ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 26 เมษายน นายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนเชอรัลฟรุต จำกัด โรงงานแปรรูปสับปะรดรายใหญ่ อ. ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาสับปะรดรับซื้อหน้าโรงงานอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 5-5.20 บาท จากเดิมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตมีราคาสูงสุด กก.ละ 14 บาท ส่วนราคาหน้าแผงรับซื้อทั่วไปราคา กก.ละ 3 – 3.50 บาท และมีการคัดเกรด เป็นการตั้งราคารับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยที่อยู่นอกโควต้าและเป็นปัญหาจากผลผลิตล้นตลาด ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องให้ความสนใจเนื่องจากทราบว่ามีการขยายพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก ส่วนผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปยอมรับว่าตลาดส่งออกต่างประเทศมีความต้องการสินค้าลดลง ทำให้มีการชะลอการผลิต แต่โรงงานแปรรูปทั่วประเทศยังรับซื้อสับปะรดวันละกว่า 7,000-8,000 ตัน สำหรับการแข่งขันในตลาดโลกยังอยู่ในภาวะปกติ มีอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นคู่แข่ง แต่ปัจจุบันไทยมียอดขายครองตลาดสับปะรดกระป๋อง 40% ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่มาจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีมูลค่าตลาดสับปะรดผลสดและแปรรูปสูงถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี
นายสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ นายกสมาคมสับปะรดไทย กล่าวว่า วันที่ 3 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีของ จ.ประจวบคีรีขันธ์เพื่อแก้ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำซึ่งไม่มีแนวโน้มโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยมีข้อเรียกร้องให้โรงงานสับปะรดกระป๋องเสนอแนวทางในการประกันราคาตามความเหมาะสมเพื่อให้ราคาขายคุ้มกับต้นทุนการผลิต สำหรับการรับซื้อหน้าแผงมีการกดราคา กก.ละ 3-3.50 บาท ทราบว่าเป็นการซื้อวัตถุดิบเพื่อนำไปจำหน่ายหน้าโรงงานในราคาที่สูงกว่าเพื่อเอากำไร แต่โรงงานมีการคัดเลือกคุณภาพ ทำให้แผงรับซื้อเหลือผลผลิตบางส่วนต้องนำกลับมาแปรรูปเป็นสับปะรดกวน นอกจากนั้นปัญหาเกิดจากการขายไปตลาดต่างประเทศ เนื่องจากประเทศคู่ค้าทราบว่าขณะนี้ไทยมีผลผลิตเกินโควต้าในการผลิตเพื่อส่งออกจากการปลูกเพิ่มของเกษตรกรรายใหม่ช่วงสับปะรดราคาดีโดยไม่มีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