เผยแพร่ |
---|
“เนยจากก๊าซคาร์บอน” เป็นการนำคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและไฮโดรเจนจากน้ำมาผลิต เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Savor เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ดำเนินการภายใต้ Orca Sciences ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานและวัสดุศาสตร์ ที่ลงทุนโดย บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอบริษัทไมโครซอฟต์
“ซาวอร์” บริษัทสตาร์ทอัพจากแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ได้คิดค้นกระบวนการผลิตเนยที่ไม่ต้องใช้สัตว์ โดยใช้เทอร์โมเคมีสร้างโมเลกุลของไขมัน จากคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน และออกซิเจน ซึ่งบริษัทได้ประกาศเปิดตัวเนยชนิดใหม่ที่ไม่ต้องใช้สัตว์ในการผลิตเนยแล้ว

เป้าหมายของงานวิจัยชิ้นนี้ ต้องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตรกรรมลง ซึ่งภาคการเกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศราวร้อยละ 8.5 ของปริมาณก๊าวซเรือนกระจกทั้งโลก
ซาวอร์ ชี้ว่าผลิตภัณฑ์เนยของบริษัทผลิตขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นมวัวหรือนมของสัตว์อื่น แต่เป็นเทคโนโลยีของการใช้ความร้อนเพื่อผสมสานองค์ประกอบสำคัญในอากาศคือคาร์บอนไดออกไซด์, ไฮโดรเจนและออกซิเจนเข้าด้วยกัน และสังเคราะห์ออกมาเป็นไขมัน จากนั้นก็นำไขมันสังเคราะห์เหล่านี้ไปเติมน้ำและสารคงตัว (อีมัลซิไฟเออร์) เติมสารเบตาแคโรทีนเพื่อให้สีสันที่น่ารับประทานและแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันโรสแมรี่ ได้ออกมาเป็นเนยเทียมแบบใหม่ที่ให้รสชาติเหมือนเนยแท้
กระบวนการผลิตเนยแบบใหม่ของซาวอร์ จะมีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ ซึ่งมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่ำกว่า 0.8 กรัมต่อแคลอรี่ โดยปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของเนยแท้มีไขมัน 80% อยู่ที่ประมาณ 2.4 กรัมต่อแคลอรี่
กระบวนการผลิตจะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเลย และไม่ต้องใช้พื้นที่ทำฟาร์ม ใช้น้ำในปริมาณที่น้อยกว่าการเกษตรแบบเดิมนับพันเท่า แถมรสชาติมีความคล้ายเนยจริงมาก
‘แคธลีน อเล็กซานเดอร์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซาวอร์ กล่าวว่า จะเริ่มวางขายเนยดังกล่าวในปี 2025 ซึ่งกระบวนการผลิตนี้จะไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงไม่ต้องใช้พื้นที่ทำการเกษตรและใช้น้ำน้อยกว่าเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมถึงหนึ่งในพันส่วน และที่สำคัญที่สุดจะมีรสชาติเหมือนเนยจริง

ในปัจจุบันอาหารสังเคราะห์ส่วนใหญ่ เช่น เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง ยังคงมีราคาแพง เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตสูง และยังไม่เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะมากนัก ซึ่งซาวอร์ ยืนกรานว่าจะสามารถแข่งขันกับต้นทุนของเนยแท้ได้ แต่อีกประเด็นที่น่ากังวลคือ ผู้ซื้อจะเปิดใจลองผลิตภัณฑ์ที่มาจากการทดลองหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการผลิตเนยสังเคราะห์จากคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและไฮโดรเจนจากน้ำ ก็คือ เรื่องของราคา ถ้าหากสามารถทำให้ราคาต่ำลงก็จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ นักวิจัยบอกว่า การจะเพิ่มปริมาณการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ในทางทฤษฎีแล้วไม่น่าจะมีปัญหามากนัก
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : theopener.co.th , Dailynews และ https://www.iflscience.com/lab-made-butter-created-from-co2-tastes-like-the-real-thing-says-bill-gates-75144