ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย หรือผ่านไปกี่ร้อนกี่หนาว หากต้องเจอะเจอกับปัญหาอุปสรรคใดๆ ขอแค่ทุกคนมีสติ แล้วจะพบทางออกที่สดใส”
คุณนิยา ศรียุหะ หรือ พี่นิ อยู่ที่ตำบลหนองแวง อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา เกษตรกรสาวนักแปรรูป จับพืชผลทางการเกษตรทั้งที่ปลูกเองและของคนในชุมชนมาแปรรูปสร้างมูลค่า จากราคาหลัก 10 เป็นราคาหลัก 100 ด้วยคติประจำใจที่ว่า “ทำน้อย แต่ได้มาก”
พี่นิ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการลงมือแปรรูปสินค้าการเกษตรว่า เกิดขึ้นเพราะผิดหวังจากพืชเชิงเดี่ยว ปลูกข้าวโพดแล้วขาดทุน รายได้ไม่ได้อย่างใจหวัง จึงตัดสินใจเลิกทำ และมาประจวบเหมาะกับที่คุณพ่อป่วยพอดี ตนเองจึงต้องกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านอย่างเต็มตัวเพื่อดูแลคุณพ่อ และถึงเวลาที่ต้องกลับมานั่งคิดอีกครั้งว่าจะทำอะไรต่อไปให้มีรายได้ในขณะที่ต้องดูแลคุณพ่อไปด้วย และจุดเริ่มต้นก็เกิดจากที่พี่สาวปลูกกระเทียม แล้วมีการนำมาแปรรูปทำกระเทียมดอง ตนเองจึงได้ทดลองนำกระเทียมดองของพี่มาทดลองขายในออนไลน์ แล้วได้ผลตอบรับดี หลังจากนั้นจึงได้มีการเริ่มลงมือแปรรูปเอง แต่พอขายไปได้สักระยะตลาดของกระเทียมดองค่อนข้างมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ตลาดไม่กว้างเท่าที่ควร จึงได้เริ่มหันมองหาและคิดที่จะแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
ด้วยการยึดหลักว่าพืชผลการเกษตรที่จะนำมาแปรรูปจะต้องเป็นของที่ตนเองปลูกเอง หรือเป็นผลผลิตของคนในชุมชนเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการแปรรูปและช่วยลดต้นทุนการผลิต อย่างเช่นสินค้าที่ตอนนี้ที่ไร่ทำขายมีมากมายหลายผลิตภัณฑ์ เช่น กระเทียมดอง พริกป่น ข้าวคั่ว กล้วยเบรกแตก เครื่องต้มยำอบแห้ง คือการนำตะไคร้กับใบมะกรูด นำมาตากแห้งทำขายเป็นเครื่องต้มยำสำเร็จรูป หรือจะเป็นการนำเห็ดของคนในชุมชนมาแปรรูปทำเห็ดเบรกแตกสมุนไพร ก็สร้างรายได้ดีไม่น้อย และอีกผลิตภัณฑ์เด่นสร้างรายได้ที่ขาดไม่ได้เลยคือ “กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์” ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กล้วยน้ำว้าจากหวีละ 10-12 บาท พอนำมาแปรรูปแล้วสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นหวีละไม่ต่ำกว่า 100 บาท เมื่อเทียบกับวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก เพียงต้องอาศัยความเอาใจใส่และประสบการณ์ลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนสูตรเพื่อให้ได้รสชาติออกมาตรงต่อความต้องการของตลาดเพียงเท่านั้น
ขั้นตอนการแปรรูป “กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์”
เจ้าของบอกว่า ขั้นตอนในการทำกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ ทำอย่างไรให้ถูกใจผู้บริโภคนั้นทำไม่ยาก เน้นที่การใส่ใจ คำนึงถึงความสะอาดถูกหลักอนามัยมาเป็นที่หนึ่ง และถ้าจะให้ดีต้องหมั่นศึกษาความต้องการของลูกค้าด้วยว่า ลูกค้าที่เป็นขาประจำหรือลูกค้าส่วนใหญ่ชอบกินกล้วยตากแบบไหน โดยของที่ไร่ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมกินกล้วยตากที่ไม่ฉ่ำมาก ทางไร่จึงได้มีการค่อยๆ ปรับสูตรมาเรื่อยๆ จนถูกใจความต้องการของลูกค้า
“กล้วยตากของพี่เริ่มทำเพราะไปเห็นที่อื่นเขาทำแล้วรู้สึกอยากทำบ้าง เพราะว่าพี่ปลูกกล้วยอยู่แล้ว มีผลผลิตที่พร้อม พี่ก็เลยอยากทำเหมือนเขา เห็นเขาทำออกมาแล้วน่ากิน พี่เลยทดลองจากกล้วยตากธรรมดาก่อน แต่ทำออกมาแล้วสียังไม่สวย รสชาติไม่ถูกใจ พี่เลยไปซื้อตู้ตากขนาดเล็กมาลองทำก่อน จากนั้นถึงค่อยๆ ปรับสูตรตามที่ตัวเองต้องการ แล้วนำมาโพสต์ขายในออนไลน์ แล้วมีคนอยากซื้อ พี่ก็เลยทำขาย ตั้งแต่นั้นมา”
ขั้นตอนการแปรรูป
