อดีต CEO ผันตัวเป็นเกษตรกร ปลูกและแปรรูปข้าวโพดหลากสายพันธุ์ สร้างรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน

คุณสุพจน์ บัวหลวงงาม และครอบครัว

คุณสุพจน์ บัวหลวงงาม อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 5 ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี อดีต CEO บริษัทเอกชนชื่อดัง ผันตัวเองเป็นเกษตรกรปลูกข้าวโพดหลากสายพันธุ์พร้อมแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์น้ำข้าวโพด จนสามารถสร้างรายได้สูงสุดถึงหลักหลายแสนบาทต่อเดือน แต่คุณสุพจน์ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เพียงเท่านี้ ล่าสุดได้มีการร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (Food Science and Technology) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิจัยซุปข้าวโพดขึ้นมา โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ กลุ่มคนสูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วย เนื่องด้วยส่วนผสมทั้งหมดของซุปข้าวโพดทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่ใส่สารปรุงแต่ง ใช้ความหวานจากข้าวโพดแทนน้ำตาล ผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถรับประทานได้ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจและอนาคตทางการตลาดสดใสอย่างแน่นอน

คุณสุพจน์ บัวหลวงงาม และครอบครัว

คุณสุพจน์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการผันตัวมาเป็นเกษตรกรว่า สาเหตุที่ตนเองลาออกจากงานประจำ เนื่องจากอยากกลับมาดูแลคุณพ่อที่ป่วย จึงใช้โอกาสที่ได้กลับมาอยู่บ้าน ขอแบ่งที่ดินของคุณแม่ประมาณ 50 ไร่ เปลี่ยนจากการปลูกอ้อยมาทำเกษตรแนวใหม่ โดยจับข้าวโพดหวานเป็นพืชสร้างรายได้ตัวแรก เริ่มต้นปลูกจาก 10 ไร่ จากนั้นค่อยๆ ขยายพื้นที่ปลูกจาก 10 ไร่ เป็น 20 ไร่ มาถึงปัจจุบันมีพื้นที่การปลูกข้าวโพดทั้งหมด 50 ไร่ ในระเวลาเพียง 4 ปี

“ข้าวโพดสายพันธุ์แรกที่ผมเริ่มปลูกเป็นข้าวโพดหวานธรรมดา แต่เมื่อผลผลิตออกมานำไปขายแล้วราคาไม่ดีเท่าที่ควร จึงทดลองปลูกให้หลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น มีการทดลองนำข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม ของ ดร.เป็ก ที่สามารถรับประทานฝักสดได้มาทดลองตลาด ในช่วงเริ่มตลาดแรกๆ ผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเริ่มติดใจจึงเริ่มที่จะหาสายพันธุ์ใหม่ๆ มาปลูกเพิ่มมากขึ้น จนได้ไปเจอกับข้าวโพดสายพันธุ์ญี่ปุ่นเพียวไวท์ ฮอกไกโด ได้มีการนำมาทดลองปลูก ปรากฏว่าผลตอบรับก็ดีมากอีกเช่นกัน จากที่คิดว่าข้าวโพดราชินีทับทิมสยามขายได้ ฝักละ 50 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงแล้วแต่เพียวไวท์ ฮอกไกโด สามารถทำราคาได้สูงถึงฝักละ 100 บาท ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมีความต้องการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าให้ได้มากกว่านี้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าราคาตก เพราะเกษตรกรทุกคนต้องอย่าลืมว่าสินค้าอะไรที่กระแสตอบรับดีอีกไม่นานจะมีคนทำตามมากขึ้น ราคาก็จะถูกลง เพราะฉะนั้น จะหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ แต่ต้องพยายามก้าวให้เร็วกว่าคนอื่นเสมอ ถ้าทำไวโอกาสทำตลาดก็ไว กว่าคนอื่นจะตามทันเราก็พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ใครจะไปคิดว่าปลูกข้าวโพดแค่ 50 ไร่ จะสามารถสร้างเงินได้ถึงหลักหลายแสนบาทต่อเดือน เพียงแค่เปลี่ยนวิธีคิดนิดเดียว” คุณสุพจน์ กล่าวถึงแง่คิดทางการตลาด

