เวลา 08.00 น.วันที่ 15 พ.ย.2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าพระที่สำนักสงฆ์ทุ่งนาทอง หมู่ที่ 7 ต.บ้านโสก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ได้ร่วมกับชาวบ้านทำการปลูกพืชผักขายเป็นรายได้นำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและพัฒนาสำนักสงฆ์และนอกจากนั้นยังสอนให้ชาวบ้านอยู่แบบพอเพียงพึ่งพาตนเองให้มากที่สุดรวมทั้งให้รวมกลุ่มกันทำงานหรือที่เรียกว่าลงแขกโดยที่แทบไม่ต้องจ้างแรงงานเลย จึงเดินทางไปตรวจสอบพบชาวบ้านส่วนหนึ่งกำลังเก็บผักบุ้งและอีกส่วนหนึ่งก็กำลังช่วยกันมัดและชั่งบรรจุถุงเพื่อนำไปส่งให้กับแม่ค้าที่ตลาดในตัวอำเภอหล่มสัก

พระจรูญ ยโสธโร หรือพระอาจารย์ไก่ เจ้าสำนักสงฆ์ทุ่งนาทองเปิดเผยว่าเดิมสถานที่แห่งนี้เป็นป่าช้าเก่าและเป็นป่าชุมชนอยู่กลางทุ่งนาเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ตนเห็นว่าเป็นสถานที่สงบเงียบเหมาะที่จะเป็นที่ปฏิบัติธรรมจึงได้ชวนชาวบ้านพัฒนาและสร้างศาลารวมทั้งที่พักสงฆ์เพื่อให้พระสงฆ์ได้อยู่อาศัย จนสามารถใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมสำหรับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้

สำหรับชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงประกอบอาชีพทำนาและปลูกผักและส่วนมากก็จะใช้วิธีจ้างแรงงานซึ่งค่อนข้างแพงตนจึงเห็นว่าหากทุกคนร่วมแรงร่วมใจและช่วยกันทำงานก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายรวมทั้งยังเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชนด้วย จึงได้เชิญชาวบ้านมาพูดคุยซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นดีด้วย จากนั้นจึงได้ช่วยกันทำงานโดยพิจารณาถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นของแต่ละคนเป็นหลัก

นอกจากนั้นตนยังได้ชักชวนให้ชาวบ้านปลูกพืชผักในพื้นที่ว่างของสำนักสงฆ์เพื่อนำรายได้จากการขายผลผลิตนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในสำนักสงฆ์จะได้ไม่ต้องบอกบุญหรือรบกวนชาวบ้านมากเกินไป

พระจรูญเปิดเผยต่อว่าสำนักสงฆ์ทุ่งนาทองเปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาปฏิบัติธรรมหรือพักผ่อนได้ตลอดเวลา ไม่มีการทำรั้วกั้น และนอกจากนั้นหลังจากที่พระสงฆ์บิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตมาจัดเป็นโรงทานสำหรับชาวบ้านหรือชาวนาชาวไร่ที่อยู่ใกล้เคียงรวมทั้งผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้รับประทานร่วมกันเป็นการพบปะและพูดคุยหารือเรื่องราวต่าง ๆ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของคนในชุมชน