ผู้เขียน | สุจิต เมืองสุข |
---|---|
เผยแพร่ |
เป้าหมายของการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแต่ละคน ก็แตกต่างกันออกไป
คุณอาทิตย์ ภักดีวีรวงศ์ เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเลี้ยงสัตว์ และเป้าหมายของการเลี้ยง เท่าที่ได้พูดคุยมาหลายท่าน เห็นว่าเป้าหมายการเลี้ยงของคุณอาทิตย์มีความแตกต่าง

“ผมเป็นคนรักสัตว์ ชอบเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เล็กๆ แต่เรียนจบมาก็ทำงานรับราชการ เราทุ่มเทกับงานจนไม่มีเวลา ตอนนี้ลาออกจากงานแล้ว เมื่อมีเวลาก็อยากเลี้ยงเขาให้ดี ให้สวยๆ เป็นการวัดว่าเราดูแลสัตว์เลี้ยงของเราได้มาตรฐานที่ควรจะเป็นหรือเปล่า”

คุณอาทิตย์มองมาตรฐานและคุณภาพการเลี้ยงสัตว์ในระดับประกวด เพราะถือเป็นมาตรฐานสากล หากสัตว์เลี้ยงของเราผ่านการประกวดและได้รับรางวัล เท่ากับว่าได้รับการยอมรับว่าเราดูแลสัตว์เลี้ยงของเราดี
และคุณอาทิตย์เลือกเลี้ยง “ไก่แจ้”
เขาบอกว่า ไก่แจ้เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสวยงามในตัวอยู่แล้ว ใช้พื้นที่น้อย การดูแลค่อนข้างง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขา

เริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน ที่เริ่มเลี้ยงไก่แจ้คู่แรก เพิ่มจำนวนมาเรื่อยๆ เพราะไก่แจ้มีหลายสี เมื่อเลี้ยงแล้วก็พยายามทำให้สวย เพื่อส่งเข้าประกวดตามสนามต่างๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงว่ารางวัลที่ได้จะนำมาทำอะไร เพราะเขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า การเลี้ยงดูไก่แจ้ของเขาได้คุณภาพมีมาตรฐานและสวยสมกับคำว่า “ไก่ประกวด”
“พอผมเลี้ยงเยอะๆ ก็เริ่มออกไข่ ไก่ที่ประกวดได้แชมป์มาก็ออกไข่ มานึกดูว่า ทำไมเราทิ้งไข่ไปเปล่าๆ ไม่นำไปฟัก เผื่อจะได้ลูกไก่ แรกๆ ก็ลองให้แม่ไก่ฟักเอง ปรากฏว่าแม่ไก่โทรมมาก กว่าลูกไก่จะโตมา ทำให้นำไปประกวดไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ต้องใช้เวลาฟูมฟักนานพอควร”

ผลที่ตามมาคือ คุณอาทิตย์ซื้อตู้ฟักไข่ จากครั้งแรกตู้ฟักขนาด 10 ฟอง จนปัจจุบันมีขนาด 60 ฟอง 300 ฟอง และ 600 ฟอง
เพราะคุณอาทิตย์เรียนรู้จากการให้แม่ไก่ได้กกไข่ออกหลังออกไข่ครบ กกไข่จนกว่าจะฟักเป็นตัว และเลี้ยงลูกไก่หลังฟักเป็นตัวจนสามารถแยกออกจากแม่ไก่ได้ ใช้เวลานานเกือบ 2 เดือน ซึ่งช่วงเวลานั้นแม่ไก่จะสนใจการกกไข่ เลี้ยงลูกไก่ จนกินอาหารน้อยหรือไม่กินเลย และยังอยู่ในสภาพทรุดโทรม เพราะไม่ได้ดูแลตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ คุณอาทิตย์จึงศึกษาหาทางออก พบว่าการใช้ตู้ฟักไข่ช่วยได้มากที่สุด
และจะแยกไก่แจ้ที่เลี้ยงไว้สำหรับประกวดต่างหากกับไก่แจ้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ แม้ไก่แจ้ที่ผ่านการประกวดมาแล้วได้รับการผสมก็จะแยกตัวไก่เลี้ยงต่างหาก และนำไข่เข้าตู้ฟักเพื่อให้ไก่ที่ต้องการทำประกวดไม่โทรม
เมื่อถามถึงการผสมพันธุ์ คุณอาทิตย์ บอกว่า เคยให้ไก่แจ้ผสมกันเองตามธรรมชาติ โดยจับเข้าคู่ เพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 3 ตัว ในกรงเดียวกัน ไก่แจ้ก็สามารถผสมกันเองได้ แต่โดยลักษณะด้อยของสายพันธุ์ที่เป็นจุดเด่นของลักษณะไก่แจ้แล้ว จะทำให้ไก่แจ้เพศผู้ขึ้นผสมไก่แจ้เพศเมียได้ยาก โอกาสที่จะได้ไข่มีเชื้อน้อยลงหรือไม่มีเลย ดังนั้น วิธีแก้ปัญหา จึงเลือกการผสมเทียม

“การผสมเทียมไก่แจ้ ทำได้ไม่ยาก ผมใช้วิธีง่ายๆ คือ ลูบไปที่หลังของไก่เพศผู้ที่เลือกมาเป็นพ่อพันธุ์ ลูบจากหลังไปถึงโคนหาง 2-3 ครั้ง ไก่จะโก่งก้นและขมิบ จากนั้นก็ใช้มือบีบที่ก้นแล้วรีด จะมีน้ำเชื้อสีขุ่นๆ ออกมา ให้นำช้อนมารองไว้ สำหรับผมนำน้ำเชื้อนี้ไปดูดใส่ไซริงจ์ จากนั้นก็นำไปฉีดเข้าที่ก้นของไก่แจ้เพศเมียที่คัดไว้เป็นแม่พันธุ์”
โดยธรรมชาติ น้ำเชื้อไก่เพศผู้จะอยู่ในร่างกายของไก่เพศเมีย 2-3 วันเท่านั้น ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ สามารถรีดน้ำเชื้อจากไก่แจ้เพศผู้ได้ทุกวัน ก็ให้นำไปฉีดเข้าที่ก้นของไก่เพศเมีย ทุก 2-3 วันครั้ง จนกว่าไก่เพศเมียจะไข่หมด (ราว 7-10 ฟอง) ซึ่งไก่จะออกไข่วันเว้นวัน หรือหากน้ำเชื้อมีปริมาณไม่มาก นำไปผสมกับน้ำเกลือ แล้วนำมาฉีดเข้าที่ก้นไก่แจ้เพศเมียที่ต้องการผสมได้

ส่วนเปอร์เซ็นต์การมีเชื้อในไข่ คุณอาทิตย์ บอกว่า เปอร์เซ็นต์มีเชื้อในไข่จากการผสมเทียมด้วยวิธีง่ายๆ เช่นนี้ ไม่ได้ต่างจากการที่ให้ไก่แจ้ขึ้นผสมกันเอง
อาหารสำหรับไก่แจ้เป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป อาจเพิ่มอาหารเสริมให้ เป็นหนอนนกหรืออาหารในกลุ่มธัญพืชของนกปากขอ ซึ่งช่วยให้ขนเงางาม ไก่อารมณ์ดี เพราะได้คุ้ยเขี่ยอาหาร ทั้งยังช่วยเพิ่มไขมัน ทำให้ไก่มีความสมบูรณ์

