เกษตรกรหนองบัวลำภู ปลูกอ้อยได้คุณภาพ แม้เป็นอาชีพเสริมแต่มีเงินเก็บทุกปี

อ้อย เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะในแต่ละรอบปีอย่างที่ทราบกันในหลายจังหวัดของบ้านเรา จะมีช่วงฤดูกาลตัดอ้อยส่งเข้าโรงงานหรือที่เรียกว่าวันเปิดหีบอ้อยนั้นเอง จึงทำให้ผลผลิตอย่างอ้อยที่เกษตรกรรอการเจริญเติบโตมาตลอดทั้งปี ได้ตัดส่งเข้าโรงงานเพื่อสร้างรายได้นำมาเงินมาใช้จ่ายภายในครอบครัว และเกษตรกรบางรายสามารถสร้างเป็นเงินเก็บได้ไม่น้อยทีเดียว

   

อ้อย พืชไร่ที่ดูแลไม่ยาก

คุณทวีรักษ์ บุปผา เกษตรกรชาวจังหวัดหนองบัวลำภู มีความชำนาญในเรื่องของการทำเกษตรมาแล้วหลายอย่าง ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนมายึดการปลูกอ้อยเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ เพราะอ้อยเป็นพืชที่ไม่ต้องมีการดูแลมากนัก สามารถปล่อยให้เจริญเติบโตได้เองตามสภาพแวดล้อมธรรมชาติ เมื่อได้อายุที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ตามฤดูกาล สามารถตัดขายสร้างผลกำไรเกิดรายได้ดี

คุณทวีรักษ์ เล่าว่า ปลูกอ้อยมาหลายสิบปีแล้ว สาเหตุที่เลือกปลูกอ้อยเป็นอาชีพเสริม เพราะอ้อยเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว สามารถสร้างเป็นเงินเก็บปลายปีได้ โดยในช่วงแรกที่เริ่มปลูกอ้อยใหม่ๆ เริ่มต้นจากปลูกบนพื้นที่เพียง 50 ไร่ ต่อมาเมื่ออ้อยให้ผลผลิตดีเห็นความสำเร็จทันตา จึงขยายการปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ปัจจุบันปลูกอ้อยอยู่ประมาณ 200 ไร่

“อาชีพหลักของผมก็จะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่งานพวกนี้ใน 1 ปี เราไม่ได้มีงานตลอด ก็เลยต้องมองหาอาชีพเสริมอย่างอื่นทำด้วย จึงได้มาเลือกปลูกอ้อย เพราะอ้อยเป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ใช้แรงงานน้อย เช่น การปลูก การเก็บเกี่ยว สามารถใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรเข้ามาช่วยได้ มันเลยตอบโจทย์ในเรื่องของการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบัน” คุณทวีรักษ์ บอก

 

ปลูกอ้อย 1 ครั้งต่อปี
ใส่ปุ๋ยเพียง 2 กระสอบต่อไร่

ในขั้นตอนของการปลูกอ้อยให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น คุณทวีรักษ์ บอกว่า ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากหากยังใช้ต้นอ้อยตอเดิมอยู่ หลังจากตัดอ้อยจำหน่ายไปแล้วได้ 7-14 วัน ยังคงเหลือตออ้อยอยู่จะใส่ ปุ๋ยยารา มีร่า 23-8-8 เพื่อเป็นปุ๋ยรองพื้นให้กับตออ้อย ในอัตราส่วน 50 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากนั้นนับต่อไปอีก 45-60 วัน จะใส่ ปุ๋ยยารามีร่า แอ๊ดว้านซ์ 21-7-14 อีกครั้งหนึ่งในอัตราส่วน 50 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อให้อ้อยมีความเขียวเติบโตเร็ว ลำต้นใหญ่ แตกกอดี และต้นสูงยาว หลังจากนั้นปล่อยให้อ้อยเจริญเติบโตไปได้อายุ 1 ปี ก็จะทำการตัดจำหน่ายส่งเข้าโรงงาน

