ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
“อาชีพทางการเกษตร” จุดเริ่มต้นมาจากสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าแรงบันดาลใจ จนเกิดคำตอบที่แท้ที่จริงแล้วว่า คืองานที่เกษตรกรหลายท่านมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว กลับเป็นงานที่เขาต้องมาทำอย่างจริงจัง และเดินอยู่บนเส้นทางสายนี้อย่างมั่นคงทางรายได้ พร้อมกับพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ยิ่งๆ ขึ้นไป จนเกิดความเชี่ยวชาญและชำนาญในสิ่งที่ทำ สามารถอยู่บ้านกับครอบครัวโดยที่ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปในเมืองใหญ่
ว่าที่ ร.ต.หญิง สุภาภรณ์ ซอนดอก หรือ คุณพร หญิงแกร่งแห่งเมืองย่าโม เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคนในครอบครัว นั้นก็คือ คุณชายกลาง เหล่านาดี พี่ชายของเธอที่ยึดอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อสร้างรายได้ จากการได้เห็นต้นแบบจากคนใกล้ชิดนี้เอง ความมุ่งมั่นในการทำประกอบอาชีพทางการเกษตร จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้ลาออกจากงานประจำมาทำปศุสัตว์ผสมผสานควบคู่กับการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ด้วย
คุณพร เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนทำงานประจำเป็นสาวออฟฟิศ ในระหว่างนั้นแฟนของเธอได้ซื้อโคเนื้อเข้ามาเลี้ยง เพื่อหวังจะสร้างผลกำไรที่ได้จากการเลี้ยงไว้เป็นเงินเก็บให้กับครอบครัว โดยในช่วงแรกๆ เน้นจ้างคนอื่นเลี้ยง จึงทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น และเมื่อโคเนื้ออยู่ไปนานๆ สุขภาพก็ไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้เธอตัดสินใจนำโคเนื้อมาเลี้ยงเอง พร้อมทั้งคุยกับพี่ชายอยู่เสมอเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เจอ จากการเริ่มต้นในครั้งนี้ทำให้การทำปศุสัตว์เป็นอาชีพหลักของเธอมาจนถึงปัจจุบัน
“สมัยก่อนการทำเกษตรนี่ สำหรับเรามองเลยว่ามันยากลำบาก ไม่อยากจะมาเดินในเส้นทางนี้เหมือนครอบครัว แต่เมื่อแฟนตัดสินใจแล้วที่จะทำ เราก็ต้องมาสานต่อไปให้ได้ พอมาเริ่มเลี้ยงและเห็นว่าพี่ชายทำแล้วประสบผลสำเร็จอยู่ก่อน จึงได้ปรึกษาพี่ชายและเปลี่ยนจากที่เลี้ยงโคเนื้อพื้นเมืองทั่วๆ ไป มาเลี้ยงเป็นสายพันธุ์อเมริกันบราห์มันลูกผสม เพื่อที่ตลาดจำหน่ายได้ง่ายขึ้น ซึ่งความสำเร็จนี้ก็มาจากพี่ชายที่แนะนำมาโดยตลอด หลังจากทำจนชำนาญก็ออกจากงานประจำมาทำเกษตรอย่างเต็มตัวในเวลา”
สำหรับการจัดสรรพื้นที่เลี้ยงโคเนื้อนั้น คุณพร บอกว่า พื้นที่บ้านของเธอมีการทำเกษตรหลายอย่างตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ ต่อมาเมื่อเธอมารับช่วงต่อจึงได้แบ่งพื้นที่สำหรับปลูกหญ้าอาหารสัตว์ไว้ให้โคเนื้อกิน พร้อมทั้งแบ่งพื้นที่ให้โคได้เดินเล่นและกินหญ้าในทุกๆ วัน ส่วนพื้นที่โรงเรือนนอนทำเป็นคอกภายในแยกกันไว้อย่างดี เพราะช่วงที่แม่โคท้องใกล้คลอดต้องทำการแยกออกจากฝูงเพื่อความปลอดภัย
อาหารที่ใช้เลี้ยงโคในแต่ละวัน จะมีตั้งแต่หญ้าสดสลับกับฟางข้าว พร้อมทั้งเสริมด้วยอาหารข้นที่มีโปรตีนอยู่ที่ 21 เปอร์เซ็นต์ ให้กินต่อตัวต่อวันอยู่ที่ 2 กิโลกรัม ซึ่งการเสริมด้วยอาหารข้นเข้ามาช่วย ทำให้โคที่เลี้ยงมีความแข็งแรงไม่ผอม หากเห็นถึงการลงทุนแล้วละก็ เมื่อมองไปถึงอนาคตว่าถ้าไม่บำรุงด้วยอาหารข้น โคจะโตได้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
“การเลี้ยงโคเนื้อ ต้องดูแลในเรื่องของความสะอาด พร้อมทั้งป้องกันโรคก็จะมีการทำวัคซีนตามที่กำหนด หลักๆ ก็ปากเท้าเปื่อย การฉีดยาบำรุง การถ่ายพยาธิทุก 6 เดือนครั้ง ก็จะช่วยให้โคมีความแข็งแรง ซึ่งโคเนื้อนี่ถือว่าเลี้ยงง่าย เรามาดูแลให้อาหารช่วงเช้ากับเย็นแค่นั้น ส่วนเวลาว่างระหว่างวันก็จะไปดูแลสัตว์อื่นๆ พวกเป็ดและไก่ชนที่เลี้ยงไว้ การทำแบบนี้ก็จะถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเลี้ยงเสริมเข้ามา ตัวช่วยในการสร้างรายได้”
ส่วนเป็ดและไก่พื้นเมืองที่เลี้ยงจะแบ่งพื้นที่ให้อยู่บริเวณภายในฟาร์ม เมื่อเป็ดและไก่วางไข่จะเน้นปล่อยให้ฟักเองตามธรรมชาติ เมื่อลูกสัตว์ปีกเหล่านั้นโตได้อายุที่พร้อมจะขายได้ ก็จะโพสต์ตามหน้าสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้ลูกค้าเห็น เมื่อมีการซื้อขายกันเกิดขึ้น จะส่งสัตว์ปีกให้กับลูกค้าทันที ในแต่ละเดือนหากช่วงไหนที่โคเนื้อยังจำหน่ายไม่ได้ ก็จะเกิดรายได้รายเดือนจากการจำหน่ายสัตว์ปีกเหล่านี้
ราคาขายสัตว์ที่เลี้ยงทั้งหมดภายในฟาร์ม อย่างเช่น โคเนื้ออเมริกันบราห์มันเลือดร้อยเพศเมียหย่านมแล้ว อายุ 6 เดือนขึ้นไป ราคาต่อตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 200,000 บาท ตัวผู้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 70,000 บาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบซื้อโคเนื้ออเมริกันบราห์มันที่มีสีแดง ส่วนสัตว์ปีกอย่างเป็ดอายุ 3-4 เดือน จับขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ไก่บ้านกิโลกรัมละ 80 บาท และไก่คัดชนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 800 บาท
ตั้งแต่มาทำอาชีพทางการเกษตรอย่างเต็มตัว คุณพร บอกว่า รู้สึกรักและชื่นชอบการทำปศุสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างตอบโจทย์ให้กับชีวิตของเธอ และโชคดีที่เธอได้เริ่มทำอาชีพนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย หากมาทำหลังจากเกษียณจากการทำงานประจำคงไม่ทันเวลา และคงไม่มีแรงที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เหมือนทุกวันนี้
“ช่วงนี้รู้สึกว่ามีความสุขมาก ที่ได้มาทำตรงจุดนี้ ยิ่งเลี้ยงยิ่งผูกพันรักเขาไปเรื่อยๆ และอนาคตก็จะต่อยอดทำเรื่อยๆ เพราะอย่างโคเนื้อเป็นรายได้ประจำปี ส่วนสัตว์ปีกก็เป็นรายได้ประจำเดือน เราสามารถเอามาหมุนเวียนใช้ภายในฟาร์มได้ ใครที่สนใจอยากจะทำ ก็อยากให้เริ่มต้นเกิดจากความรักก่อน ถ้าชอบจริงก็ค่อยๆ ต่อยอด ทำไปในทิศทางที่ต้องการ เชื่อว่าทุกคนสามารถประสบผลสำเร็จได้แน่นอน”
หากท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ว่าที่ ร.ต.หญิง สุภาภรณ์ ซอนดอก หรือ คุณพร ณ บ้านหนองโคบาล ตำบลบึงพะไล อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา หมายเลขโทรศัพท์ 084-477-8678 และ 061-532-9398