เลี้ยงแพะกลางสวน อาชีพเสริม รายได้งาม

แพะถือเป็นสัตว์ที่น่าเลี้ยงน่าสนใจน่าศึกษาอีกประเภทหนึ่งน่ะครับ เพราะว่าสามารถเลี้ยงเพื่อขายได้ทั้งเนื้อ นม ขน หรือแม้กระทั่งเขา แถมราคายังดีอีกด้วย แพะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องที่สุดในจำนวนสัตว์ชนิดที่ใกล้เคียงกันและตอนนี้ก็เป็นที่นิยมเลี้ยงกันในกลุ่มเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ มีทั้งเลี้ยงแบบเป็นรายได้เสริมและเลี้ยงแบบเป็นอาชีพหลักเปิดเป็นฟาร์มเลยก็มี และที่สำคัญในเรื่องการทำตลาดแพะสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เช่น แพะสวยงาม นำไปประกอบอาหารและผลิตลูกพันธุ์ดีให้กับผู้ที่สนใจเลี้ยงต่อไป เพราะแพะสามารถให้ลูกได้ไว โดย 2 ปี อาจผลิตลูกได้เฉลี่ย 3-4 ครอก จึงได้ผลตอบแทนและคืนทุนให้กับผู้เลี้ยงได้ไม่ยาก 

คุณประเสริฐ แสงศรีจันทร์ เกษตรกรเลี้ยงแพะ

คุณประเสริฐ แสงศรีจันทร์ อยู่บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ที่ 1 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เป็นเกษตรกรที่ทำการเกษตรหลากหลาย ทั้งการทำสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา เลี้ยงผึ้ง เลี้ยงปลากินพืช เลี้ยงกุ้งก้ามกราม เลี้ยงสุกรพื้นเมือง (หมูขี้พร้า) เลี้ยงวัว และเลี้ยงแพะเนื้อ

คุณประเสริฐ เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่เลือกเลี้ยงแพะ เพราะมีข้อดีหลายอย่าง ทั้งการมีลูกเร็ว ลงทุนน้อย ขายได้เร็ว ใช้พื้นที่เลี้ยงเพียงเล็กน้อยจึงมีต้นทุนการเลี้ยงไม่มากเมื่อเทียบกับการเลี้ยงโค แพะช่วยกำจัดวัชพืชในสวน และตลาดยังมีความต้องการตลอดเวลา บวกกับพื้นที่บ้านอยู่ห่างไกลจากชุมชน ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน และที่สำคัญการเลี้ยงแพะการจัดการระบบต่างๆ สามารถทำได้ง่าย เพราะแพะเป็นสัตว์เล็ก อีกทั้งยังสามารถนำมูลแพะมาใช้กับต้นปาล์มน้ำมันเพื่อช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีและมีชาวบ้านนำไปใช้ผสมกับวัสดุอื่นเพื่อทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใช้กับพืชผลทางการเกษตร โดยขายให้ชาวบ้านกระสอบละ 40 บาท เนื่องจากมูลแพะมีธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืช มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ค่อนข้างมาก

ในช่วงแรก เริ่มต้นจากแพะตัวเมีย 7 ตัว พร้อมกับพ่อพันธุ์ 1 ตัว เพื่อเป็นการทดลองและเรียนรู้อุปนิสัยของแพะไปพร้อมกัน ต่อมาเมื่อการเลี้ยงประสบผลสำเร็จไม่เกิดปัญหาจากการเลี้ยง จึงค่อยๆ ขยายพันธุ์ให้มีจำนวนมากขึ้น จนเวลานี้มีแพะจำนวน 70 ตัว

คุณวินัย วรรธนะนาถ เกษตรอำเภอสิเกา ลงพื้นที่ให้กำลังใจเกษตรกร
คุณไพโรจน์ เพชรจำรัส เกษตรตำบล

โรงเรือนมีขนาด 4×8 เมตร ยกใต้ถุนสูงจากพื้นดินประมาณ 1.20 เมตร ส่วนโรงเรือนมีขนาด 4×8 เมตร และมีการต่อเติมโรงเรือนเมื่อมีปริมาณแพะเพิ่มมากขึ้น ภายในโรงเรือนจะแบ่งเป็นคอกๆ เป็นสัดส่วนและใช้เป็นคอกอนุบาลด้วย

“แพะตัวเมียอายุ 7-8 เดือนสามารถผสมพันธุ์ได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ จึงเน้นเลี้ยงให้มีอายุอย่างต่ำ 1 ปี ถึงจะปล่อยให้ผสมพันธุ์ จากนั้นรอตั้งท้องประมาณ 5 เดือน พอได้ลูกออกมาแล้วปล่อยให้กินนมแม่ก่อน ลูกแพะจะเริ่มอดนมแล้วเริ่มกินหญ้าเมื่อมีอายุได้สัก 2 เดือน ซึ่งอาจจะยังไม่หยุดกินนมทันที เพียงแต่จะกินน้อยลงเพราะกินพืชแทนได้บ้าง แต่พอลูกอายุได้สัก 4 เดือน แม่แพะจะไม่ยอมให้กินนมแล้ว จะแสดงอาการด้วยการเตะลูกทุกครั้งที่ลูกเข้าไปดูดนม อีกทั้งแม่แพะกำลังเริ่มจะผสมพันธุ์ในรอบต่อไปด้วย” คุณประเสริฐ บอก

