ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาหารที่เป็นวัตถุดิบจากเนื้อโคกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคได้หันมาปรุงอาหารจากเนื้อโคมากขึ้น รวมถึงร้านอาหาร จึงทำให้เมนูที่รังสรรค์จากเนื้อโคมีให้เลือกมากมายหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการนำมาทำเป็นเนื้อตุ๋น เนื้อโคย่าง และทำเป็นสเต๊ก เป็นต้น จึงทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อได้หันมาใส่ใจในการนำสายพันธุ์โคเนื้อที่มีผลตอบแทนดีและให้คุณภาพเนื้อที่ตรงตามตลาดต้องการเข้ามาเลี้ยงภายในฟาร์มเพื่อเป็นการสร้างรายได้
คุณอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ อยู่บ้านเลขที่ 355 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองหญ้าขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการทำตลาดนำการผลิต จึงได้หันมาเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ลูกผสมแองกัสที่สามารถสร้างเป็นเนื้อโคขุนที่ให้เนื้อคุณภาพ สามารถตีตลาดกลุ่มลูกค้าที่นิยมบริโภคได้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรม กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ตลาด ไปจนกลุ่มลูกค้าที่ชอบกินเนื้ออยู่เป็นประจำ
คุณอรรควัฒน์ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนทำอาชีพทางด้านการค้าขาย ต่อมาเกิดความชอบโคเนื้อ จึงได้นำเข้ามาเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมรายได้ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ จากนั้นเมื่อการเลี้ยงโคเนื้อเริ่มประสบผลสำเร็จมากขึ้นจึงได้หันมาทำเป็นธุรกิจการเลี้ยงอย่างเต็มตัว และเริ่มมองว่าตลาดโคเนื้อมีทิศทางและต้องการสินค้าจากเนื้อแบบไหน ทำให้เดิมจากการที่เลี้ยงโคเนื้ออเมริกันบราห์มันก็นำมาปรับปรุงพันธุ์ให้เป็นลูกผสมแองกัส
“ช่วงแรกๆ ผมเลี้ยงแต่โคเนื้อลูกผสมพันธุ์พื้นเมือง โคเนื้อลูกผสมอเมริกันบราห์มัน พอเราต้องการปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงเป็นโคเนื้อลูกผสมแองกัส ช่วงแรกทำการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ ก็จะได้โคเนื้อที่เป็นลูกผสมเลือดแองกัสและอเมริกันบราห์มันอยู่ที่อย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาพอเราต้องการให้เป็นลูกผสมแองกัสมากขึ้น ก็จะทำการผสมพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง ก็จะเป็นโคเนื้อลูกผสมแองกัสเลือดผสมอยู่ที่ 62.5 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่เราไม่ให้สายเลือดสูงเกินไปกว่านี้ เพราะถ้ามากเกินไปจะส่งผลต่อการทนสภาพแวดล้อมของสัตว์ได้ เพราะฉะนั้น สายเลือดโคเนื้อลูกผสมแองกัสอยู่ที่ค่านี้ เป็นเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม ทำให้การเลี้ยงเราทำได้ง่ายขึ้น และช่วยให้คุณภาพเนื้อดีตามไปด้วย” คุณอรรควัฒน์ บอก
ในขั้นตอนของการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมแองกัสเพื่อสร้างเป็นโคขุนที่ให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพนั้น คุณอรรควัฒน์ บอกว่า การเลี้ยงแม่พันธุ์จะมีการจัดโซนการเลี้ยงอย่างชัดเจน แม่พันธุ์โคที่ตั้งท้องจะไม่ให้มาอยู่รวมกับแม่พันธุ์ที่ยังไม่ตั้งท้อง หลังลูกโคเนื้อที่คลอดออกมารู้แล้วว่าเป็นตัวผู้ ทางฟาร์มจะจัดเตรียมดำเนินการตามแผนเพื่อสร้างให้เป็นโคขุน พร้อมทั้งมีการให้อาหารตามสูตรที่กำหนด
โดยในช่วงแรกจะให้ลูกโคอยู่กับแม่โคจนอายุได้ 4 เดือน จากนั้นจับลูกโคแยกออกจากแม่และฝึกให้กินอาหารทีเอ็มอาร์ที่เป็นสูตรผสมนมผงเป็นสูตรเฉพาะที่ฟาร์มเตรียมไว้ พร้อมทั้งให้อาหารที่มีปริมาณโปรตีนอยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์ ก็จะช่วยให้ลูกโคกินอาหารได้เร็วและกินได้ในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย เลี้ยงไปเรื่อยๆ จนลูกโคมีน้ำหนักอยู่ที่ 250 กิโลกรัม จะมีการจัดแผนการขุนอีกรอบ โดยลูกโคบางส่วนจะเลี้ยงสร้างเป็นโคขุนเองภายในฟาร์ม และอีกส่วนจะแบ่งจำหน่ายให้กับเพื่อนเกษตรกรหรือเพื่อนๆ สมาชิกรายอื่นนำไปเลี้ยงเป็นโคขุนสร้างรายต่อไป
“โคเนื้อลูกผสมแองกัสที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 250 กิโลกรัม ช่วงวัยนี้ลูกโคจะมีอายุอยู่ที่ 7-8 เดือน ซึ่งระยะนี้ลูกโคจะมีการเติบโตที่ดีมาก จากนั้นเราก็จะนำมาขุนต่อให้มีน้ำหนักขึ้นไปถึงที่ 400 กิโลกรัม ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน ในระยะนี้จะให้กินอาหารที่มีทีเอ็มอาร์ต่อตัวต่อวันอยู่ที่ 18-20 กิโลกรัม เมื่อน้ำหนักได้ครบตามที่กำหนดแล้ว ต่อมาก็จะนำมาขุนในระยะสุดท้ายหรือที่เรียกกันว่าปลายน้ำ ในระยะนี้จะให้โคกินอาหารที่เป็นสูตรพิเศษเพื่อให้ในเนื้อโคมีไขมันแทรกในเนื้อ โดยโคจะต้องได้รับอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ และมีไขมันอยู่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ขุนไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช้เวลาอีกประมาณ 8-12 เดือน โคที่ขุนก็จะได้น้ำหนักเฉลี่ยต่อตัวอยู่ที่ 600-750 กิโลกรัม พร้อมเข้าสู่โรงเชือดได้” คุณอรรควัฒน์ บอก
ในเรื่องของการทำวัคซีนเพื่อป้องกันโรคให้กับโคเนื้อลูกผสมแองกัสภายในฟาร์มนั้น คุณอรรควัฒน์ บอกว่า จะมีการจัดทำแผนการฉีดวัคซีนที่แน่นอนชัดเจน โดยการป้องกันหลักๆ จะเป็นโรคปากเท้าเปื่อยปีละ 2 ครั้ง โรคคอบวมปีละ 1 ครั้ง และส่วนอื่นๆ เป็นในเรื่องของการทำความสะอาดโรงเรือนที่โคอยู่ หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอก็จะช่วยให้โคไม่เกิดโรคและมีสุขภาพที่ดี
เมื่อโคเนื้อลูกผสมแองกัสที่ขุนโตเต็มที่และมีน้ำหนักตรงตามเกณฑ์ที่ต้องการแล้ว คุณอรรควัฒน์ บอกว่า จะส่งโคเหล่านี้เข้าสู่โรงเชือดที่ได้มาตรฐาน และแบ่งเนื้อของโคออกเป็นส่วนต่างๆ ตามที่ตลาดกำหนดไว้ โดยชิ้นเนื้อโคเหล่านี้จะมีการส่งจำหน่ายยังร้านอาหารที่ส่งซื้อกันอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งทำเป็นชิ้นเนื้อเพื่อนำไปปรุงเป็นสเต๊กและอาหารร้านชาบูต่างๆ และที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเนื้ออีกหนึ่งช่องทางคือการนำเนื้อมาแปรรูปเสียบไม้ผลิตเป็นเนื้อย่าง
“เนื้อโคแองกัสเป็นเนื้อที่ทำได้หลากหลายเมนูมาก เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าต้องการนำไปทำอะไร ก็สามารถสั่งซื้อทางเรามาได้ ซึ่งเนื้อที่บริโภคในโค 1 ตัว ราคาเนื้อก็จะแบ่งกันไปตามเกรด ตามคุณภาพ ตามการมีไขมันแทรกที่ตลาดกำหนด ราคาสามารถขายได้ตามเกรดนั้น โดยเฉลี่ยแล้วโคเนื้อขุนแองกัส 1 ตัว ขายแบบยกซากจะทำเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000-90,000 บาทต่อตัว แล้วแต่ขนาดเล็กใหญ่ของโค และถ้าขายเป็นชิ้นเนื้อ ชิ้นส่วนต่างๆ และมีการแปรรูปที่หลากหลายต่อตัวก็จะสามารถทำเงินได้ 100,000-150,000 บาทต่อตัว ซึ่งปัจจุบันการทำตลาดออนไลน์ก็ง่ายมากขึ้น จึงทำให้เราส่งเนื้อสดๆ ถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ” คุณอรรควัฒน์ บอก
สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมแองกัสหรือต้องการสั่งซื้อผลผลิตเนื้อคุณภาพ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ หมายเลขโทรศัพท์ 089-061-7420, 081-294-0873