- กล้วยที่นำมาแปรรูปจะใช้เฉพาะกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือผลของกล้วยชนิดนี้จะมีนวลสีขาวจำนวนมากติดที่เปลือกผลตลอดทั้งผล โดยเฉพาะเวลาผลสุกจะเป็นสีเหลืองนวลคล้ายมีแป้งเคลือบอยู่ และต้องเป็นกล้วยที่แก่จัด พอตัดลงมาแล้วนำมาบ่มเพื่อให้เกิดการสุกอย่างทั่วถึง จะทำให้กล้วยเหลืองสุกทั่วกัน แบบนี้กล้วยจะหวานมากกว่า เพราะเป็นไปทั่วทั้งลูก
- จากนั้นนำกล้วยที่พร้อมแปรรูปนำมาปอกเปลือก ตัดหัว แล้วล้างด้วยน้ำเกลือ แล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีก 2 น้ำ ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ
- จากนั้นนำไปตากไว้ในตู้พลังงานแสงอาทิตย์ไว้ 2 วัน แล้วกลับด้านกล้วย ตากทิ้งไว้อีก 3 วัน สำหรับสูตรของที่ไร่จะไม่เก็บกล้วยทุกวันเพราะจะทำให้กล้วยออกมาไม่ฉ่ำมาก ตามความต้องการของลูกค้า โดยรสชาติที่ได้ออกมาจะมีความหวานธรรมชาติ เนื้อสัมผัสไม่ฉ่ำมากกำลังดี ที่สำคัญสีออกมาเหลืองสวยน่ากิน ไม่ออกสีน้ำตาลมากเกินไป
- จากนั้นเก็บมาทับ แล้วเตรียมบรรจุซีลเครื่องสุญญากาศเตรียมขายได้เลย
ยอดการผลิตอาทิตย์ละ 20 กิโลกรัม
สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
สำหรับยอดการผลิตในขณะนี้ พี่นิ บอกว่า สินค้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่เนื่องจากมีแรงงานไม่พอ ตนเองทำคนเดียวเป็นหลัก และยังต้องแปรรูปสินค้าอีกหลากหลายชนิด ทำให้ไม่สามารถขยายปริมาณการผลิตได้ เพราะของที่นี่จะเน้นคุณภาพและความสะอาด ไม่อยากทำอะไรที่เกินตัว ทำได้เพียงผลิตอาทิตย์ละ 20 กิโลกรัม หรือประมาณ 50 หวีต่อรอบการผลิต ทำวางขายตลาดออนไลน์เป็นหลัก ใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน สินค้าก็ขายหมดเกลี้ยง โดยผลิตภัณฑ์กล้วยตากที่ขายมี 2 ขนาด 1. ราคาถุงละ 70 บาท บรรจุ 500 กรัม 2. ราคาถุงละ 120 บาท บรรจุ 1,000 กรัม สามารถสร้างมูลค่าจากราคาขายหวีละ 10-12 บาท แต่เมื่อนำมาแปรรูป 50 หวี จะได้กำไรขั้นต่ำ 50 บาทต่อ 1 หวี ถือเป็นประโยชน์กับทั้งตนเอง ในแง่ของการมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวมากขึ้น และมีเวลาดูแลพ่อที่ป่วยมากขึ้น เพราะการแปรรูปถือเป็นงานที่มีเวลาทำชัดเจน ไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้วกลับมาบ้านอีกทีมืดค่ำ ซึ่งถ้าเกษตรกรท่านใดสนใจก็สามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ได้ เพราะที่ผ่านมาหากมีโอกาส ตนเองก็จะแนะนำให้คนในชุมชนหันมาแปรรูปสินค้าการเกษตรที่ตนเองมี ดีกว่าการต้องไปรอให้พ่อค้าคนกลางกดราคาอย่างเดียว หรืออย่างน้อยๆ ในชุมชนที่มีสินค้าการเกษตรแต่ไม่สามารถกระจายสินค้าออกทันภายในเวลาที่กำหนดได้ ตนเองก็รับสินค้าจากเกษตรกรมาแปรรูปได้อีกส่วน ถือเป็นการเพิ่มรายได้จากวันหนึ่งอาจจะเคยมีรายได้วันละ 300 บาท แต่พอนำมาแปรรูปรายได้เปลี่ยนจาก 300 เป็น 500 บาท แถมยังมีเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้น ทำน้อยแต่ได้มากประมาณนั้น
ฝากถึงเกษตรกรให้เริ่มต้นแปรรูป
“พี่ก็อยากจะฝากถึงเกษตรกรทุกท่านว่า ตอนนี้อยากให้ทุกท่านหันมาให้ความสำคัญในการแปรรูปถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยให้เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวก่อน เช่น ในตอนนี้ที่สวนเราปลูกอะไรหรือในชุมชนเรามีผลผลิตอะไรออกมาเยอะ ก็ให้จับตัวนั้นมาแปรรูปก่อนเลย อย่างที่พี่นำเอาตะไคร้กับใบมะกรูดมาตากแห้ง ทำเป็นเครื่องต้มยำสำเร็จรูป ซึ่งมีขั้นตอนการทำที่แสนง่าย และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การฝึกให้ตัวเองเป็นคนช่างสังเกต สังเกตการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ อย่างพี่จะเน้นสังเกตคนในพื้นที่ก่อน ว่าคนนี้ บ้านนี้ชอบอะไร หรือกลุ่มคนแต่ละช่วงอายุชอบอะไรบ้าง แล้วค่อยมามองว่าเรามีอะไรบ้าง ถือว่าเป็นการสังเกตหรือทำอะไรที่คนชอบถามหาบ่อยๆ เราก็หยิบเอาสิ่งนั้นมาเพิ่มมูลค่า” พี่นิ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 096-224-7162