“ในแต่ละปีผมใส่ปุ๋ยให้กับอ้อยอยู่ที่ 2 กระสอบต่อไร่ เพราะใส่อยู่ 2 สูตรๆ ละ 1 กระสอบ แม้อ้อยที่ผมปลูกจะไม่ได้ใช้น้ำจากแหล่งน้ำอื่นๆ เข้ามาช่วยมากนัก ใช้น้ำจากฝนเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อใช้ปุ๋ยยาราเขามาช่วย ปุ๋ยสามารถละลายได้ดีในสภาพอากาศชื้น เมื่อปุ๋ยละลายลงไปเข้าไปในดิน ส่งผลให้รากอ้อยนำไปใช้ได้ทันที จึงทำให้อ้อยเจริญเติบโตดี ต้นสูง ลำต้นยาวใหญ่” คุณทวีรักษ์ บอก

ผลผลิตอ้อยต่อไร่ อยู่ที่ 15-16 ตัน     

ในส่วนของผลผลิตอ้อยต่อไร่ เมื่ออ้อยโตจนครบอายุ 1 ปี สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว คุณทวีรักษ์ บอกว่า ในช่วงที่รออ้อยเจริญเติบโตไม่ต้องดูแลอะไรมาก สามารถปล่อยทิ้งไว้ภายในแปลงอยากนั้นได้ เขาก็จะไปทำงานอื่นๆ  ส่วนน้ำที่อ้อยได้รับจะเป็นน้ำที่ได้จากฤดูฝนเป็นหลัก แต่อ้อยก็สามารถเจริญเติบโตได้ที่ ซึ่งผลผลิตต่อไร่จะอยู่ที่ 15 – 16 ตัน

“หลังจากที่ผมใช้ปุ๋ยยารา เพียง 2 ครั้งต่อปี พออ้อยโตเต็มที่แล้ว บอกเลยว่าผลผลิตที่ได้ออกมาดี อ้อยมีน้ำหนักที่ดีมาก ได้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 15 ตันต่อไร่ ผมขายได้อยู่ที่ตันละ 500-600 บาท เมื่อเทียบกับต้นทุนปุ๋ยที่ใส่ไปแล้ว ก็ยังถือว่ามีผลกำไร เพราะปุ๋ยที่ใช้ต่อไร่ใช้ในปริมาณที่ไม่มาก ต้นทุนปุ๋ยเมื่อเทียบกับเงินที่ขายอ้อยได้แล้ว ถือว่าคุ้มค่าครับ” คุณทวีรักษ์ บอก

ปุ๋ยยารา ปุ๋ยดี มีคุณภาพ

สำหรับเคล็ดลับการปลูกอ้อยให้ได้ผลผลิตที่ดีและสามารถสร้างผลกำไร แม้บางช่วงราคาอ้อยจะปรับราคารับซื้อลดลงมาบ้าง คุณทวีรักษ์ บอกว่า เมื่อจำหน่ายอ้อยในแต่ละครั้งก็ยังสร้างผลกำไรได้อยู่ เพราะปุ๋ยยาราเป็นตัวช่วยสำคัญ เป็นปุ๋ยที่ตอบโจทย์ในการนำมาใส่ในพืชไร่ เมื่อปุ๋ยละลายอยู่ในดินแล้ว พืชสามารถดึงสารอาหารไปใช้ได้ทันที จึงทำให้อ้อยแตกกอไว ต้นใหญ่ได้น้ำหนักดีตามไปด้วย

“การปลูกอ้อยจะให้สำเร็จได้นั้น สำหรับผมเมื่อเรามีการเตรียมดินที่ดี และใช้ปุ๋ยดีอย่างปุ๋ยยาราเข้ามาช่วย จึงทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี เพราะปุ๋ยยามีธาตุอาหารที่ครบถ้วนเท่ากันทุกเม็ด ทำให้อ้อยในแปลงได้รับธาตุอาหารที่เท่าๆ กัน อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้อ้อยมีลำต้นใหญ่และความสูงที่เท่ากันทั้งแปลง และที่สำคัญน้ำหนักดีด้วย ปุ๋ยยารา จึงเป็นปุ๋ยคุณภาพดีที่ผมเลือกใช้ในไร่อ้อยของผมครับ”