แปลงปลูกข้าวโพดคุณภาพ

“ผลิตภัณฑ์น้ำข้าวโพด” เกิดขึ้นเพราะ
อยากใช้ผลผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อยอดกลายเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มรายได้

คุณสุพจน์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการแปรรูปน้ำข้าวโพด เกิดจากความเสียดาย ในการทำเกษตรกรรม…แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะได้ผลผลิตออกมาสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ มีผลผลิตบางส่วนที่คุณภาพส่งลูกค้าไม่ได้ และยิ่งในส่วนของที่ฟาร์มเน้นปลูกข้าวโพดแบบรับประทานฝักสด ฉะนั้น จะให้สารเคมีตกค้างไม่ได้เด็ดขาด จึงยังมีผลผลิตที่ขาดคุณภาพในแง่ของฝักไม่สวยสมบูรณ์ หนอนกินบ้าง แต่ในเรื่องของรสชาติและคุณภาพยังคงเดิม อีกทั้งเนื่องจากในฟาร์มมีข้าวโพดหลากสายพันธุ์และเป็นสายพันธุ์จากญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ในระหว่างการปลูกจะมีอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นข้าวโพดจากเมืองหนาว อย่างในกรณีของข้าวโพดญี่ปุ่นสีเหลือง Milky Sweet ค่อนข้างจะมีปัญหาในด้านสภาพอากาศ ผลผลิตที่ได้ออกมาฝักไม่ใหญ่ ไม่สามารถส่งขายเป็นฝักสดได้ ทางฟาร์มจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการนำมาแปรรูปเป็นน้ำข้าวโพดทั้งหมด แต่ถือเป็นข้อดีเพราะข้าวโพดสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นในด้านความหอมเหมือนน้ำผึ้งและรสชาติที่หวานกลมกล่อม หวานจากธรรมชาติ แบบไม่ต้องเติมน้ำตาล ถือว่าเหมาะมากๆ สำหรับการนำมาแปรรูปเป็นน้ำข้าวโพด ในเวลาต่อมาทางฟาร์มจึงได้มีการต่อยอดเพิ่มขึ้นจากน้ำข้าวโพดที่มีแค่สีเดียว ก็ทำให้ครบทุกสีคือการนำข้าวโพดอีก 2 สายพันธุ์ที่เหลือ คือราชินีทับทิมสยาม และเพียวไวท์ ฮอกไกโด มาแปรรูปเป็นน้ำข้าวโพดด้วย ในราคาขวดละ 50 บาท กลายเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ดีที่คาดไม่ถึงอีกตัวหนึ่ง และที่สำคัญทางฟาร์มไม่มีผลผลิตส่วนใดที่ต้องทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

ข้าวโพดสีแดงราชินีทับทิมสยาม

ส่วนขั้นตอนการแปรรูปน้ำข้าวโพดภายใต้แบรนด์ Gracegreenfarm นั้น เพื่อให้น้ำข้าวโพดหวานเหมือนรับประทานสด ทางฟาร์มจะไม่นำข้าวโพดค้างคืนมาทำเด็ดขาด จะใช้ข้าวโพดสดๆ หักเสร็จแล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นน้ำข้าวโพดส่งขายทันที

ข้าวโพดสายพันธุ์ญี่ปุ่น เพียวไวท์ ฮอกไกโด
ผลิตภัณฑ์น้ำข้าวโพดทั้ง 3 รสชาติ ของแบรนด์ Gracegreenfarm ราคาขวดละ 50 บาท