แนวทางการเลี้ยงแพะเนื้อของคุณประเสริฐคือจะซื้อแพะที่มีความเด่นของแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันเพื่อให้ได้แพะที่ตรงตามความต้องการของตลาด โดยเริ่มจากใช้แพะพันธุ์พื้นเมืองผสมกับแพะนมเพื่อต้องการให้มีเนื้อมาก มีน้ำนมให้ลูกมากพอ ต่อมาใช้พันธุ์บอร์ผสมกับแพะนม หรือพันธุ์แองโกลนูเบียน จนถึงทุกวันนี้ เพื่อให้ได้ลูกผสมบอร์ที่มีลักษณะเด่น คือให้น้ำนมมาก ลูกแพะมีนมกินอย่างเพียงพอ ขนาดตัวโต และอัตราการแลกเนื้อที่ดี

Advertisement
ลักษณะโรงเรือนเลี้ยงแพะ

คุณประเสริฐ เล่าให้ฟังว่า มีที่ดินประมาณ 70 ไร่ แบ่งเป็นสวนยางพารา 30 ไร่ สวนปาล์มน้ำมัน 30 ไร่ พื้นที่บ้าน สระน้ำ และโรงเรือนเลี้ยงวัว รวมกันประมาณ 10 ไร่ ส่วนโรงเรือนเลี้ยงแพะจะตั้งอยู่ในสวนยางพารา รูปแบบการเลี้ยงแพะเป็นการเลี้ยงแบบผสมผสานกับการปลูกพืช โดยการปล่อยแพะให้กินหญ้าหรือพืชพรรณต่างๆ ในสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพารา ร่วมกับวัว ซึ่งมีการทำรั้วรอบสวนยางพาราเพื่อป้องกันสุนัขเข้ามาไล่กัดแพะ

โดยปกติจะปล่อยแพะให้ออกกินหญ้าเวลา 13.00 น. ของทุกวัน เวลาประมาณ 17.00 น. แพะจะมากินหญ้าที่เตรียมไว้ในคอกหญ้าและแพะจะกลับเข้าโรงเรือนเวลาประมาณ 19.00 น. โดยคุณประเสริฐได้ให้เหตุผลของการเลี้ยงแพะแบบผสมผสานกับการปลูกพืช เพราะแพะเป็นสัตว์ที่กินง่าย สามารถกินอาหารได้หลากหลาย มีเพียงพืชบางอย่างที่กินไม่ได้ซึ่งโดยธรรมชาติแพะก็ไม่กินอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนทั้งค่าอาหารและค่าตัดหญ้าในสวนยางพาราด้วย ซึ่งค่าจ้างตัดหญ้าจะอยู่ที่ 6,000-7,000 บาทต่อครั้ง

Advertisement

คุณประเสริฐขายแพะได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากความต้องการของลูกค้ามักใช้แพะประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม ตามความเชื่อของชาวมุสลิมเมื่อมีบุตรเกิดขึ้นจะต้องเฉลิมฉลองด้วยการล้มแพะ หรือใช้สำหรับเทศกาลทางพิธีสำคัญทางศาสนา โดยราคาขายแพะอยู่ระหว่าง 170-180 บาทต่อกิโลกรัม หรือตัวละประมาณ 2,000-2,500 บาท โดยแต่ละปีขายได้ประมาณ 50-60 ตัว สร้างรายได้ประมาณ 100,000-150,000 บาท

การปล่อยแพะกินหญ้า

“เมื่อลูกแพะได้อายุ 4-5 เดือน หากต้องการขายก็สามารถขายได้ทันที โดยแพะที่ขายมักเป็นตัวผู้ เพราะมีน้ำหนักดี มีคุณภาพเนื้อดี ส่วนตัวเมียจะเก็บไว้เป็นแม่พันธุ์ต่อไป แต่จำกัดจำนวนแพะทั้งคอกไม่ให้เกิน 70 ตัว เพราะถ้าเกิน 70 ตัวจะแออัดจนเกินไป ส่วนพ่อพันธุ์จะเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการผสมของสายเลือดเดียวกันจนทำให้ลูกที่ออกมามีความอ่อนแอ ขี้โรค ไม่สมบูรณ์ จนราคาตก การคัดเลือกพ่อพันธุ์จะเลือกตัวที่มีขนาดใหญ่ เป็นแพะพันธุ์ดี น้ำหนัก 50 กิโลกรัมขึ้นไป”

คุณประเสริฐ เล่าว่า จากประสบการณ์เลี้ยงแพะกว่า 10 ปี โรคระบาดและอาการที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยกับแพะจนได้รับความเสียหายคือโรคปากเท้าเปื่อย แต่จะพบโรคดังกล่าวนานๆ ครั้ง เนื่องจากจะติดตามการแจ้งเตือนการระบาดของโรคจากสำนักงานปศุสัตว์อำเภออย่างต่อเนื่อง ถ้าพบโรคระบาดจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปศุสัตว์อำเภอทราบและนำวัคซีนมาฉีดเพื่อป้องกันการระบาดและมีการฉีดยาถ่ายพยาธิให้กับแพะทุก 3 เดือนด้วย

พ่อพันธุ์

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากเลี้ยงแพะเพื่อสร้างรายได้ คุณประเสริฐ แนะนำว่า การทำงานด้านปศุสัตว์ อย่างเช่น การเลี้ยงแพะ สิ่งที่ต้องให้มีอยู่ในใจคือเรื่องของความตั้งใจที่จะทำ เพราะการทำเกษตรต้องใช้ความอดทนแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะในช่วงแรกที่เริ่มทำจะเกิดความเหนื่อย ยิ่งการเลี้ยงสัตว์ด้วยแล้ว ในเรื่องของการเจ็บป่วยเจ็บตายมีให้เห็นอยู่เสมอ แต่เมื่อเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นและรับมือได้ทันท่วงที จะช่วยให้การเลี้ยงประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประเสริฐ แสงศรีจันทร์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-077-3345 หรือสำนักงานเกษตรอำเภอสิเกา โทร. 075-291-124

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2564