“หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์” โมเดลต้นแบบเพิ่มรายได้ตำรวจไทย

ร.ต.ท. เดชอุดม กุญชะโร กับแปลงปลูกกะเพรา

อาชีพตำรวจ เป็นงานที่มีเกียรติและกล้าหาญ พิทักษ์ความสงบสุข และผดุงความยุติธรรมในสังคม แต่ผลตอบแทนในรูปเงินเดือนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ จึงเกิด โครงการ 4 ประสาน ระหว่างภาครัฐและเอกชน ภายใต้ชื่อ “หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์” เพื่อยกระดับรายได้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยตลอดช่วงการรับราชการไปจนถึงหลังเกษียณ ปัจจุบัน “หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์” กลายเป็นโมเดลต้นแบบเพิ่มรายได้และทรัพย์สินเสริมสวัสดิการแก่ครอบครัวตำรวจผู้มีรายได้น้อยอย่างยั่งยืน

 จุดเริ่มต้น

เมื่อปี 2549 ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย ‎บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (ซีพีเอฟ) ธนาคารทหารไทย (TMB) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ร่วมกันสนับสนุนเงินกู้ 56.3 ล้านบาท ให้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ของ สภ. เกาะจันทร์ จำนวน 31 ครอบครัว จัดซื้อที่ดิน 230 ไร่ ตำบลนาวังหิน มาดำเนินโครงการ “หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์”

โดยแบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้เป็นที่ดินสำหรับพักอาศัย เนื้อที่ 50 ไร่ โดยจัดสรรให้สมาชิกรายละ 600 ตารางวา สำหรับก่อสร้างบ้านพัก 1 หลัง และโรงเรือนสำหรับใช้เลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง 1 หลัง ส่วนที่เหลืออีก  180 ไร่ ใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับใช้ในการทำการเกษตร คือ “ปลูกผัก เลี้ยงกบ เลี้ยงไก่พื้นเมือง และการเลี้ยงสุกร” เพื่อเป็นรายได้เสริมแก่ครอบครัว โดยดำเนินงานภายใต้ บริษัท เกษตรสันติราษฎร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยครอบครัวตำรวจทั้ง 31 ครอบครัว

ปัจจุบัน โครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์มีอายุครบ 10 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างยั่งยืน สามารถปลดหนี้ จำนวน 56.3 ล้านบาท ได้สำเร็จ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ธนาคารทหารไทย (TMB) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ทำพิธีมอบกรรมสิทธิ์ บ้านพร้อมโฉนดที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ 31 ครอบครัวตำรวจ จากสถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา

พ.ต.อ. ภูริวัจน์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอุทัยธานี ในฐานะประธานหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณที่เครือเจริญโภคภัณฑ์นำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ามาช่วยสร้างรายได้เพิ่มเสริมสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจ ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์พัฒนาขึ้นตามลำดับ และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิตตำรวจในทางที่ดีขึ้น นอกเหนือรายได้ที่เป็นเงินเดือนจากการรับราชการ สมาชิกตำรวจในโครงการมีรายได้เสริมจากการทำธุรกิจเกษตร 4 อาชีพ คือ การปลูกผัก การเลี้ยงกบ การเลี้ยงไก่พื้นเมือง และการเลี้ยงสุกร ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมบริหารเพื่อประกอบเป็นธุรกิจให้สามารถนำรายได้รวมผ่อนส่งชำระหนี้ธนาคารจนปลอดหนี้ในระยะเวลา 10 ปี

เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีแนวคิด พัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์แล้ว ทางเครือ ซีพี ยังได้นำแนวคิดดังกล่าวไปใช้พัฒนาสร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมรายได้ในรูปแบบหมู่บ้านเกษตรกรรมหลายโครงการ ได้แก่ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า จังหวัดฉะเชิงเทรา หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นการจัดสรรที่ดินพร้อมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกร นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ไก่ไข่ 3 ล้านตัว ผิงกู่-เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เขตผิงกู่ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย

พิธีมอบกรรมสิทธิ์หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์

 ธุรกิจเลี้ยงสัตว์

อาชีพการเลี้ยงสุกรนั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 56 ไร่ มีโรงเรือน 10 หลัง เป็นฟาร์มสุกรขุน สายพันธุ์ ซีพี คูโรบูตะ สามารถผลิตสุกรขุนได้ 16,000 ตัว/ปี ซึ่งดำเนินธุรกิจโดย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในรูปแบบของการเช่าที่ดิน ซึ่งปัจจุบันยังมีสัญญาดำเนินธุรกิจต่อไปอีก 5 ปี หลังจากนั้น ทรัพย์สินทั้งหมดในส่วนนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท หมู่บ้านเกษตรกรรมสันติราษฎร์ จำกัด

ธุรกิจเพาะเลี้ยงกบบนที่ดิน 13 ไร่ สร้างเป็นบ่อเลี้ยง จำนวน 168 บ่อ ผลผลิตส่งจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยมีตลาดส่งออกสำคัญคือ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซีพี ส่งเสริมให้สมาชิกหมู่บ้านสันติราษฎร์เลี้ยงกบนา เป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง เนื่องจาก กบนา เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่เลี้ยงง่าย ให้ผลตอบแทนที่ดี เนื้อกบมีรสชาติอร่อย  สามารถปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ที่สำคัญ ตลาดมีความต้องการบริโภคเนื้อกบตลอดปี ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ปัจจุบัน ฟาร์มกบนาของที่นี่ มีอายุการเลี้ยง 80 วัน จับปล่อย 3,500 ตัว/บ่อ ขนาดจับ 180 กรัม/ตัว อัตราโต (ADG) 2.2 กรัม/ตัว/วัน อัตราการรอด (SR) 80% อัตราแลกเนื้อ (FCR) 1.2 ทั้งนี้ สมาชิกสามารถเลี้ยงกบนาได้เฉลี่ย  3-4 รอบ/ปี

เจ้าสัว ซีพี ถ่ายรูปกับตำรวจ 31 ครอบครัว

สำหรับอาชีพเลี้ยงไก่พื้นเมือง เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้จัดส่งพ่อไก่และแม่ไก่พื้นเมืองพันธุ์ดี และให้ตำรวจในโครงการไปเพาะพันธุ์เอง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่นักวิชาการคอยให้คำแนะนำตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง จากนั้นจะรับซื้อลูกไก่คืน ในราคาตัวละ 300 บาท โดยประกันรายได้ขั้นต่ำอย่างน้อย 3,000 บาท/เดือน หากใครเลี้ยงเก่ง เลี้ยงดี ก็จะได้ลูกไก่พื้นเมืองจำนวนมาก ทำให้มีรายได้มากตามไปด้วย บางรายมีรายได้จากการเลี้ยงไก่พื้นเมืองถึงเดือนละกว่า 10,000 บาท ก็มี

ธุรกิจปลูกผัก

ธุรกิจปลูกผัก ของหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ ตั้งอยู่บนที่ดิน 97 ไร่ ประกอบด้วยโรงเรือนปลูกผัก จำนวน 56 หลัง ซึ่งในช่วงแรกได้ปลูกเมล่อน และองุ่น จนถึงปัจจุบันได้พัฒนาเป็นการผลิตกะเพราครบวงจร โดยปลูกต้นกล้ากะเพราและนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรรอบๆ โครงการ จำนวน 75 ครอบครัว ปลูกต้นกะเพรา พร้อมรับซื้อคืนเพื่อส่งเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารแก่บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีพีแรม จำกัด โดยในอนาคตจะมีการปลูกผักชนิดอื่นๆ เพิ่ม เพื่อสร้างรายได้ อาทิ ผักสลัด มะเขือเทศ และพริก เป็นต้น

โหระพา พืชสวนครัวที่ขายดี

การปลูกพืชให้ประสบความสำเร็จทางการตลาด ต้องเริ่มต้นจากการเลือกใช้ “เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี” ที่เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า ซีพี จึงส่งเสริมให้สมาชิกปลูก “โหระพา สายพันธุ์กำแพงแสน” ที่มีวงจรผลิต 18 สัปดาห์ ผลผลิตใบ 10 กิโลกรัม/แปลง/สัปดาห์ ช่วงให้ผลผลิต 10 สัปดาห์ (100 กิโลกรัม/แปลง/รุ่น) พริก สายพันธุ์ดวงเศรษฐีของเจียไต๋ ที่มีวงจรผลิต 24 สัปดาห์ ช่วงให้ผลผลิต 12 สัปดาห์/รุ่น (10 กิโลกรัม/แปลง/สัปดาห์)

นอกจากนี้ ทาง ซีพี ยังได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พัฒนาสายพันธุ์กะเพราที่เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า ชื่อว่า “เกษตรสันติราษฎร์” ที่มีลักษณะเด่นคือ มีวงจรผลิต 18 สัปดาห์ ให้ผลผลิตสูง ผลผลิตใบ 8 กิโลกรัม/แปลง/สัปดาห์ ช่วงให้ผลผลิต 10 สัปดาห์/รุ่น ที่สำคัญมีกลิ่นหอมมากกว่ากะเพราสายพันธุ์ทั่วไป

พริกสด เป็นที่ต้องการของตลาด

สมาชิกสามารถเก็บใบกะเพราได้ประมาณ วันละ 8-10 กิโลกรัม ต่อ 1 ราย ตามราคาที่ ซีพี ประกันราคาไว้ 70 บาท/กิโลกรัม ซึ่งพื้นที่ปลูก 1 ไร่ ใช้เงินลงทุน ครั้งละ 20,000 บาท จะมีรายได้ประมาณ 100,000 บาท หักลบต้นทุนแล้ว จะเหลือกำไร ไร่ละ 80,000 บาท

ด้าน ร.ต.ท. เดชอุดม กุญชะโร หนึ่งในสมาชิกหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ กล่าวว่า โครงการปลูกต้นกะเพรา เป็นรายได้เสริมที่สร้างเม็ดเงินก้อนโต เพราะปลูกดูแลง่าย ตลาดมีความต้องการใช้กะเพราตลอดทั้งปี ปัจจุบัน ผมปลูกกะเพราในพื้นที่โครงการ 1 ไร่ และไปเช่าพื้นที่ข้างนอกโครงการอีก 14 ไร่ รวมเนื้อที่ปลูก 15 ไร่ ทำให้มีรายได้จากการเก็บใบกะเพราทุกวัน เฉลี่ยวันละ 1.4 หมื่นบาท สร้างรายได้ปีละ 1 ล้านกว่าบาททีเดียว  

กบนา ขายดี เป็นที่ต้องการทั้งในประเทศและส่งออก

 สมาชิกหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์

ร.ต.ต. ชาญกิจ เสนทา หนึ่งในสมาชิกหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้ดีมาก เพราะช่วยเปิดโอกาสให้ตำรวจชั้นผู้น้อยที่มีเงินเดือนไม่มากนักได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน เนื้อที่ 600 ตารางวา ที่ผ่านมา ทาง ซีพี ช่วยดูแลจัดหาปัจจัยการผลิตเรื่องพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ รวมทั้งดูแลด้านการตลาด เมื่อครบเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ในปีนี้ สมาชิกหมู่บ้านทั้ง 31 คน จะประชุมหาข้อสรุปอีกครั้งว่า จะเข้ามาบริหารโครงการเอง หรือให้เครือ ซีพี เช่าพื้นที่ต่อไป

ต้นกล้ากะเพรา อายุ 30 วัน

ร.ต.ท. แสวง จิตต์อารี อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 159/18 หมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ เปิดเผยว่า การได้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์เหมือนถูกรางวัลที่ 1 เพราะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและมีกิจการไว้ทำมาหากิน ทุกวันนี้มีความสุขมาก ทำงานเป็นตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าอนาคตจะลำบาก หากมีโครงการดีๆ อย่างนี้ขยายออกไปในพื้นที่ต่างๆ และอยากเห็นบริษัทที่อยู่ตัวแล้วเข้าช่วยเหลือสังคมแบบนี้ เพื่อทำให้สังคมเราเติบโตอย่างยั่งยืน