“ซุปข้าวโพด” ผลิตภัณฑ์แปรรูปมากคุณค่า
ต่อยอดช่องทางสร้างรายได้มาอีกขั้น

คุณสุพจน์ อธิบายความเป็นมาที่กว่าจะเป็นซุปข้าวโพดได้ต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างว่า ซุปข้าวโพดถือเป็นการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดขึ้นมาอีกระดับ และเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจมากๆ ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดนี้ เกิดจากการต่อยอดในครั้งที่ตนเองได้มีโอกาสเข้าร่วมส่งผลงานเข้าประกวดในงานโอท็อปอิกไนท์ (OTOP IGNITE) ในรูปแบบของผงข้าวโพดชงพร้อมดื่ม ซึ่งผลงานก็ได้ไปเตะตานักวิจัยจาก ITAP สวทช. โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย ให้เงินสนับสนุนมาทำงานวิจัยซุปข้าวโพด โดยมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยลาดกระบัง เป็นที่ปรึกษา ซึ่งมีข้อแม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่จะร่วมกันวิจัยออกมาต้องเป็น ฟังก์ชันนอลฟู้ด (functional food) เป็นซุปข้าวโพดเพื่อสุขภาพ ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่วางไว้โดยเฉพาะ กับข้าวโพดทั้ง 3 สายพันธุ์ ที่ไม่ต้องเติมน้ำตาลเป็นส่วนผสม เพราะความหวานจากธรรมชาติของข้าวโพดทั้ง 3 สายพันธุ์ที่นำมาทำมีความหวานที่พอเพียงอยู่แล้ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถรับประทานได้ และยังเป็นซุปเพื่อสุขภาพ มีโปรตีนและวิตามินสูง

“ปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ซุปข้าวโพดได้วิจัยสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงรอแค่การผลิตเพื่อจำหน่ายเนื่องจากเกิดโรคไวรัสโควิด-19 จึงจำเป็นต้องชะลอการผลิตไว้ก่อน มีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า และคาดหวังไว้ว่าซุปข้าวโพดตัวนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดกลุ่มคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี” คุณสุพจน์ กล่าว

ซุปข้าวโพดหวานสีแดง ผลิตภัณฑ์แปรรูปตัวใหม่เตรียมวางจำหน่ายต้นปีหน้า

กระบวนการแปรรูปซุปข้าวโพด

  1. ข้าวโพดที่จะสามารถนำมาแปรรูปเป็นซุปข้าวโพดได้จะต้องเป็นข้าวโพดที่มีความหวานพิเศษ โดยที่ฟาร์มจะเลือกข้าวโพดทั้ง 3 สายพันธุ์ที่ปลูกมาทำซุปข้าวโพด และต้องเป็นข้าวโพดที่ปลูกเองทั้งหมด
  2. เมื่อได้ข้าวโพดคุณลักษณะตามต้องการแล้ว จากนั้นนำข้าวโพดมาปอกเปลือก ตัดส่วนที่เสียหายออก แล้วนำไปเข้าเครื่องหั่นแยกเมล็ดออกจากซัง
  3. หลังจากนั้น นำไปเข้ากระบวนการทำให้สุก และเติมส่วนผสมเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้เหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและผู้ป่วย จะได้เป็นซุปข้าวโพดเข้มข้นออกมา แล้วนำบรรจุใส่ถุงรีทอร์ต คือบรรจุภัณฑ์อาหารชนิดหนึ่ง ที่จัดเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัว ทำจากฟิล์มหลายชนิด เป็นบรรจุภัณฑ์สามารถปิดผนึกสนิท มีความแข็งแรง สามารถทนต่อความร้อนและความดันสูงได้ ใช้บรรจุอาหารที่ต้องการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน มีอายุการจัดเก็บได้นาน 1 ปี

ราคา…ห่อละ 80 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ก่อนผลิตจำเป็นต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าจะเจาะกลุ่มตลาดบน กลาง หรือล่าง ซึ่งก็ได้กำหนดกลุ่มลูกค้าไว้แล้วว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าตลาดบนเพราะสามารถทำราคาได้ และเป็นราคาที่ลูกค้ายอมจ่าย

ทิศทางการตลาด…ซุปข้าวโพดจะเปลี่ยนลุกส์ของซุปข้าวโพดไปเลย เพราะซุปข้าวโพดตามท้องตลาดทั่วไปส่วนมากจะเติมเกลือ เติมน้ำตาล และส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความอร่อยเข้าไป แต่สำหรับซุปข้าวโพดของเราเป็นซุปข้าวโพดสำหรับคนที่รักสุขภาพ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่มีสารปรุงแต่งใดๆ ซึ่งจากการสังเกตการณ์เทรนด์การตลาดผู้สูงอายุจะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนมีผู้สูงอายุ 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในประเทศ ณ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนนี้น่าจะเป็นโอกาสขยายช่องทางการตลาดได้เป็นอย่างดี