ความพิเศษของไก่แจ้สำหรับประกวด ที่นอกจากปกติไก่แจ้จะไซ้ขนตัวเอง ช่วยทำให้ขนสวยงามได้เองแล้ว ยังควรอาบน้ำให้กับไก่ 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อช่วยกำจัดไรไก่ หมัดไก่ และปรสิตที่อาจทำให้ไก่ป่วย ขนไม่สวยงาม นอกจากนี้ ยังควรหยดยากำจัดไรหรือเลือกชนิดผสมน้ำฉีดพ่นไปที่ตัวไก่ รวมถึงการนำไก่ไปผึ่งแดด จะช่วยให้ไก่กระชุ่มกระชวยและมีขนเงางาม โดยการออกผึ่งแดดควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

ที่อยู่อาศัยของไก่แจ้ คุณอาทิตย์ บอกว่า ปกติทั่วไปจะใช้กรงไก่ที่ทำจากไม้ แต่สำหรับที่ฟาร์มแล้ว ใช้กรงเลี้ยงแมวหรือกรงสุนัขที่มีขนาดซี่กรงโล่งกว้าง อากาศถ่ายเทสะดวก ขนาด 60×80 เซนติเมตร สำหรับเลี้ยง ส่วนกรงผสมใช้ขนาด 1×1.20 เมตร และทุกกรงอยู่ในโรงเรือนที่สะอาด ป้องกันยุงและแมลงรบกวน
ปัจจุบัน ที่ฟาร์มของคุณอาทิตย์มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่น้อยกว่า 20 คู่ และมีสีที่คนสนใจหลายสี สีหลักๆ ของไก่แจ้ในฟาร์ม อาทิ ทอง ป่าเหลือง เบญจรงค์ ขาว ขาวหางดำ นอกจากนั้นยังมีสีที่เป็นสีรอง เช่น เทา เทาเปรอะ เป็นต้น

คุณอาทิตย์จะเริ่มขายลูกไก่ออกให้กับผู้สนใจ เมื่อไก่มีอายุตั้งแต่เดือนครึ่งขึ้นไป เพราะไก่จะเริ่มออกฟอร์ม เห็นโครงสร้างและสีชัด โดยแบ่งการจำหน่ายแบ่งออกไปยังผู้สนใจ 2 เกรด คือ โชว์ควอลิตี้ ที่สามารถการันตีว่าไก่สามารถประกวดได้ และเพ็ดควอลิตี้ คือ ไก่สวย แต่ยังไม่สวยขนาดโชว์ แต่มีหลายตัวที่เข้าขั้นโชว์และประกวด เมื่อโตขึ้นก็มี

“จริงๆ แล้ว ไก่แต่ละช่วงอายุไม่เหมือนกัน แต่จะเริ่มมองเห็นเค้าโครงหรือสี เมื่ออายุไม่น้อยกว่าเดือนครึ่ง แต่เขาก็จะเปลี่ยนอีก ในจำนวนลูกไก่ที่ได้ 100 ตัว จะมีระดับโชว์ควอลิตี้ไม่เกิน 20 ตัว เพ็ดควอลิตี้ 60 ตัว และเป็นเกรดตลาด คืออยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้มาตรฐานไก่แจ้ เช่น ขายาว อีกประมาณ 20 ตัว”

ราคาซื้อขายของไก่แจ้ที่นี่ แม้จะเป็นเกรดประกวด แต่คุณอาทิตย์ไม่ได้คิดราคาสูงลิบที่จับต้องไม่ได้ คุณอาทิตย์คงจำหน่ายราคาไม่ต่างจากฟาร์มอื่น เพราะต้องการให้ผู้ที่รักและต้องการเลี้ยงไก่แจ้สวยงามได้เลี้ยง
สนนราคาจึงอยู่ที่หลายราคา หลักร้อย หลักพัน ถึงหนึ่งหมื่น ขึ้นกับความสวยของไก่แจ้

อย่างไรก็ตาม หากสนใจติดต่อผ่านโทรศัพท์มือถือได้ที่เบอร์ 095-942-6591 ฟาร์มเล็กๆ แต่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาดจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม