ออสซี่แสดงความกังวล บังคับผู้นำเข้าข้าวสาลีต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ ส่อผิดกฎดับบลิวทีโอ

จากกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 มีมติเห็นชอบกำหนดให้ข้าวสาลี ที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร รวมถึงกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ อัตราส่วน 1 ต่อ 3

นายบุญฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ(จร.)กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้อัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย มาเยี่ยมคารวะ และหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาหารือ เพราะมีความกังวลมาก เนื่องจากไทยนำเข้าข้าวสาลีจากออสเตรเลียด้วย แต่ตนแจ้งว่า มติครม.ดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาภายในประเทศ เพื่อไม่ให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศตกต่ำ เพราะมีการอ้างว่า ผู้นำเข้านำเข้าข้าวสาลีจำนวนมากมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ จนแทบไม่ซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เพราะข้าวสาลีไม่มีภาษีนำเข้า ทำให้ราคาถูกกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถือเป็นการลดต้นทุนการผลิต

“ทางเราได้ชี้แจงว่าไทยน่าจะใช้มาตรการนี้แบบชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่อ่อนไหวและพืชสำคัญมาก เมื่อปัญหาคลี่คลายอาจพิจารณาทบทวนใหม่ แต่แนวทางบริหารการนำเข้าสินค้าเกษตรเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงขอรับข้อกังวลของออสเตรเลียแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งออสเตรเลียก็เข้าใจ ”

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ ออสเตรเลียยังไม่แจ้งว่าการดำเนินการของไทยขัดกับพันธกรณีภายใต้ดับบลิวทีโอ แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า ออสเตรเลียจะติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด และอาจมีประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีอื่นๆ โดยเฉพาะในยุโรป และบราซิล ที่ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่มาไทย ยกประเด็นนี้ขึ้นสอบถามไทยผ่านเวทีต่างๆ เช่น การประชุมคณะกรรมการเกษตรภายใต้ดับบลิวทีโอ ที่จะประชุมในเดือนมีนาคมนี้