รายได้…จากการขายผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวโพดทั้งหมดเฉลี่ยเป็นรายได้ 300,000-400,000 ต่อเดือน นับเป็นรายได้ที่เยอะมากๆ สำหรับการปลูกข้าวโพดแค่ 50 ไร่ เมื่อเทียบกับสวนคนอื่นที่ปลูกเท่ากันเขายังไม่สามารถทำรายได้ได้เท่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ พัฒนาและความพยายามคิดให้เร็ว คิดให้ต่างไปจากคนอื่นให้ได้ เน้นทำการตลาดที่มีคู่แข่งน้อย แต่เกษตรกรส่วนใหญ่จะมองว่าทำเยอะๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปขายให้ใคร แต่ที่ฟาร์มจะทำน้อยๆ แต่เรามีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าชัดเจน อันนี้คือสิ่งที่แตกต่าง

แนะนำการตลาด…อย่างแรกคืออย่าทำตามกระแส ให้คิดว่าปลูกอะไรที่ตัวเองถนัดและต้องปลูกบนพื้นที่ที่เหมาะสม เริ่มต้นการตลาดใกล้ๆ บ้านขายให้คนในชุมชนก่อน คือสิ่งเริ่มต้นของเกษตรกรมือใหม่ หลังจากนั้นแล้ว เมื่อชำนาญมากขึ้นให้เริ่มช่องทางโซเชียลเป็นตลาดที่เข้าถึงลูกค้าได้เร็ว ต้นทุนต่ำ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ช็อปปี้ ลาซาด้า การเข้าถึงลูกค้าง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะ ฉะนั้น จึงอยากให้เกษตรกรมองตลาดรอบตัวก่อน หลังจากนั้น มีโปรไฟล์ให้เริ่มมาขายที่ห้าง จะทำเงินได้ดีมาก จากเมื่อต้องขายเป็นกิโลกว่าจะได้เงิน 30 บาท แต่ถ้าทำการตลาดเป็น ผลิตสินค้ามีคุณภาพจะสามารถเพิ่มมูลค่าได้เป็นฝักละ 30-50 บาท ขอแค่กล้าคิดและกล้าลงมือทำ

แบ่งขายเป็นฝักสร้างมูลค่าเพิ่มฝักละ 30-50 บาท

แนะนำเกษตรกรทุกรุ่น
ทำเกษตรต้องมีการวางแผนที่ดี

“การทำเกษตรทุกครั้งก่อนทำต้องมีการวางแผนเสมอ ยกตัวอย่างที่ฟาร์มของผมเวลาจะลงมือปลูกหรือทำอะไรสักอย่างจะต้องมีการวางแผนตั้งเป้าหมายไว้และมีโมเดลธุรกิจค่อนข้างชัดเจน ส่วนนี้จะสามารถช่วยให้เกษตรกรทำงานได้ง่ายขึ้น อย่างที่ฟาร์มปลูกข้าวโพด 1 ไร่ จะสามารถคำนวณได้เลยว่าจะขายน้ำข้าวโพดได้กี่ขวด ขายฝักสดได้กี่ฝัก สามารถวางแผนได้ขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าปลูกๆ ไปแล้วขาย เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถวางแผนการตลาดได้เลย และข้อดีอีกอย่างคือเมื่อมีการวางแผนจะช่วยลดการสูญเสียไปได้อีกเยอะ หรือถ้าของขายไม่หมดก็ต้องมาดูว่าเราผลิตเยอะหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ถ้ามีการวางแผนก่อนปลูกก็จะดีมาก ที่ฟาร์มผมแบ่งปลูกทีละไร่ ปลูกทุกอาทิตย์เพื่อให้ผลผลิตออกมาไม่มากไป และมีผลผลิตออกสู่ตลาดทุกวัน อีกอย่างหนึ่งคือเราไม่ต้องกลัวคนอื่นมาทำตาม เพียงแค่เราไม่หยุดนิ่ง ก็จะไม่มีใครตามเราทัน” คุณสุพจน์ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. (091) 091-8801

ชาไทยข้าวโพด ไอเดียเก๋