ผู้เขียน | อดุลย์ศักดิ์ ไชยราช |
---|---|
เผยแพร่ |
ช่วงฤดูฝนทุกปี ผืนป่าแถบภาคเหนือ อีสาน หลังจากผ่านความแห้งแล้งมานานพอสมควร ดินแห้ง ไม้สลัดใบร่วงหล่นทับถมบนพื้นดินใต้ต้น บางแห่งเกิดไฟป่าลุกลามเผาไหม้ บางแห่งผุย่อยสลาย พอถึงเดือนพฤษภาคม เจอฝนห่าใหญ่ๆ สักห่าสองห่า หรือหลายๆ ห่า เป็นอันได้เก็บเห็ดป่ามากินกัน โดยเฉพาะ “เห็ดถอบ” ซึ่งปีหนึ่งจะผุดออกมาให้ลิ้มรสกันสักช่วงหนึ่ง ก็คือช่วงฤดูฝนนี้แหละ แต่เชื่อไหมว่า ปีนี้จนกระทั่งวันนี้ ยังไม่ได้ลิ้มรส
“เห็ดถอบ” เป็นชื่อเรียกทางเหนือของ “เห็ดเผาะ” มีบางพื้นที่เรียก “เห็ดเหียง” หรือ “เห็ดหนัง” หรือ “เห็ดเผาะหนัง” หรือ “เห็ดดอกดิน” บางที่บางถิ่นเขาเรียกต่างกันไป เห็ดถอบมีขึ้นในหลายพื้นที่ของเมืองไทย ยกเว้นภาคใต้ เพราะสภาพป่าและภูมิอากาศแตกต่างกัน ในอารมณ์อยากกินเห็ดเช่นตอนนี้ ปีนี้ต้องโหยหารสชาติของเห็ดถอบหรือเห็ดเผาะ เป็นเพราะมีออกมาต้นฤดูอยู่นิดหนึ่ง ชาวบ้านนำเข้าตลาดเสนอขายในราคาแพงมาก กระป๋องเล็กนิดเดียว ตั้ง 50 บาท นับเมล็ดได้ ความเคยชิน คาดการณ์ตามมโนศาสตร์เองว่า คงออกตามมาอีกมาก ราคาคงถูกลง เปล่าสายบัวรอเก้อ ไม่มีมาให้เห็นอีกจนวันนี้
คิดถึงบรรยากาศย้อนหลังครั้งหลายปีที่ผ่านมา ป่าทางเหนือแถวอุทยานแห่งชาติสักใหญ่ อุตรดิตถ์ ชาวบ้านเขาออกหาเก็บเห็ด เขาสื่อสารกันอย่างไรไม่อาจทราบได้ คนหลายทิศมาหาเก็บเห็ดกันเป็นกลุ่ม สอบถามบางคน เขาว่าเป็นเหมือนสัญชาตญาณ เมื่อถึงเวลาก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์หาเห็ดถอบ มีไม้ไผ่สักอัน เหลาแต่งเป็นรูปไม้พายเรือ แต่อันเล็กๆ ยาวศอกกว่า ถุงย่ามผ้ารักษ์โลกร้อน ขวดน้ำกิน ห่อข้าว ยาหม่องไว้ทาถูนวดหรือทาตอนแมลงสัตว์กัดต่อย และโทรศัพท์มือถือ ขาดอย่างอื่นพอขาดได้ อย่าให้ขาดสิ่งสุดท้ายเชียวนา
เห็ดถอบเมื่อเก็บมาใหม่ๆ หรือซื้อหามาจากคนหาเห็ดจากป่า จะมีเศษดินเศษทรายติดมาเยอะมาก เพราะชาวบ้านไปขุดคุ้ยเขี่ยหามาจากป่าละเมาะ โดยเฉพาะป่าสน ป่าเต็งรัง และดินร่วนปนทรายเป็นผงฝุ่น พอเจอฝนจะจับตัวเหนียวติดก้อนเม็ดเห็ดหรือดอกเห็ด ต้องนำมาแช่ล้างขัดเศษดินออกให้หมดก่อนนำมาทำกิน เห็ดถอบจะเจริญเติบโตอยู่บนพื้นดินใต้ต้นไม้ป่าเต็งรัง ด้วยการอาศัยอยู่ร่วมกันกับรากไม้พวกไม้สน ไม้ยาง ไม้เต็งรังทั้งหลาย จะคอยเป็นตัวเสริมช่วยการดูดธาตุอาหารของต้นพืช เพราะเห็ดถอบเป็นพืชชนิดดี ที่เป็นประโยชน์แก่ต้นพืช จะช่วยการดูดซับธาตุอาหาร โดยเฉพาะฟอสฟอรัส และต้นพืชก็จะสนับสนุนธาตุอาหารที่รากฝอยดูดซับเอามาจากใต้ดิน ที่สังเคราะห์แสง เป็นคาร์โบไฮเดรตแบ่งปันให้เป็นอาหารแก่เห็ดถอบ บริเวณรากและโคนต้น เห็ดถอบก็อาศัยเลี้ยงชีวิตเจริญเติบโตเป็นการเกื้อกูลกันทางธรรมชาติ
เห็ดถอบ หรือเห็ดเผาะ หรือ Puff Ball Mushroom ชื่อสามัญ Hygroscopic earthstar เป็นพืชชั้นต่ำตระกูลเห็ดรา วงศ์ Diplocystaceae เป็นเห็ดราเอ็คโตไมโคไรซ่า มีลักษณะดอกเห็ดจะกลมๆ สีดำหม่น ข้างในเป็นถุงเนื้อคล้ายวุ้นสีขาวขุ่น คืออาหารเลี้ยงดอกเห็ด เปลือกนอกที่กลมๆ เป็นคล้ายลูกบอล ถ้ายังอ่อนจะนุ่มนิ่มไม่แข็งกระด้าง ส่วนนี้แหละอร่อยมากๆ เมื่อเห็ดแก่ตัวขึ้นเนื้อในจะแห้งเป็นผงสปอร์สีดำ และเปลือกนอกจะแข็งและแตกออกเป็นรูปดาว 6-8 แฉก สปอร์ที่เป็นผงสีดำก็จะปลิวออกมา ไปติดตามพื้นดิน รากต้นไม้เกาะอาศัยอยู่กับรากพืชป่า แล้วก็บ่มฟักตัวจนผ่านแล้งผ่านร้อนมามากๆ แล้วเจอฝนตกห่าใหญ่ๆ ก็จะเจริญเติบโตเป็นลูกเห็ดกลมๆ เล็กๆ ให้คนไปเก็บมากินมาขายในปีถัดไปนั่นเอง
เห็ดถอบ นอกจากจะนำมาต้มแกงกินได้อร่อยลิ้นแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ทางยาสมุนไพร ตำรายาแผนไทยระบุว่า เห็ดมีรสเย็นหวานรับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย ยาชูกำลัง และแก้ช้ำในได้ดีมาก ว่ากันว่าเห็ดถอบมีสารต้านมะเร็ง ต้านอาการอักเสบได้ หมอจีนใช้สปอร์เห็ดถอบเป็นยารักษาบาดแผล หยุดการไหลของเลือด ลดภาวะมือและเท้าอักเสบ ชนเผ่าอินเดียใช้สปอร์เห็ดถอบผสมน้ำมันเมล็ดมัสตาร์ด เป็นขี้ผึ้งรักษาแผลไฟไหม้ ชาวเผ่า Black foot อเมริกาเหนือ เรียกเห็ดถอบว่า “Fallen Stars” เพราะเชื่อว่าเป็นดาวตกมาจากฟ้า ระหว่างเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
มีเกษตรกรเอาเห็ดแก่ ก็คงเป็นเห็ดที่เมื่อมีราคาถูกลงมากแล้ว นำไปผ่าหรือบีบให้แตกแช่น้ำเอาสปอร์ที่สีดำๆ ใช้แช่ชุบกิ่งพันธุ์ไม้ผลไม้ยืนต้น นักวิชาการเกษตรที่ผลิตพันธุ์กล้าไม้ ได้นำไปใช้ช่วยเร่งราก และการเจริญเติบโตของกล้าไม้ โดยเฉพาะพืชตระกูลสน ยาง ซึ่งช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้ดีมาก ก็เป็นอย่างที่บอกไว้ ว่าเห็ดถอบหรือเห็ดเผาะเป็นพืชที่อยู่อาศัยเกื้อกูลกันกับต้นไม้ มีหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมไม่มีใครเลยหรือที่จะทำการเพาะเห็ดถอบเป็นเห็ดเศรษฐกิจบ้าง ก็เคยทราบมาว่ามีนักเพาะเห็ดพยายามแล้ว ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ เพียงพอที่จะนำออกเผยแพร่ให้ทำการเพาะเลี้ยงเป็นการค้าได้
มีแต่ข่าวเผยแพร่เป็นระยะๆ ว่ามีผู้คนทำสำเร็จ เพาะเห็ดถอบได้แล้ว บางข่าวเพาะได้โดยบังเอิญ บ้างก็ว่าเพาะแบบศึกษาหลักการทางพฤกษศาสตร์มาอย่างดีแล้ว บางคนกล้าแนะนำออกมาให้คนอื่นอิจฉา โดยเฉพาะคนที่กำลังโหยหารสชาติเด็ดของเห็ดถอบ ก็คงหากินเห็ดป่าที่มีปีละหนต่อไป ในราคากระป๋องละ 180-200 บาท คิดแล้วก็ตกกิโลกรัมละ 350-500 บาท อย่างนี้ไปก่อน ถ้าใครเพาะขายได้ดังข่าวละก็ คงจะได้รวยอื้อ แต่ปีนี้ต้องอด-ทน รอคอย อีกปีหน้าฟ้าเป็นใจคงได้อร่อยลิ้นเต็มที่ ถ้าโชคดี