ที่มา | เทคโนโลยีปศุสัตว์ |
---|---|
ผู้เขียน | ทุยโทน ท้ายทุ่ง |
เผยแพร่ |
สวัสดีครับ เปิดหัวบทความของผมในฉบับนี้ ขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาให้ทราบกัน
“…เมืองไทยนี้ต้องพึ่งเกษตรกรเป็นสำคัญ เพราะว่าเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศและต้องยึดอาชีพนี้มาและไม่ใช่เพราะเหตุนั่นเท่านั้นเอง แต่ว่าประเทศหนึ่งประเทศใดจะอยู่ได้ก็เพราะว่ามีกสิกรรม การประกอบอาชีพ ในด้านผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติ ทั้งในด้านที่จะเป็นการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่ ปลูกผลไม้ หรือทำมาหากินในด้านปศุสัตว์หรือประมง…”
พระราชดำรัสในโอกาสที่คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง และสมาชิกผู้รับนมสดเข้าเฝ้าฯ ณ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2530
พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสถึงการเกษตรในประเทศเราอยู่เสมอ ควรแล้วที่พวกเราชาวเกษตรในสาขาต่างๆ ควรเอาใจใส่ รักและให้ความสำคัญในอาชีพของตนเอง เหมือนกับเจ้าของฟาร์มสาวสวยที่ผมนำเสนอในฉบับนี้ ไปพบกับเธอเลยครับ
สาวสวยกับอาชีพเลี้ยงวัว มีกว่า 300 ไร่ ที่ต้องดูแล
พาท่านมาที่ บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ไปพบกับ คุณนิตยา จันทะโพธิ์ หรือ คุณนิด
คุณนิตยา เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า “นิดเรียนจบสาขาอุตสาหกรรมเกษตร มาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ตอนนี้หันมาจับงานที่บ้านที่ทำต่อเนื่องกันมากว่า 35 ปีแล้ว ก็คือการเลี้ยงวัวเนื้อ จริงๆ การเลี้ยงวัวของที่บ้านเริ่มมาจากสมัยปู่ให้วัวพ่อมา 9 ตัว แล้วก็มีการเลี้ยงต่อเนื่องจนทุกวันนี้ รวมก็ประมาณ 35 ปี ตอนนี้นิดก็มาทำเอง เลี้ยงเอง โดยมีพ่อแม่เป็นพี่เลี้ยงให้มา 4 ปีแล้วค่ะ”
ในฟาร์มของคุณนิตยามีพื้นที่ให้ดูแลถึง 300 ไร่ “พื้นที่ของเราเองทั้งหมดประมาณ 300 ไร่ แบ่งเป็นแปลงปลูกหญ้าเนเปียร์ 10 ไร่ แปลงหญ้าธรรมชาติ 50 ไร่ และมีแปลงปลูกหญ้ารูซี่อีก 240 ไร่ นอกจากนั้น ก็จะมีบ้านพัก คอกวัว ของเราด้วย”
ทำทั้งต้นน้ำสร้างลูกผสม และกลางน้ำวัวขุน
คุณนิตยา เล่าต่อไปว่า เธอเลี้ยงวัวทั้งแบบต้นน้ำโดยมีฝูงแม่วัวเพื่อผลิตวัวลูกผสม และทำกลางน้ำโดยใช้ลูกวัวตัวผู้ที่มีเข้าขุน “ตอนนี้มีวัวทั้งหมด 130 ตัว แบ่งเป็น วัวขุนตัวผู้อายุ 2-3 ปี มีอยู่ 20 ตัว วัวตัวผู้ที่เป็นวัวหนุ่มเลี้ยงไว้ก่อนเข้าขุนอายุ 1 ปีกว่า อีก 20 ตัว มีวัวพ่อพันธุ์บรามันห์เลือดสูงประมาณ 75% 1 ตัว พ่อพันธุ์ชาโรเลส์เลือดสูงประมาณ 75% อยู่ 2 ตัว มีฝูงแม่วัวท้องพร้อมมีลูกอยู่ 49 ตัว วัวสาว 20 ตัว และสุดท้ายมีลูกวัวเพิ่งคลอดหรืออายุน้อย 3-4 เดือน อีก 18 ตัว วัวทั้งหมดมี 2 สายพันธุ์คือ เป็นวัวลูกผสมอเมริกันบรามันห์กับลูกผสมชาโรเลส์ เราทำทั้งต้นน้ำและกลางน้ำค่ะ วัวฝูงแม่พันธุ์ของเราจะปล่อยให้พ่อพันธุ์คุมฝูง ลูกวัวที่ได้หากเป็นตัวผู้เราจะเก็บไว้เพื่อให้ได้อายุแล้วเอาเข้าขุน หรือบางส่วนอาจจะคัดขายออกไป ส่วนวัวตัวเมียเราจะเก็บไว้ทำแม่พันธุ์”
เลี้ยงฝูงแม่พันธุ์ปล่อยเข้าป่า
เนื่องจากพื้นที่ที่จังหวัดตากนั้นส่วนใหญ่จะมีสภาพเป็นป่าเต็งรังซึ่งพอมีหญ้าธรรมชาติให้วัวได้หากินได้ คุณนิตยาจึงใช้ประโยชน์จากหญ้าธรรมชาติในป่าเหล่านั้น “ลักษณะการเลี้ยงวัวของเราจะปล่อยวัวแม่พันธุ์ของเราออกไปทั้งฝูงให้ออกไปหากินหญ้าธรรมชาติในป่าโดยมีวัวพ่อพันธุ์คอยคุมฝูง ในช่วงหน้าฝนแม่วัว วัวสาว และลูกวัว จะได้เข้ามากินอาหารที่ฟาร์มเป็นบางครั้งประมาณ 1-2 เดือนครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคมกับกันยายน นอกนั้นจะปล่อยให้หากินอยู่ในป่า และจะต้อนให้เข้ามากินอาหารที่ฟาร์มอีกทีช่วงปลายเดือนธันวาคม หลังจากนั้น จะปล่อยให้ออกหากินในป่าอีกช่วงกุมภาพันธ์ไปจนถึงพฤษภาคม แต่จะมีการต้อนฝูงวัวกลับเข้าฟาร์มเป็นบางเวลาเพราะป่ายังอุดมสมบูรณ์ ในเวลาที่ต้อนวัวฝูงกลับมาที่ฟาร์มก็จะมีการตัดหญ้ามาให้กิน วิธีการเลี้ยงแบบนี้ทำให้เราสามารถเก็บหญ้าในฟาร์มไว้ให้แม่วัวที่มีลูกเล็กและเก็บหญ้าไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ตอนที่ไม่มีเวลาดูแลวัว ตอนเรายุ่งๆ หรือตอนที่แล้งๆ มากจนหญ้าธรรมชาติหายาก” คุณนิตยา เล่ารายละเอียด
ปัญหาจากการเลี้ยงวัวฝูงปล่อยป่าแบบนี้ คุณนิตยา บอกว่า “ปัญหาจากการเลี้ยงวัวฝูงปล่อยป่าก็มีอยู่บ้าง อย่างกรณีที่วัวเข้าป่าการดูแลอาจไม่ทั่วถึง ในกรณีที่วัวป่วยเราอาจจะไม่รู้ พอรู้ก็อาจจะช้าไป หรือปัญหาในบางปีถ้าแล้งจัดแหล่งน้ำที่เรามีบางครั้งจะไม่พอ ต้องมีการย้ายวัวไปกินที่สระสาธารณะบ้าง แต่ปัญหานี้จะน้อยมาก ส่วนปัญหาที่วัวอาจจะไปรุกล้ำที่คนอื่นหรือไปกินพืชปลูกของชาวบ้าน ที่ผ่านมาไม่มีปัญหานี้เพราะพื้นที่ที่มีเจ้าของส่วนใหญ่จะมีการกั้นรั้วเอาไว้ วัวของเราเข้าไปสร้างความเดือดร้อนไม่ได้ สรุปคือเลี้ยงวัวแบบนี้ปัญหาน้อยค่ะ” คุณนิตยา สรุปให้ฟัง
ตัวผู้เข้าขุนด้วยหญ้า
การจัดการวัวในฝูงนั้น คุณนิตยา เล่าว่า “แม่วัวจะคัดขายเป็นบางครั้งในกรณีที่วัวอายุมาก วัวพฤติกรรมไม่ดี เช่น ชอบโดดรั้ว หรือวัวที่ไม่ยอมอยู่ติดฝูงเราจะคัดขาย ส่วนวัวตัวผู้อายุน้อยหลังอดนมเราจะแยกออกมาจากฝูงเพื่อเตรียมเอาไว้เข้าขุนเอง แต่บางครั้งก็จะแบ่งขายวัวหนุ่มเหล่านี้ออกไปบ้าง วัวตัวผู้หนุ่มที่เตรียมขุนเราจะปล่อยให้หากินในฟาร์มที่มีแปลงหญ้าให้กินตลอดทั้งปี ไม่ได้ปล่อยป่าและไม่ต้องตัดเนเปียร์ให้กิน ปล่อยให้เดินแทะเล็มกินตลอดวัน จะมีอาหารข้นเสริมบ้างนิดหน่อย”
