ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ซุบหน่อไม้ อาหารยอดนิยมของชาวอีสาน ด้วยรสชาติที่มีความจัดจ้าน มีทั้งความเผ็ดและความอร่อยที่ลงตัว เป็นการชูจุดเด่นของหน่อไม้ที่ถูกนำมาต้มแล้วทำเป็นเส้น นำมายำกับเครื่องปรุงมีน้ำขลุกขลิก จนกลายเป็นซุบหน่อไม้อาหารพื้นบ้านเลิศรส ซึ่งในอดีตเมนูซุบหน่อไม้นอกจากจะได้รับความนิยมในภาคอีสานแล้ว ในภาคกลางก็ได้รับความนิยมพอสมควร แต่ด้วยการเก็บรักษาหน่อไม้และการปรุงรสต่างๆ ค่อนข้างทำได้ยากที่จะทำให้ถึงรสแบบรสชาติอีสานแท้ ทำให้หากินได้ยาก ประกอบกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในเมืองกรุง จึงกลายเป็นจุดกำเนิดไอเดียของหญิงเก่งเมืองขอนแก่น ให้ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

กว่าจะเป็น “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป”
ไอเดียสุดบรรเจิด ต้องผ่านอะไรบ้าง
คุณแก่นจันทร์ สนอุป หรือ พี่ตุ๊ก อยู่บ้านเลขที่ 529/232 หมู่ที่ 22 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หญิงเก่งเจ้าของผลิตภัณฑ์ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ตราแบมบูเนาะ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ให้ฟังว่า เกิดขึ้นจากที่ตนเองมีภูมิลำเนาเป็นคนขอนแก่นอยู่แล้ว และพื้นที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขา ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่พอถึงช่วงฤดูฝนอาชีพของชาวบ้านคือการขึ้นเขาไปเก็บหน่อไม้แล้วมาเผาทำเป็นถุงขาย จึงเกิดความคิดว่าหากนำเอาหน่อไม้จากชาวบ้านมาแปรรูปเป็นซุบหน่อไม้จะดีไหม เพราะซุบหน่อไม้ค่อนข้างที่จะใช้เวลานานหากนำมาแปรรูป แต่ถ้านำมาผ่านกระบวนการย่อส่วนทำให้เร็วขึ้น ทำกินได้ง่ายขึ้นก็น่าจะดี ประกอบกับนำแนวคิดตรงนี้มาผนวกกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมปัจจุบัน ที่ผู้คนในสังคมค่อนข้างมีชีวิตที่เร่งรีบ แข่งกับเวลาเพื่อทำภารกิจในแต่ละวันให้สำเร็จลุล่วง จนในบางครั้งมองข้ามความต้องการรอบตัวไป โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ซึ่งในบางครั้งอยากกินอาหารที่ชอบแต่ไม่มีเวลา ตนเองจึงมีแนวคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้าน คือซุบหน่อไม้ขึ้นมา เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมของชาวอีสาน ให้อยู่ในรูปแบบกึ่งสำเร็จรูป จึงเกิดเป็นไอเดียที่จะผลิตซุบหน่อไม้พร้อมกินขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน จนนำไปสู่ขั้นตอนการเข้าประกวดกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับรางวัลระดับภาคมาครอบครอง กลายเป็นสิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่คิดมาถูกทางแล้ว ก็เริ่มเดินหน้าต่อทันทีด้วยการเข้าไปขอคำปรึกษาที่อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ช่วยพัฒนาในส่วนของแพ็กเกจจิ้ง เชลไลฟ์ รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากทั้งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม พาณิชย์จังหวัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ใช้เวลากว่า 1 ปี ในการพัฒนาด้านคุณภาพ แพ็กเกจจิ้ง และคุณค่าด้านอาหารและรสชาติที่คงเดิม จนประสบความสำเร็จ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ในปัจจุบัน

ขั้นตอนการแปรรูป
“ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป”
เจ้าของบอกว่า “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” พร้อมกิน “แบมบูเนาะ” ทำจากหน่อไม้ภูเขาพันธุ์ไผ่รวกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เก็บได้ปีละครั้งในฤดูฝนเท่านั้น โดยในแต่ละปีจะมีการทำสัญญารับซื้อหน่อไม้จากชาวบ้านแบบปีต่อปี ผ่านตัวแทนของแต่ละหมู่บ้านเป็นคนรวบรวมให้ แล้วนำมาส่งเป็นถุงตามออเดอร์ที่สั่งไว้ เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารที่นำมาต่อยอดภูมิปัญญาอาหารพื้นบ้านอีสาน โดยเน้นความสะดวก ปลอดภัย อร่อย โดยมีกรรมวิธีการผลิต ดังนี้
- นำหน่อไม้ถุงที่รับจากชาวบ้านมาต้มจนจืด ชิมดูว่าไม่ขม หรือใช้เวลาในการต้มอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- นำหน่อไม้ที่ต้มเสร็จมาขูดเป็นเส้นยาว
- จากนั้นนำไปอบให้แห้ง ด้วยตู้อบลมร้อน ใช้เวลาในการอบประมาณ 8 ชั่วโมง
- 4. นำมาแพ็กใส่ซอง
- 5. นำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ แพ็กใส่ถุงแยก ในสัดส่วนตามสูตรที่คิดค้น
- 6. นำซองหน่อไม้อบแห้งและซองเครื่องปรุงมาแพ็กให้อยู่ในถุงเดียวกัน
ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” มีกรรมวิธีการผลิตที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะตอนที่ยากที่สุดได้ผ่านมาแล้ว ก็คือขั้นตอนการคิด การตกผลึกกว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมาได้

วิธีกินง่ายเพียง 5 นาที
- ฉีกซองเอาหน่อไม้อบแห้งใส่ถ้วย เทน้ำร้อนใส่
- ปิดฝาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-7 นาที
- รินน้ำออก เติมน้ำร้อนใหม่เล็กน้อยพอขลุกขลิก
- นำเครื่องปรุงในซองมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จัดแต่งหน้าด้วยต้นหอม ผักชี และใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมผักเคียง เพียงเท่านี้ก็จะได้ลิ้มรสกับซุบหน่อไม้ รสชาติที่คิดถึง

สร้างมูลค่าเพิ่มจากหน่อไม้ธรรมดา กิโลกรัมละ 25 บาท
ให้กลายเป็นกิโลกรัมละ 200 บาท ได้ไม่ยาก
สำหรับข้อดีของการแปรรูปนั้น พี่ตุ๊ก บอกว่า แน่นอนว่า 1. ต้องเป็นเรื่องของการสร้างมูลค่าเพิ่ม 2. การแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาด และ 3. สามารถยืดอายุการเก็บรักษาไว้ได้นาน อย่างเช่น “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ตราแบมบูเนาะ ของตนเอง เข้าค่ายทั้งหมด 3 ข้อที่กล่าวมา และข้อที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม จากเดิมหน่อไม้ไผ่รวกต้มใส่ถุงขายแบบธรรมดา ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 25 บาท แต่เมื่อนำมาแปรรูปแล้วจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 195 บาท เพราะจำนวนหน่อไม้สด 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาอบแห้งแล้วทำขายได้ 3 ซอง ในราคาซองละ 65 บาท ถือเป็นการสร้างมูลค่าได้หลายเท่า โดยมีกำลังการผลิตเดือนละ 2,000 ซอง และมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ ตลาดต่างประเทศ เป็นในรูปแบบของตัวแทนขายอยู่ที่ประเทศเยอรมนีและอิตาลี ส่วนตลาดในประเทศไทยตอนนี้มีวางขายที่ศูนย์โอท็อปหัวหิน และที่เพจเฟซบุ๊กซุปหน่อไม้ แบมบูเนาะ
ซึ่งในอนาคตข้างหน้ามีการวางแผนที่จะขยายตลาดไปในส่วนของห้างโมเดิร์นเทรดและตัวแทนในแต่ละภาค และนอกเหนือจากการขยายตลาดแล้ว ยังมีในส่วนของการพัฒนารูปแบบของแพ็กเกจจิ้งเพิ่มเติม คือทำออกมาเป็นถ้วย เพื่อตีตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังพัฒนาร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ฝากถึงเกษตรกร
“อยากให้เกษตรกรทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มองการแปรรูปควบคู่กับการผลิต ว่าสินค้าที่ตัวเองผลิตสามารถที่จะนำมาประยุกต์ ดัดแปลงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อะไรได้บ้าง เช่น ผลไม้นอกจากมาทำเป็นอบแห้ง กวน เราจะทำอะไรได้อีก จำเป็นต้องหาข้อมูลเยอะๆ ซึ่งการค้นคว้าหาข้อมูลก็ถือว่าสะดวกมากๆ ในยุคสมัยนี้ และเมื่อมีข้อมูลแล้วก็เข้ามาสู่วัตถุดิบมีความพร้อมไหม จากนั้นค่อยลงมือทำ ลองผิดลองถูก หรือถ้าสิ่งไหนลองทำแล้วไม่ได้จริงๆ ก็อยากให้เดินเข้าไปปรึกษาตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยพัฒนาต่อไป” พี่ตุ๊ก กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจสั่งซื้อ “ซุปหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” ตราแบมบูเนาะ ติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 092-882-3642