ปลูกต้นประชาธิปไตย : ชีวิตเหยิมเหยิม

ชีวิตเหยิมเหยิม 13
ตอน ปลูกต้นประชาธิปไตย

ในวันที่เพื่อนปลูกต้นประชาธิปไตยที่เหยิมเหยิม เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนศิลปินเพอร์ฟอร์แมนซ์เดินทางมาที่เหยิมเหยิม มีหลายคนเดินทางมาเพื่อดูเพอร์ฟอร์แมนซ์ หรือศิลปะการแสดงสดของเธอ เพราะเธอเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงด้านนี้ ทำงานมานาน ไปแสดงงานมาหลายประเทศ

เมื่อเธอมาที่เหยิมเหยิมจึงมีผู้สนใจมาร่วมชมหลายคน อยากรู้ว่าเธอจะนำเสนอเรื่องอะไร การนำเสนอเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อนนักแปลคนหนึ่งบอกว่า เธอเป็นศิลปินเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ทำงานอย่างเป็นนักคิดที่แท้จริง งานของเธอลุ่มลึก

เธอเริ่มงานที่สวนกล้วยซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเตาเผาถ่านขนาดใหญ่ที่เลิกใช้แล้ว มันไม่ได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว แต่ไม่ได้ไร้ค่าเสียทีเดียว ใครไปมาก็ยังชื่นชม ยังถ่ายรูป ยังใช้เป็นฉากการแสดง และเป็นที่เล่นของเด็กๆ ที่มาสวน บางคนอยากจะตกแต่งเป็นที่พักในช่วงฤดูหนาว

ศิลปิน จิตติมา ผลเสวก

เธอยืนอยู่ตรงนั้นคล้ายรูปปั้น ใครคนหนึ่งช่วยขุดหลุมกว้าง เมื่อวาน เธอบอกว่าจะปลูกต้นไม้ ฉันหาต้นไม้ให้เธอ ในที่สุดก็ได้ต้นมะขาม นอกจากความเชื่อว่าปลูกมะขามไว้ข้างบ้านดีจะได้มีคนเกรงขาม แล้วมะขามยังมีประโยชน์มากมาย แตกยอดอ่อนก็กินได้ เป็นฝักกินได้ ยังให้ร่มเงาได้อีก มะขามต้นนี้เป็นมะขามเปรี้ยวมาก สรุปก็คือมะขามนี้แหละ ต้นไม้ที่เหมาะแล้วที่จะให้เธอทำงานศิลปะการแสดงสด
เธอพูดขึ้นว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากของเขียนของฉันที่เขียนเรื่อง พูดความจริงไม่ได้ว่าราชาหัวเป็นสังคัง

“ออกมาหน่อยอยากให้มีส่วนด้วย” เธอว่า
“อ้าวไม่บอกล่วงหน้าเลย” แต่ฉันก็เดินออกไปอย่างว่าง่าย
“ช่วยเล่าให้ฟังอีกทีเรื่องที่เขียน”
“อ๋อ เรื่องที่เขียน…เรื่องมีอยู่ว่า ทำไมถึงเลือกที่จะมาอยู่เหยิมเหยิม

ส่วนหนึ่งคือทุ่งนา ฉันชอบทุ่งนา เพราะฉันมีบรรพบุรุษเป็นชาวนา ตอนเด็กๆ ได้ไปทุ่งนากับพ่อแม่ แต่ไม่ได้ลงนาหรอกนะ เพราะพ่อไม่อยากให้ทำนา อยากให้ลูกเติบโตเป็นเจ้าคนนายคน แบบใครต่อใครที่ขายนาส่งควายเรียนนั่นแหละ และตั้งแต่นั้นเราก็ซื้อข้าวกิน

ช่วงฤดูเกี่ยวข้าว พี่ชายเอาซังข้าวมาทำเป็นปี่เปา เขาเป็นคนชอบเล่าเรื่อง มีเรื่องเล่ามากมาย มีอยู่เรื่องหนึ่งเล่า เกี่ยวกับปี่ซังข้าว…เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะมีช่างตัดผมคนหนึ่งไปตัดผมให้ราชาทุกเดือน เมื่อตัดผมเสร็จแล้วราชาก็จะถามเขาว่า หัวข้าเป็นอย่างไรบ้าง ช่างตัดผมตอบว่า สะอาดเกลี้ยงเกลาดี งดงามดี เขาตอบเช่นนี้ทุกครั้ง นานวันเข้าอึดอัดมากแบบคนที่อกจะแตกตาย

เขาจึงไปที่ทุ่งนาและขุดหลุมกว้าง เขามุดหัวลงไปในหลุมตะโกนว่า ปี่ปี่ปี่ราชาหัวเป็นสังคัง ปี่ปี่ปี่ไม่สะอาดไม่สะอาด ไม่งดงาม เมื่อชาวนาปลูกข้าวเด็กเอาซังมาเป่าเสียงก็เลยปี่ปี่ปี่สังคัง

เธอบอกให้ฉันหยุดเล่า และเธอก็เอาหัวมุดลงไปในหลุมที่สุดไว้พร้อมกับตะโกนดังๆ ว่า เป็นสังคัง เป็นสังคัง รัฐบาล ฝ่ายปกครอง ทหารเผด็จการก็เป็น

เสียงเฮ พร้อมกับเสียงปรมมือ คนที่อยู่ใกล้ๆ ช่วยยกเธอขึ้นมาจากหลุม ต้นมะขาม ถูกปลูกลงในหลุมกว้างนั้น ให้ชื่อต้นไม้นั้นว่า ต้นประชาธิปไตย ขอให้ต้นประชาธิปไตยจงเติบโต แข็งแรง ได้ยินใครสักคนพูดว่า ปลูกให้เป็นรั้วไปเลย ฉันหันไปพยักหน้าเห็นดีด้วย จะเอาเมล็ดพันธุ์มาโปรยหว่านให้เป็นแถวเลย

ได้ยินเสียงวิจารณ์แบบชื่นชมว่า ครั้งนี้ศิลปินทำงานน้อยออกแรงน้อย แต่คิดเยอะและได้มาก

ฉันเข้าใจว่า หมายถึงเนื้อหา และสิ่งที่นำเสนอออกไปนั่นเอง…ในยุคสมัยนี้ ยุคสมัยที่ผู้คนรอคอยการได้เป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง การได้อิสรภาพ เสรีภาพ ทั้งการพูด คิดเขียน ต่างรอคอยให้รัฐบาลทหารการคืนอำนาจให้ประชาชน

วินาทีนั้น ฉันอยากให้ต้นไม้ทุกต้นในสวนเหยิมเหยิมเป็นต้นประชาธิปไตยให้หมดเลย รวมทั้งดอกไม้ทุกดอกด้วย ไม่ว่าดอกกุหลาบที่แสนสวยงาม หรือดอกหญ้าที่อยู่เรี่ยดิน ต่างมีเสรีภาพ มีความเท่าเทียม มีคุณค่าในตัวเอง

ผ่านมาสามเดือน ต้นประชาธิปไตยของเพื่อนเริ่มแตกยอดแล้ว เมล็ดที่โปรยหว่านก็แตกหน่อแทงยอดขึ้นมา ต้นไม้ ดอกไม้อื่นๆ ก็เช่นกัน ต่างเขียว สวย และหอม อีกทั้งกินได้ด้วย