ อีกทั้งของเครื่องใช้โบราณซึ่งเป็นเครื่องไม้เครื่องมือชาวสวน กว่า 100 ชิ้น นำมาแสดงให้ได้ชม เช่น เครื่องมือหาปลา ข้อง สุ่ม ไซ ทำจากไม้ไผ่ อุปกรณ์ทำสวน เช่น ระหัดวิดน้ำ แครง โชงโลง ฯลฯ ที่ไว้สำหรับตักน้ำจากร่องสวนมารดต้นไม้ แบ่งประเภทการใช้งานไว้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังมีการนำลูกจากที่ตัดมาทั้งทะลายให้เด็กๆ รุ่นใหม่ ที่ไม่เคยเห็นได้สัมผัสของจริง

สำหรับภาคความบันเทิง สนุกสนานไปกับกิจกรรมย้อนยุคการละเล่นจากวัสดุธรรมชาติ การเดินกะลาเป็นบรรยากาศที่คุณตาลุกขึ้นมาสาธิตการเดินกะลาให้เด็กๆ ทดลองเดิน เป็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ทั้งร้อยยิ้ม เสียงหัวเราะ ต่อจากนั้น ช่วงค่ำคืนก็ได้ชมการแสดง “มวยตับจาก” ที่เรียกเสียงเชียร์ดังลั่นด้วยความสนุกสนาน

เสวนา

ยังการแสดงดนตรีประกอบลีลาซึ่งเป็นขับร้องและร่ายรำแสนสง่างาม เพลงเรือ “บางนางนองร้องเพลงเรือ” พ่อเรือแม่เรือคนหนุ่มสาว กว่า 25 ชีวิต ร่วมแสดงพลังเสียงสุดไพเราะ เนื้อเพลงสนุกสนานและมีความหมาย ฟังแล้วทำให้เห็นภาพวิถีชีวิตชาวคลองในอดีต อีกทั้งยังได้ฟังบทเพลงร่วมสมัย เช่น เพลงสองฝั่งฝัน  มนต์รักเจ้าพระยา ฯลฯ จากเครือข่ายศิลปิน นักร้อง นักดนตรี วงเจริญกรุง และ เป๊ก บลูสกาย ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก วิถี “ฅน” คู คลอง และสายน้ำเจ้าพระยาได้อย่างไพเราะ

สำหรับภาคสาระ นิทรรศการ “ภาพเก่าเล่าเรื่อง” ความรู้ประวัติศาสตร์ผ่านภาพเล่าเรื่อง ที่ทำให้เราได้รู้ประวัติศาสตร์ในอดีต ทั้ง บรรยากาศ วัดวาอาราม บ้านไม้เก่าแก่ เรือนแถวไม้ริมน้ำ ตลาดเรือ ตลาดแพ วิถี ชีวิต การค้าขายทางเรือ ตั้งแต่ปากคลองบางกอกใหญ่ แม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงคลองแขนงย่านฝั่งธนฯ ที่คงเหลืออยู่อย่างรอคอยการอนุรักษ์และฟื้นฟู ที่อาจเปรียบได้ว่า กำลังเป็นลมหายใจสุดท้ายที่ใกล้จะสิ้นสุด หากไม่มีการลุกขึ้นมาร่วมกัน ย้อนมอง สรุปบทเรียน และร่วมด้วยช่วยกันวางแผนการอนุรักษ์และฟื้นฟูอย่างมีส่วนร่วม ตั้งแต่ คลองด่านตลอดสาย ซึ่งเชื่อมคลองแขนง มากมาย เช่น คลองบางหลวง คลองบางนางนอง คลองบางค้อ ฯลฯ ทั้งภาพและข้อมูลในนิทรรศการที่จัดขึ้นทำให้สามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นเมื่อได้มาร่วมฟัง เวทีเสวนา”มองฝั่งธน คน คู คลอง”

เครื่องมือและอุปกรณ์ในอดีต

เวทีเสวนา “มองฝั่งธน คน คู คลอง” การพูดคุยอย่างมีส่วนร่วมของเครือข่าย ภาคี “ฅน” คู คลอง เพื่อรับทราบสถานการณ์ของพื้นที่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หาแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน โดยช่วงแรกเป็นการเสวนาโต๊ะกลม โดยตัวแทนผู้ขับเคลื่อนงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่คลอง ตลอดจนบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ วัดวาอาราม ประกอบด้วย คุณสุรจิต ชินเวทย์ เครือข่ายประชาชนคนรักษ์แม่กลอง คุณชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งตลาดน้ำคลองลัดมะยม คุณไพฑูรย์ สรวยโภค ปราชญ์ท้องถิ่นผู้บุกเบิกพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดหนังฯ โดยมี สถาปนิกชุมชน สถาบันอาศรมศิลป์ ดำเนินการเสวนาและบันทึกประเด็นจากการพูดคุย จากนั้นจึงต่อเนื่องด้วยการเปิดพื้นที่วงพูดคุยแลกเปลี่ยนสาธารณะ เสนอข้อคิดเห็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง เพื่อทำให้ได้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ที่น่าสนใจจำนวนมา นำไปสู่การรวบรวมเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมต่อไป

ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในงาน ล้วนมีความหมายและความสำคัญ ทำให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ สัมผัส และตระหนักคุณค่าของสายน้ำ คู คลอง ภูมิศาสตร์ ระบบนิเวศ ที่จะทำให้ชีวิตเราดำรงต่อไปบนรากเหง้าที่แท้จริง เกิดความเข้าใจในสำนึกร่วม ก่อเป็นความร่วมแรงร่วมใจ ผสานพลังจับมือกันระหว่างคนกลุ่มคนเล็กๆ เพื่อทำงานที่ยิ่งใหญ่ ให้ วิถี “ฅน” ฟื้นวิถี “คลอง” เป็นจริง เรียกกลับคืนชีวิตที่มีชีวา ทั้งการสัญจรทางน้ำที่สะดวก บรรยากาศบ้านริมคลองที่ร่มรื่นน่าอยู่ น้ำในคลองสะอาด อากาศดี และมีพื้นที่ป่าจาก คอยยืดเกาะตลิ่งไม่ให้พังทลาย

สนุกสนาน

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาคประชาชนที่มีหัวใจอย่างเต็มกำลัง และภาครัฐที่ต้องจริงจัง ใส่ใจ ร่วมสร้างการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนให้ได้ เพื่อการคงไว้ซึ่งวิถีแห่งรากเหง้า การอยู่กับพื้นที่ลุ่มน้ำให้ไม่เกิดปัญหา เหมือนดั่งเช่นบรรพบุรุษของเราที่ดำรงชีวิตได้อย่างเป็นสุข และทิ้งมรดกพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาอันเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ดั่งวลีที่ว่า “แผ่นดินไทยแผ่นดินทอง มีดินดำน้ำชุ่ม” นี้ ไว้ให้เราได้สืบทอดคงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน