หอยเชอรี่ อดีตไม่มีใครต้องการ ปัจจุบันชาวนาจับขายสร้างรายได้ วันละ 400-500 บาท

ใครไม่รู้จัก หอยเชอรี่ ถือว่าเชย หอยเชอรี่คือ ผู้แซงคิวหอยโข่งจนตกขอบเวที เดี๋ยวนี้หอยโข่งแทบจะหายไปจากแหล่งน้ำของไทย

คิดๆ แล้วก็สงสาร หอยโข่ง

ครั้งหนึ่ง หอยเชอรี่ ถือเป็นศัตรูพืชตัวฉกาจ เกษตรกรชาวนาพากันรังเกียจ เพราะหอยเชอรี่หากมีอยู่ในที่นาใครแล้ว มันจะกัดกินต้นข้าวในระยะปักดำใหม่ๆ ได้เป็นแปลงๆ เลยทีเดียว และขยายพันธุ์ได้เร็วมากๆ สร้างความชอกช้ำให้ชาวนามาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

ว่ากันว่า หอยเชอรี่ เป็นหอยที่มาจากต่างประเทศโน่น เป็นสัตว์ที่มีอยู่ในพื้นถิ่นอเมริกาใต้ แต่ได้เข้ามาในประเทศไทยโดยผ่านทางประเทศญี่ปุ่น

เขาว่ากันมาอย่างนั้น

คนที่นำเข้ามา ก็คงไม่ใช่ตามี ยายมา หรอกนะ แต่นำเข้ามาโดยคนที่มีฐานะ เป็นคนรวยว่างั้น นัยว่านำมาเพื่อไว้ให้กินตะไคร่น้ำในตู้ปลา

ด้วยรูปลักษณ์ ที่เหมือนหอยโข่งทุกอย่าง แต่มีเปลือกที่บางกว่า สีจะอ่อนกว่า หากไม่สังเกตก็จะไม่รู้ว่าเป็นหอยโข่งหรือหอยเชอรี่ มีเนื้อข้างในก็เหมือนๆ กับหอยโข่งทุกอย่าง

บางคนจึงเรียก หอยเชอรี่ว่า หอยโข่งอเมริกาใต้ บางคนเรียก หอยเป๋าฮื้อน้ำจืด

มีคนเคยทำฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่ขึ้นมา แต่ผลปรากฏว่าไม่เป็นที่นิยมของนักบริโภค เมื่อลงทุนทำฟาร์มหอยเชอรี่แล้วขายไม่ได้ จึงต้องปล่อยสู่ลงแหล่งน้ำทั่วๆ ไป ตั้งแต่นั้นมา หอยเชอรี่ ก็ขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ประโยชน์ของหอยเชอรี่ ในตอนนั้น ก็มีเพียงทำเป็นอาหารเป็ด

แต่ปัจจุบัน ใครจะรู้เล่าว่า หอยเชอรี่ ที่มีมากมายทั่วไปตามห้วย หนอง คลอง บึง และเคยเป็นที่ไม่พึงประสงค์ของชาวไร่ ชาวนา จะกลายเป็นอาหาร ที่หลายคนนิยมชมชอบและนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู และสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรได้ในเวลาต่อมา

ปกติแล้ว โดยส่วนตัวไม่สนใจไยดีในหอยเชอรี่สักเท่าไร เพราะอคติกับหอยเชอรี่นี้มานาน แต่เมื่อได้กินส้มตำ ที่เขาเรียกว่า ส้มตำป่า จึงรู้ว่าสูตรของส้มตำป่าจะมีเนื้อหอยเชอรี่ต้มสุก หั่นชิ้นพอคำคลุกเคล้าไปกับส้มตำ

อื้อมมม รสชาติดีทีเดียวเชียวแหละ

หอยเชอรี่ จึงถูกพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

ว่าเข้านั่น

เคยถามแม่ค้าขายส้มตำว่า ได้หอยเชอรี่มาจากไหน จึงได้รู้ว่าส่วนใหญ่ส่งตรงมาจากภาคอีสานบ้านเฮา กระจายมาตามตลาดแทบในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจาก จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดร้อยเอ็ด จะมีมากเป็นพิเศษ

โดยซื้อจากที่เขาต้มสุกพร้อมปรุงแล้ว ในราคากิโลกรัมละ 60-80 บาท สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวนาได้ดีพอสมควร ชาวบ้านบางคนมีรายได้ถึง วันละ 400-500 บาท เลยทีเดียว

ปัจจุบันนี้ จะมีพ่อค้าคนกลางคอยรับซื้ออยู่แล้ว

ถามแม่ค้าส้มตำว่า หอยเชอรี่ นอกจากนำมาตำกับส้มตำแล้ว หอยเชอรี่ยังนำมาทำอะไรกินได้บ้าง แม่ค้าส้มตำบอกว่า เมนูหอยเชอรี่ ทำได้หลายเมนู ก็เหมือนกับหอยโข่งนั่นแหละ

เมนูที่หลายคนเห็นแล้วต้องน้ำลายไหล อย่างเช่น เมนูหอยเชอรี่ลวก จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ลาบหอยเชอรี่ แกงคั่วหอยเชอรี่

อนาคตต่อไปใครจะรู้ อาจมีเมนูจากหอยเชอรี่ตามภัตตาคารใหญ่ๆ หรือโรงแรมดังๆ ก็เป็นได้ ทำหอยเชอรี่กระป๋องส่งขายต่างประเทศ

ทีนี้ล่ะ ชาวนาประเทศไทยจะได้รวยๆ กันเสียที

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560