ผู้เขียน	พานิชย์ ยศปัญญา
เผยแพร่	วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2565

อ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย อยู่ไม่ไกลจากอำเภอหนองปรือ อาณาบริเวณดูสวยงาม มีจุดชมวิวที่มองได้ไกล ถึงแม้บางช่วงน้ำไม่เต็มอ่าง แต่ก็ชวนให้แวะพัก ใครหิวก็มีร้านอาหารให้ได้กิน ใครง่วงก็มีร้านกาแฟบรรยากาศดีเยี่ยม

“ฟาร์มตะวันตก” ตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของคือ คุณธาตรี คมสัน หนุ่มใหญ่วัยเกือบ 60 ปี ฟาร์มตะวันตก เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2536 อ่างเก็บน้ำมาสร้างที่หลัง ที่ตั้งของฟาร์มอยู่ขอบอ่าง

จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ผู้คนผ่านไปมามากมาย อำเภอหนองปรือไม่ได้น้อยหน้าอำเภออื่น เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างถ้ำธารรอด และธรรมชาติป่าเขาที่สวยงาม

เลี้ยงวัวตั้งแต่เรียน

“มาที่อ่างเก็บน้ำ แล้วขับตามถนนเลียบอ่าง เลยสวนมะขามหวาน ขวามือมีป้ายเขียนว่า…จำหน่ายไก่แจ้และผักหวาน…นั่นแหละบ้านผม” คุณธาตรี หรือ คุณโหนก บอกทาง เมื่อปฏิบัติตาม จึงไปถึงที่หมายได้ไม่ยาก

หลังชื่นชมบรรยากาศของบ้าน รวมทั้งไม้ป่าที่อนุรักษ์ไว้อย่างดี การสนทนาจึงเริ่มขึ้น

คุณโหนก เป็นคนพื้นเพเดิมอยู่ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ จากวิทยาลัยเกษตรกรรมชลบุรี สถาบันการศึกษาทางการเกษตรที่ก่อตั้งมายาวนาน รู้จักกันดีในนามเกษตรบ้านอำเภอและเกษตรห้วยตู้

เคยพูดคุยกับอดีตนักศึกษาเกษตรหลายคน ส่วนใหญ่แล้วพบว่า ขณะที่เรียนอยู่ได้นำพันธุ์ไม้กลับบ้านไปให้พ่อแม่ปลูก เช่น นำมะม่วงเขียวเสวยไปเผยแพร่เพราะเมื่อก่อนหายาก บางคนก็นำอะโกลนีมาไปปลูกประดับบ้าน ต่อมาผสมและคัดเลือกจนได้สายพันธุ์ใหม่ กลายเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้อย่างดี

แต่คุณโหนกแปลกกว่าคนอื่น ตรงที่เก็บเงินในระยะ 3 ปีที่เรียน ปวช. ซื้อวัวเนื้อได้ 4 ตัว ราคาตัวละ 800-1,000 บาทในขณะนั้น

“เรียนจบ บอกทางบ้านเหมารถสิบล้อไปขนของจากชลบุรี ทางบ้านงงว่าของอะไรมากมายต้องใช้สิบล้อ ไปถึงจึงรู้ว่าเรามีวัว 4 ตัวต้องการนำกลับมาเลี้ยงที่บ้าน เรียนจบราวปี 2526 ผมไม่ได้สอบทำงานที่ไหนเลย ตั้งใจเลี้ยงวัว ใจจริงก็อยากจะเลี้ยงวัวนม แต่ต้องไปส่งนมไกลถึงหนองโพ ราชบุรี ไม่ไหว จึงเลี้ยงวัวเนื้อ เราชอบมานานแล้ว…ก่อนที่จะมาอยู่หนองปรือ เราย้ายมาอยู่ที่พนมทวน” คุณโหนก เล่า

ฟาร์มตะวันตก
งานมั่นคงกับการเลี้ยงวัว

คุณโหนก ย้ายที่ทำกินจากพนมทวนสู่อำเภอหนองปรือ เพราะเห็นว่า มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะต่อการเลี้ยงวัว เขาได้ขายที่ดิน ซึ่งสามารถทำบ่อทรายได้ จากนั้นมาซื้อที่ดินแปลงปัจจุบัน เป็นเงิน 4 ล้านบาท จำนวน 200 ไร่

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน กินเวลาหลายสิบปี โดยที่เขายังมั่นคงอยู่กับการเลี้ยงวัวเนื้อ

แนวทางการเลี้ยงวัวของคุณโหนกนั้น

หนึ่ง เลี้ยงเพื่อขายลูกวัว

สอง นำวัวในฝูงมาขุนอาหารแล้วส่งขายเป็นวัวเนื้อ

พันธุ์วัวที่เลี้ยงอยู่คือ อเมริกันบราห์มัน และลูกผสมชาร์โรเล่ส์กับแองกัส

พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จำนวน 200 ไร่ เจ้าของปลูกหญ้ารูซี่ จำนวน 100 ไร่ สำหรับปล่อยให้วัวแทะเล็มหญ้า กระนั้นก็ตาม ระยะเวลาที่เหมาะสม วัวสามารถเข้ากินหญ้าได้ในช่วงฝนถึงเดือนมกราคม จากนั้นก็ออกไปหาเล็มหญ้าตามริมอ่างเก็บน้ำ วัวที่ปล่อยทุ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 70 ตัว ใช้คนดูแล 2 คน เช้าๆ คนจะต้อนวัวออกไปหากิน เริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้า จากนั้นเที่ยงก็กลับเข้ามานอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ภายในฟาร์ม พอบ่ายโมงเศษๆ ก็ออกไปเล็มหญ้าต่อ ก่อน 6 โมงเย็นก็กลับเข้าคอก ผู้ดูแล 1 ใน 2 คน อยู่กับคุณโหนกมานานนับ 30 ปี

นอกจากวัวจำนวน 70 ตัวที่ออกหากินอาหารตามทุ่งหญ้าแล้ว ยังมีวัวที่อยู่ในโรงเรือน คือพ่อพันธุ์ ซึ่งมีทั้งอเมริกันบราห์มัน และลูกผสมชาร์โรเล่ส์กับแองกัส รวมทั้งวัวที่ขุนเพื่อจำหน่าย

วัวที่ปล่อยทุ่ง ได้กินหญ้าที่เจ้าของปลูกและขึ้นตามธรรมชาติ

ส่วนวัวขุนในคอกจะได้กินอาหารหยาบที่เป็นต้นข้าวโพดฝักอ่อนที่เจ้าของเรียกว่า ข้าวโพดแอ้ 20 กิโลกรัม ต่อตัว ต่อวัน พร้อมทั้งอาหารข้น 1 กิโลกรัม ต่อตัว ต่อวัน อาหารข้นตกกิโลกรัมละ 10 บาท ซื้อมาสำเร็จรูป ระยะขุนวัวกินเวลา 3 เดือน วัวที่นำมาขุนอายุ 1-1 ปีครึ่ง จะได้น้ำหนักต่อตัว 300-350 กิโลกรัม วัวยุโรปอย่างลูกผสมชาร์โรเล่ส์กับแองกัส เคยขายได้สูงสุดกิโลกรัมละ 120 บาท หากเป็นอเมริกันบราห์มัน ขายเหมาตัว วัวอายุ 9 เดือน ตัวละ 27,000-30,000 บาท

ปีหนึ่งที่ฟาร์มแห่งนี้ ขายวัวขุนออกไปพอสมควร หากนับรวมกับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันบริเวณนั้น รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ตัว

“การผสมพันธุ์ไม่ได้ผสมเทียม แต่ใช้พ่อพันธุ์…ที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาโรคปากและเท้าเปื่อย โรคปอดบวม เสียหายพอสมควร หลังๆ ต้องคอยระวัง เราทำมานาน ก็ต้องรักษาคุณภาพ มีบริษัทมารับซื้อโดยตรง ขี้วัวก็เป็นผลพลอยได้ขายดีมาก…วัวที่เลี้ยงอยู่ เคยมีมากสุด 200 ตัว ทุกวันนี้ไม่ถึงแล้ว” คุณโหนก บอก

ไก่แจ้ ผักหวานป่า
รายได้เสริม

เป็นที่น่าสังเกตว่า บริเวณฟาร์มตะวันตก มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ไม่น้อย เป็นพรรรณไม้ท้องถิ่นที่เจ้าของอนุรักษ์ไว้ ประโยชน์ชัดเจนมากคือวัวได้ร่มเงา เวลาผ่านไป ต้นไม้ก็มีขนาดเพิ่มขึ้น หากจะนำมาใช้สอยหรือจำหน่ายก็ได้ทั้งนั้น

มีพื้นที่บางแห่งเป็นป่าไผ่ ซึ่งเป็นไผ่ป่าพื้นเมือง ดินอุดมสมบูรณ์มาก ระหว่างป่าไผ่เจ้าของปลูกผักหวานป่า สามารถเก็บยอดจำหน่ายได้ดี

ไก่แจ้ที่นี่เคยมีชื่อเสียง ตั้งแต่ไข้หวัดนกระบาด ปริมาณที่มีอยู่จึงไม่มากนัก

“ผักหวานป่ามีเยอะ บางช่วงเก็บไปขายก็เป็นค่ากับข้าวได้ บริเวรป่าไผ่ดินสมบูรณ์ มีเห็ดโคนเกิดขึ้นตามธรรมชาติ” คุณโหนก บอก

คุณโหนก ได้พาชมฟาร์มพบว่า มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ โดยเฉพาะเครื่องจักรกลเกษตร

มีอยู่มุมหนึ่ง เจ้าของได้สร้างเตาเผาถ่านขึ้น โดยใช้เศษไม้มาเผา

“เมื่อก่อนที่ดินผมเป็นแปลงใหญ่ ตอนหลังมีถนนตัดผ่าน ผมกลัวว่า รถจะชนวัว จึงขอเขาทำอุโมงค์ ให้วัวลอด แรกๆ วัวไม่รู้ ใช้หญ้านำ หลังๆ จึงลอดไปมาได้…ตอนนี้กำลังทดลองเลี้ยงอ้น ตัวใหญ่มาก อาหารของอ้นเป็นมันสำปะหลัง แล้วก็ไม้ไผ่ เศษไม้ไผ่ที่เหลือจากอ้นกิน เอาไปเผาถ่าน ใช้ประโยชน์ได้หมด”  คุณโหนก เล่า

ถือว่าคุณโหนกเป็นคนเกษตร ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ ผู้ที่สนใจแลกเปลี่ยนข้อมูล ถามได้ตามที่อยู่ หรือโทรศัพท์ 089-549-9911

………….

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563