คุณนิตยา บอกว่า การขุนวัวจะขุนด้วยหญ้าเป็นหลัก “ในส่วนวัวขุนเราจะตัดเนเปียร์ให้กิน ไม่ได้ปล่อย เราจะเอาวัวอายุ 1 ปีกว่าๆ จนถึง 2 ปีเข้าขุน และจะใช้เวลาขุนจนอายุ 3 ปี จะขุนเป็นรุ่นๆ ไป รุ่นละ 20 ตัว โดยตัดเนเปียร์มาให้ หญ้าเนเปียร์ 1 ไร่ ตัดและช็อปแล้วสามารถขุนวัวได้ 5-7 ตัว เรามีแปลงปลูกเนเปียร์อยู่ 10 ไร่ จึงสามารถขุนวัว 10 ตัวได้สบายๆ ส่วนการจับวัวขุนออกขายเราจะจับขายเป็นรุ่นๆ ไป โดยจะขุนให้ได้น้ำหนัก 500 กิโลกรัมขึ้นไป เป็นวัวใหญ่ สำหรับอาหารข้นวัวขุนเราจะให้ในช่วงก่อนจับขาย 3 เดือน เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้เร็วขึ้น ที่ผ่านมาเราจะเน้นขายวัวขุนเป็นหลัก ส่วนผู้ซื้อขึ้นอยู่กับราคาว่าใครให้ราคาดี ที่ผ่านมาก็มีทั้งพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าเวียดนาม และจีนเข้ามาติดต่ออยู่ตลอด” คุณนิตยา อธิบายเทคนิคขุนวัวให้ฟัง
ขายพันธุ์หญ้า
นอกจากธุรกิจวัวเนื้อแล้ว คุณนิตยายังมีพันธุ์หญ้าเอาไว้จำหน่ายด้วย
“เรามีแปลงหญ้าพันธุ์รูซี่ในพื้นที่กว่า 200 ไร่ ทุกปีเราจะเก็บเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่เอาไว้เพื่อขายให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจในราคาย่อมเยา หญ้ารูซี่ของเราไม่ได้ปล่อยให้วัวเข้าไปกินจึงสามารถอยู่ได้นาน เราปลูกครั้งเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวทั้งหญ้าและเมล็ดพันธุ์ได้เป็น 10 ปี เราจะผลิตเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี ปีละหลายสิบตัน ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์เก่ามาจำหน่ายเพื่อให้คนซื้อมั่นใจเรื่องพันธุ์และเปอร์เซ็นต์การงอก นอกจากนั้น เรายังมีพันธุ์หญ้าเนเปียร์เอาไว้จำหน่ายอีกด้วย” คุณนิตยา เล่าให้ฟัง
แผนในอนาคต
คุณนิตยา เล่าว่า “อนาคตเราก็ยังเน้นขายวัวขุนและวัวหนุ่ม ตั้งใจจะปรับปรุงสายพันธุ์วัวไปเรื่อยๆ เพราะตามประสบการณ์วัวลูกผสมบรามันห์และลูกผสมชาโรเลส์จะเลี้ยงง่าย โตเร็ว ทนต่อสภาพอากาศ ไม่เจ็บไม่ป่วย เรื่องการตลาดก็ไปได้ดี ผู้ซื้อไม่ปฏิเสธ แต่การเลี้ยงวัวลูกผสมชาโรเลส์ในพื้นที่พบปัญหาอยู่บ้างในเรื่องอากาศร้อน วัวลูกผสมชาโรเลส์ที่มีเลือดสูงจะอยู่ยาก มันจะหาแหล่งน้ำแล้วลงไปแช่ หรือหากร้อนมากๆ มันจะออกอาการดุ ในพื้นที่ปีที่แล้วมีคนเลี้ยงวัวลูกผสมชาโรเลส์โดนขวิดตายก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวพอสมควร แต่วัวลูกผสมชาโรเลส์มีข้อดีคือ โตเร็ว ราคาดี ตรงนี้ก็อาจจะต้องคุยกันว่าจะรักษาระดับสายเลือดชาโรเลส์เอาไว้เท่าไรดี เพราะหากทำเป็นวัวชาเบรย์ก็อาจจะมีเลือดชาโรเลส์สูงไปจนเป็นปัญหา”
ส่วนธุรกิจนั้นยังไปได้ดีทั้งวัวเนื้อและพันธุ์หญ้า “เราทำฟาร์มแบบไม่จ้างแรงงาน เราทำกันเองทุกอย่างทั้งปลูกหญ้า เกี่ยวหญ้า เก็บเมล็ดพันธุ์ ดูแลวัว เราจึงไม่มีต้นทุนการจ้างแรงงาน หากราคาวัวยังยืนอยู่ระดับนี้เราก็ยังประคองตัวอยู่ได้ ในช่วงที่วัวราคาถูกเราก็ยังมีกำลังที่จะซื้อหาวัวมาเข้าฝูง หากเจอวัวหุ่นดี สายเลือดดีก็ซื้อเข้ามา” คุณนิตยา สรุปปิดท้าย
คุณนิตยา ยังฝากบอกว่า ที่ฟาร์มมีวัวหนุ่มขาย แต่ใครสนใจอยากซื้อวัวคงต้องติดต่อนัดวันกันล่วงหน้าครับ ใครสนใจอยากสอบถาม อยากซื้อวัว หรือเมล็ดพันธุ์หญ้า ติดต่อคุณนิตยามาได้ที่ โทร. (087) 985-1081 ฉบับนี้หมดพื้นที่แล้ว ขอลากันไปก่อน สวัสดีครับ
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่