“ปอย-ตรีชฎา” ต่อยอดงานวิจัย ชูสมุนไพร ผลิตอาหารเสริม

เอ่ยชื่อ ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์ หรือชื่อเดิม บอย “ศักดิ์นรินทร์ มาลยาภรณ์” เชื่อว่าแทบทุกคนย่อมรู้จักสาวสวยหน้าหวานคนนี้ดี ซึ่งเธอเป็นเจ้าของตำแหน่ง มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2547 และ มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ในปีเดียวกัน

ปัจจุบันใช่ว่าสาวประเภทสองรายนี้จะโด่งดังในบ้านเราเท่านั้น ยังเป็นดาราแถวหน้าในเมืองจีนอีกด้วย และแม้จะมีผลงานการแสดงและการเดินแบบอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังปลีกเวลามาทำธุรกิจอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามควบคู่กับการเรียนระดับปริญญาตรี เรียกว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนจริงๆ

 

เข้าโครงการ ของ สวทช.-สกว.

ทุกวันนี้ปอยนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการบริษัท เฟอร์ฟู (Furefoo) แปซิฟิก จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ตัว คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนักชนิดแคปซูลจากสมุนไพร (ตามกลุ่มเลือด) และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทดแทนฮอร์โมนเพศหญิงจากสมุนไพร ซึ่งปอยเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการนำร่อง 100 กว่าคน ภายใต้ “โครงการสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง” เฟสที่ 1

โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อร่วมกันสนับสนุนเอสเอ็มอี ให้นำนวัตกรรมไปใช้และพัฒนาผลิตภัณฑ์จนสามารถผลักดันสู่การจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้จริง ผ่านการทำงานร่วมกันของโปรแกรม ITAP สวทช. และชุดโครงการ Innovative house สกว. ซึ่งในงานวันเปิดตัวโครงการนี้ ปอยก็ได้รับเชิญเป็นวิทยากรไปถ่ายทอดประสบการณ์ให้ได้รู้ว่าประโยชน์ของการทำธุรกิจโดยใช้งานวิจัยเป็นฐานสนับสนุนนั้นมีผลดีอย่างไรต่อภาพธุรกิจโดยรวม

ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ของปอยจึงมีความสนใจและมีความโดดเด่น เพราะมีผลงานการวิจัยรองรับ ที่สำคัญใช้วัตถุดิบที่ทำจากสมุนไพร ซึ่งเธอทำธุรกิจนี้มากว่า 5 ปีแล้ว และกิจการเติบโตด้วยดี โดยเธอได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการทำธุรกิจนี้ว่า ช่วงที่เรียนในสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องสำอาง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ อยากจะทำผลิตภัณฑ์เพื่อต้องการรักษาเพศสภาพของตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาต้องกินฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์ แต่ปรากฏว่าเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย ทำให้คอเลสเตอรอลสูง จึงมีความคิดอยากจะพัฒนาสูตรสมุนไพรทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์

พูดได้ว่าการทำธุรกิจ เริ่มจากการที่เจ้าตัวเป็นคนรักสวยรักงามอยู่แล้ว ซึ่งเป็นที่รู้ว่าแม้กายจะเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆ กระทั่งตัดสินใจไปผ่าตัดแปลงเพศเมื่ออายุ 18 ปี โดยที่ปอยมองว่า การจะเป็นผู้หญิงจริงๆ นั้นไม่ใช่แค่การทำศัลยกรรมแปลงเพศ แต่จะต้องมีผิวพรรณที่สวยงาม นุ่มเนียน เหมือนผู้หญิงจริงๆ ด้วย จึงเป็นที่มาของการทำธุรกิจด้านความสวยความงามและอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งเธอเองก็ลองรับประทานและลองใช้ทั้งของไทยและของต่างประเทศ ทำให้มีความรู้และมีข้อมูลเยอะ

เธอแจกแจงด้วยว่า จากไอเดียในตอนเรียนบวกกับประสบการณ์ ทำให้สนใจพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการเฉพาะจริงๆ อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรลดน้ำหนักที่อ้างอิงตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งมีความคงตัวทางเคมีและกายภาพที่อุณหภูมิห้องอย่างน้อย 1 ปี เป็นผลมาจากการศึกษาพบว่า กระบวนการดูดซึมและเผาผลาญในแต่ละกรุ๊ปเลือดแตกต่างกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากผลงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ เภสัชกร (ศ.ภก.) จีรเดช มโนสร้อย ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชสมุนไพร และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่

“ปอยเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้เรียนกับอาจารย์สองท่านที่เก่งด้านเภสัชกรและให้ความสำคัญด้านสมุนไพรเป็นหลัก ปอยก็เห็นด้วยเพราะสมุนไพรปลอดภัยกว่าสารเคมี ปอยเลยไปปรึกษาอาจารย์ คุยกับอาจารย์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารทดแทนฮอร์โมนเพศหญิง และอีกตัวหนึ่งเป็นฮอร์โมนลดน้ำหนักตามกรุ๊ปเลือด คือปอยเชื่อว่าแต่ละกรุ๊ปเลือดมีการย่อยอาหารไม่เหมือนกัน”

 

ส่วนผสม “กาแฟ-ถั่วขาว”

อย่างที่กล่าวไปตอนต้น เธอทำธุรกิจอาหารเสริมและเรื่องความสวยความงามมากว่า 5 ปีแล้ว ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่สองตัวของปอยล้วนทำจากสมุนไพร

“ส่วนผสมเป็นสมุนไพรทั้งหมดเลย มีกาแฟและถั่วขาว นี่คือส่วนผสมบางอย่าง แต่ในขั้นตอนการผลิตเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถระดับสูงมากๆ ในการสกัด คือใช้เป็นสารสกัด อย่างปอยก็ทานด้วย ปอยกรุ๊ปเลือดเอ จะเป็นกรุ๊ปเลือดที่เป็นมังสวิรัติ ไม่เหมาะกับการย่อยเนื้อสัตว์ เรามีสารสกัดจากผงสับปะรด ซึ่งจะกระตุ้นให้สร้างเอนไซม์ย่อย”

สาวปอย ระบุว่า การผลิตสินค้าของบริษัท ซึ่งเธอเป็นเจ้าของคนเดียว ไม่ได้มีหุ้นส่วนร่วมกับใคร เน้นในเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะมองว่าจะทำให้ธุรกิจมีอายุที่ยาวนาน แต่ถ้าใช้ประโยชน์จากการมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเป็นตัวขายสินค้าอย่างเดียว ธุรกิจจะอยู่ได้ไม่นาน ไม่มั่นคง

ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์

เธอย้ำว่า สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคือ ต้องมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ขณะที่ความรู้ทางวิชาการจากงานวิจัยสามารถสร้างมูลค่าและเพิ่มทางเลือกให้กับสมุนไพรไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและยื่นขอเลขทะเบียนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ง่ายขึ้น

จากประสบการณ์การทำผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงผลงานการวิจัย สาวปอยชี้ถึงจุดเด่นว่า แม้คอนเซ็ปต์จะดีแต่ยังไม่พอสำหรับการทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำให้ต้องค้นหางานวิจัยสมุนไพรที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนในแต่ละผลิตภัณฑ์ จึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับงานวิจัยและคุณภาพความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการใช้งานวิจัยเข้ามาต่อยอดธุรกิจ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้น

สำหรับลูกค้าของบริษัท เฟอร์ฟูฯ ปอยให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการจะลดน้ำหนัก ซึ่งคนกลุ่มนี้กลัวในเรื่องของสารเคมีต่างๆ ที่ผสมอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะทำออกมาจำหน่ายได้ก็มีการทดลองให้คนในกรู๊ปเลือดต่างๆ รับประทาน ปรากฏว่าสามารถลดลงได้คนละ 3-4 กิโลกรัม อีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกสาวประเภทสอง

 

เดินหน้าสร้างห้องทดลองวิจัย

แม้บริษัท เฟอร์ฟู แปซิฟิก จำกัด ที่เธอเป็นเจ้าของ จะมีผลิตภัณฑ์หลายตัว แต่ปอยก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เธอว่า บริษัทเน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามเป็นหลัก และกำลังสร้างจะห้องแล็บวิจัยของตัวเอง โดยมีจุดประสงค์คิดค้นสูตรต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับ สวทช. และ สกว. ด้วย

“คือปอยต้องการใช้ความรู้ ความสามารถที่เรียนมาต่อยอดให้ได้ เพราะว่าเราเองเป็นคนที่ทำทุกอย่าง เราไม่ได้แค่ทำในภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียว เราทำในภาควิจัยด้วย เฉพาะการวิจัยก็ใช้เวลา 2 ปี การผลิตจริงอาจจะสั้นกว่าการวิจัยเสียอีก ซึ่งทุกๆ อย่างทำด้วยใจรักและเราก็รู้ว่าสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง”

ในการทำงานของ บริษัท เฟอร์ฟู แปซิฟิก จำกัด นั้น เธอเองเคยทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งมาร์เก็ตติ้ง ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ บัญชี และกรรมการผู้จัดการ คือทำเป็นหมดทุกอย่าง

เป็นที่น่าสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ของปอยบางตัว มักไม่ใช้ตัวเธอเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า เหมือนนักแสดง นักร้องคนอื่นๆ ที่ใช้ตัวเองเป็นคนประชาสัมพันธ์สินค้านั้นๆ

ประเด็นนี้ปอยให้เหตุผลว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปอยทำนายเลยว่าธุรกิจใดๆ ที่มีดาราเป็นเจ้าของจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ปอยเลยทำการศึกษาโดยที่มีคุณภาพเป็นหลัก คือให้ผลิดภัณฑ์ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพด้วยตัวมันเอง นี่คือสิ่งที่ปอยทำนายไว้และมันก็เกิดขึ้นจริง ในอดีตมีดารามาเป็นผู้ประกอบการน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน

“ทุกวันนี้ปอยเลยพยายามจะเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ออกหน้า เน้นเรื่องคุณภาพ เน้นเรื่องทำงานกับภาครัฐดีกว่า เพราะเราตีโจทย์ออกว่าผู้บริโภคเขาคงคิดในใจเหมือนกันว่าคุณใช้ชื่อเสียงมาขายของหรือเปล่า และปอยก็มองว่าธุรกิจที่จะเติบโตได้ยาวนาน ต้องเกี่ยวข้องกับแบรนด์ มันไม่เกี่ยวกับตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นหลัก ซึ่งปอยเองก็เป็นผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในการเลือกโปรดักส์มากๆ”

ถามถึงเรื่องช่องทางการจำหน่าย ปอยบอกว่า จัดจำหน่ายในหลายช่องทาง โดยมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ แม็กกาซีน โบรชัวร์ และบิลบอร์ดตามรถเมล์ รถไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทก็มีตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และยังขายผ่านโซเชียลมีเดียอีกด้วย

ในการทำงานทั้งในวงการบันเทิงและการทำธุรกิจไปพร้อมๆ กันนั้น ปอยระบุว่า “ต้องบริหารการจัดการเวลาอย่างดี และในท้ายที่สุดถ้าผลลัพท์มันออกมาดี เราก็จะภูมิใจในสิ่งที่เราทำไปเพราะมันคุ้มค่า”

นับเป็นผู้ประกอบการอีกรายที่เห็นความสำคัญของงานวิจัยและนำไปต่อยอดทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย