อ.ต.ก. ตลาดระดับท็อป 10 ของโลก

หากจะพูดถึงตลาดสดที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าหลายท่านคงไม่พลาดที่จะนึกถึง ตลาดสด อ.ต.ก. ของบ้านเรา ซึ่งตลาด อ.ต.ก. เป็นตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องของสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ ของสด ถูกหลักอนามัย สินค้าที่นำมาขายเต็มไปด้วยสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งนอกจากความสะอาดและคุณภาพของสินค้าที่ขึ้นชื่อแล้ว ตลาดแห่งนี้ยังสะดวกสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านที่จะเลือกซื้อ จับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างมาก เพราะภายในตลาด อ.ต.ก. ไม่ได้จำหน่ายแค่ผัก ผลไม้ แต่ยังครอบคลุมไปถึงอาหารสด อาหารแปรรูป สินค้าเกษตรอินทรีย์ ตลาดกล้วยไม้ รวมถึงตลาดสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่ามาที่ อ.ต.ก. ที่เดียว ท่านจะได้ครบทุกอย่าง การันตีด้วยโพลจากสื่อต่างประเทศ อย่าง “ซีเอ็นเอ็น” ได้จัด 10 อันดับ ตลาดที่ดีสุดในโลก

ตลาด อ.ต.ก. ติดอันดับ 4 ตลาดดีมีคุณภาพของโลก และครั้งนี้ทางนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านจึงได้ถือโอกาสสัมภาษณ์ คุณกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เกี่ยวกับแนวทางวิธีการบริหารตลาดและการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค มาฝากผู้อ่าน

คุณกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร

ประวัติความเป็นมาของตลาด

ตลาด อ.ต.ก. ชื่อเต็มคือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลาด อ.ต.ก. จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร พ.ศ. 2517 โดยรัฐบาลจ่ายเงินให้เป็นทุนประเดิมในการดำเนินงาน 50 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์หลักจัดตั้งตลาดเพื่อให้เป็นแหล่งกลางในการซื้อขายผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าอื่นๆ ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรส่งผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมในครัวเรือนมาจำหน่ายโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

หลักการดำเนินงานและวิธีการบริหารตลาด

ตามนโยบายของท่าน พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้มีการขยายตลาด อ.ต.ก. สู่ภูมิภาค ขยายสู่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งตอนนี้ได้เริ่มทำแล้วที่ ขอนแก่น พิษณุโลก อยู่ระหว่างการพัฒนา ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้น

การบริหารงาน การสร้างมาตรฐานให้กับตลาด สำคัญที่สุดคือเราเป็นตลาดสด ถือว่าเป็นตลาดสดต้นแบบดำเนินการทุกอย่างตามกรอบของกระทรวงสาธารณสุข และทาง กทม. ที่ควบคุมเรื่องคุณภาพของตลาด แต่ที่นี่เราทำมากกว่านั้น อย่างเช่น ปกติจะต้องมีการตรวจสารเคมี ความสะอาด ทุกๆ 2 เดือน แต่ตลาด อ.ต.ก. เพิ่มความถี่เข้าไป จาก 2 เดือน เป็นตรวจทุกๆ 1 เดือน การตรวจเป็นไปตามกรอบของกระทรวงสาธารณสุข และ กทม. ทุกอย่าง ผัก ผลไม้ ของสด สารปนเปื้อน ครบทุกชนิด ด้วยเหตุนี้เราจึงได้รับรางวัลเป็นตลาดยอดเยี่ยมของ กทม. ติดต่อกันมาเป็น 10 ปี ล่าสุด กทม. ได้ยกระดับจากมาตรฐานตลาดทั่วไปกลายเป็นตลาดระดับเพชรขึ้นมา และตั้งแต่ กทม. มีการยกระดับตลาดใน กทม. ให้เป็นตลาดระดับเพชร อ.ต.ก. ติดอันดับมาตลอด

อ.ต.ก. ติดอันดับ 10 ตลาดดีที่สุดในโลก

ในส่วนนี้ทางซีเอ็นเอ็น ได้จัดอันดับให้ อ.ต.ก. อยู่ในอันดับ 4 ของโลก ซึ่งจัดไว้ 10 อันดับ ตรงนี้จริงๆ แล้วผมจะพูดอยู่เสมอว่า การที่เราจะไปสู่จุดตรงนั้นได้มันต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน

ส่วนแรก คือ ตลาด อ.ต.ก. เองเราเข้มงวดในกฎข้อบังคับ ระเบียบต่างๆ ในการตรวจสอบ รักษาคุณภาพ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และทาง กทม.

ส่วนที่สอง คือผู้ประกอบการ คือการให้ความร่วมมือที่ดี สินค้าชิ้นไหนที่ตรวจเจอสารปนเปื้อนก็ทำการแก้ไขทั้งหมด ซึ่งผู้เช่าแผงทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กลุ่มที่ผลิตสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพเพื่อส่งขายให้ผู้ประกอบการในตลาด อ.ต.ก. ซึ่งเกษตรกรให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เช่น การผลิตสินค้ามาจัดจำหน่ายให้ตลาดได้ตลอดทั้งปี ส่วนหนึ่งที่ซีเอ็นเอ็น ให้รางวัลคือเรื่องของความหลากหลายของสินค้าทางเกษตร คุณภาพสินค้า รวมถึงสินค้าบางอย่างที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้ แต่หาซื้อที่ตลาด อ.ต.ก. ได้

ส่วนที่สาม ความสะอาด น่าเดิน น่าซื้อ ที่นี่ทำความสะอาดตลอดทั้งวันทุกวัน มีพนักงานรับผิดชอบตามจุด หากท่านใดที่เคยมีโอกาสได้มาจับจ่ายที่นี่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ในตลาดจะไม่มีถังขยะแต่จะใช้วิธีเก็บจากร้าน เพราะทุกร้านจะมีถังขยะอยู่ในร้านเป็นของตัวเอง พอเต็มจะมีพนักงานไปเก็บ แก้ปัญหาขยะล้นตลาดส่งกลิ่นเหม็น ลดภาพลักษณ์ของตลาดได้ หลังจากที่ได้รับรางวัลตลาดดีสุดในโลกก็เป็นผลดีกับตลาดเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งทำให้นักท่องเที่ยวมาเดินตลาด อ.ต.ก. มากขึ้น โดยเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ชาวต่างชาติจะมาเดินที่ตลาดเยอะมาก และจากการที่มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ท่านพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็ได้ให้ความสำคัญ แนะแนวทางจัดหาพื้นที่เพิ่มให้กับเกษตรกรในการนำสินค้ามาจัดจำหน่าย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับเกษตรกรให้มากขึ้น

กลยุทธ์มัดใจผู้บริโภค

เบื้องต้นต้องบอกว่า เราสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่า เมื่อท่านมาเลือกซื้อสินค้าที่ตลาด อ.ต.ก. จะต้องได้สินค้าคุณภาพดี ถามว่าราคาแพงไหม เรายืนยันมาตลอดว่าไม่แพงเลย สินค้าเราไม่ได้แพงเกินถ้าหากเปรียบเทียบกับคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น มังคุด ที่ตลาดของเรามีตั้งแต่กิโลกรัมละ 100-550 บาท ขายอยู่ในร้านเดียวกัน ประชาชนสามารถเลือกได้ แล้วทำไมราคาถึงต่างกันขนาดนี้ ทั่วไปขึ้นอยู่กับเกรดของสินค้า อย่างเช่น มังคุด เป็นมังคุดออร์แกนิกจากจังหวัดปราจีนบุรี ราคากิโลกรัมละ 550 บาท คนก็เลือกซื้อกัน ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคสามารถเลือกได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพของสินค้าและความมั่นใจของผู้บริโภค ตัวผู้ขายเองก็ต้องซื่อสัตย์ ถ้าบอกว่าเป็นมังคุดออร์แกนิกมาจากปราจีนก็ต้องมาจากแหล่งนั้นจริงๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นี่คือที่มาของการขายได้ราคาที่เหมาะสม เราจะไม่บอกว่าของที่ตลาดราคาแพง แต่ถือว่าราคาเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า ซึ่งจริงๆ แล้วเราอยากจะสร้างวัฒนธรรมให้กับเกษตรกรด้วยว่า ถ้าเราผลิตในเชิงปริมาณเราก็แข่งขันกันเอง ไปสู้ในหลายประเทศไม่ได้ แต่ถ้าวันไหนเราเปลี่ยนหลักการเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่าเราจะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และในเมื่อผลิตสินค้าคุณภาพก็ต้องได้ราคาดี ซึ่งจริงๆ แล้ววิธีนี้เหนื่อยน้อยกว่า คุ้มกว่าที่จะไปผลิตเชิงปริมาณ แล้วได้ราคาถูกด้วยซ้ำไป

มาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้า

ที่ อ.ต.ก. เราสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคจนถึงทุกวันนี้ได้เพราะเรายึดมั่นเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเป็นสำคัญ เรายืนยันว่าถ้าขายสินค้าบอกว่ามาจากแหล่งไหน ก็ต้องเป็นจากแหล่งนั้นจริงๆ ถ้าจับได้ว่าผู้ค้าหลอกลวงผู้บริโภคเราดำเนินการลงโทษทันที อีกประการหนึ่งคือถ้าผู้บริโภคกล้าจ่ายเงินในราคาสูงก็แสดงว่าผู้บริโภคต้องมั่นใจสินค้าส่วนหนึ่ง เช่น ทุเรียน ผู้บริโภครับประทานแล้วจะรู้เลยว่ารสชาติจะแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้จะเป็นไปโดยอัติโนมัติ ผู้บริโภคจะรู้ว่ารสชาติต่างกัน ความอร่อยมันชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากพบว่าไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ เราไม่ปล่อยผ่าน เราได้สั่งการไปแล้วว่าทุกร้านในตลาดจะต้องรับรองสินค้า 100% คือลูกค้าต้องเปลี่ยนสินค้าได้ในกรณีที่สินค้าไม่มีคุณภาพ ตามราคาที่ขาย 

 

ภาพรวมของตลาด อ.ต.ก. ดำเนินงานตามนโยบายภาครัฐ

ในภาพรวมของตลาด อ.ต.ก. แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. ตลาดสดต้นแบบ 2. ตลาดไม้ดอกไม้ประดับ และ 3. ตลาดสัตว์เลี้ยง พื้นที่ยาวไปถึงถนนเรียบทางด่วน ส่วนแรกเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งตามแนวนโยบายของ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ท่านได้มีแนวนโยบายให้ปี 2560 เป็นปีแห่งมาตรฐานสินค้าเกษตร เราก็เปิดตลาดอินทรีย์เพื่อรองรับตามนโยบาย เมื่อวันที่ 26 มีนาคาม 2560 ถือเป็นการเปิดตลาดอินทรีย์แห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดแบบถาวร ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนปรับปรุงเพิ่มเติม เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีเครื่องหมายอินทรีย์ ตามมาตรฐานออร์แกนิก รับรองถูกต้อง เกษตรกรเข้ามาจัดจำหน่ายโดยตรง เรามีตลาดสดต้นแบบที่เราได้รับรางวัลอันดับ 4 ของโลก

นอกจากนั้น ยังมีสินค้าเกษตรคุณภาพ อ.ต.ก. ซึ่งตรงนี้ทางตลาดให้เกษตรกรนำสินค้ามาแลกเปลี่ยน นำสินค้าจากทั่วประเทศมาหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี ผู้ประกอบการเอง ผู้บริโภค ก็สามารถเลือกซื้อได้ทั้ง 3 ส่วน คือส่วนที่เป็นเกษตรอินทรีย์ใครที่อยากได้สินค้าอินทรีย์ราคาย่อมเยา เพราะเกษตรกรนำสินค้ามาขายเอง และตลาดสดต้นแบบนี้เป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ราคาเป็นไปตามมาตรฐานของสินค้า 3 สินค้าเกษตรคุณภาพ ซึ่งตรงนี้เกษตรกรนำสินค้ามาจำหน่ายเองโดยตรง อย่างช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ภาคตะวันออก สับปะรดห้วยมุ่นจากอุตรดิตถ์ ที่มีปัญหาในพื้นที่นำมาขายที่ อ.ต.ก. ได้กิโลกรัมละ 30 บาท เกษตรกรมาเองก็ให้มาขาย ผลไม้เหล่านี้ล้วนมาจากเกษตรกรโดยตรง เราเป็นเพียงตัวกลางคัดคุณภาพมาให้ เราฝึกเกษตรกรให้รู้ถึงการนำสินค้าคุณภาพมาจัดจำหน่าย และอีกส่วนหนึ่งเกษตรกรจะได้เรียนรู้ถึงระบบตลาด ได้มาเห็นว่า สภาพความเป็นจริงที่เมื่อท่านผลิตของมีคุณภาพราคาก็จะดี ไม่ได้พูดกันแต่ปากอย่างเดียว เขาจะได้มาเห็นจริง ว่าที่นี่ทำไมมังคุดถึงขายได้ราคากิโลกรัมละ 550 บาท ทำไมทุเรียนสามารถขายเป็นขีดได้

“อย่างทุเรียนคุณภาพดีที่นี่ ขายขีดละ 300 บาท คือแกะเปลือกแล้ว ขีดละ 300 กิโลกรัม 3,000 บาท นั้นเท่ากับเขาสามารถขายทุเรียนลูกหนึ่งได้ 3,000 กว่าบาท แล้วแต่ขนาดของลูกและคุณภาพของเนื้อ แบบนี้เกษตรกรจะได้เรียนรู้ได้เห็นความเป็นจริง นี่คือสิ่งที่ถ้าหากเกษตรกรสามารถผลิตในเชิงคุณภาพได้ เราก็จะได้เงินแบบนี้ ยิ่งถ้าคุณสามารถผลิตนอกฤดูได้คุณก็จะได้ราคาดีกว่านี้”

 ปัญหาในการบริหารตลาด

ที่ตลาด อ.ต.ก. ปัญหาที่เกิดน้อยมาก ถ้ามีจะเป็นปัญหาเล็กๆ สามารถดูแลจัดการได้ โดยส่วนมากพ่อค้าแม่ค้าจะรู้ถึงกฎระเบียบต่างๆ อยู่แล้ว ทางตลาดจะไม่จำกัดจำนวนร้านค้า หรือห้ามขายสินค้าซ้ำกัน เพราะถือว่าเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค เพราะฉะนั้น ใครอยากเอาอะไรมาขายก็ได้ อย่างเช่น ทุเรียนมีเป็น 10 ร้าน เพราะฉะนั้น หากพ่อค้าแม่ค้าไม่แข่งกันเรื่องคุณภาพจะอยู่ไม่ได้เลย

ยุคเศรษฐกิจตกต่ำไม่มีผลกับตลาด

ถึงแม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่สินค้าของตลาด อ.ต.ก. ยังขายได้เหมือนเดิมเพราะค่อนข้างเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ไม่มีผลกระทบอะไร บวกกับทางตลาดได้รับรางวัลก็ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกันกลายเป็นว่า พื้นที่ตลาดไม่พอต่อความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าที่อยากมาขายของ ซึ่งตอนนี้ทาง พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ท่านได้ให้นโยบายว่าจะทำยังไงเพื่อเพิ่มพื้นที่เกษตรกรให้มากขึ้น เราก็นำแนวคิดของท่านมาปรับปรุงเพิ่มเติม จึงเกิดแนวคิดทำโครงการจะเปิดเป็นตลาดน้ำหลังคลองบางซื่อ พัฒนาพื้นที่ อ.ต.ก. ด้านหลังติดกับคลองบางซื่อ ให้เป็นตลาดน้ำคลองบางซื่อ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 60 พร้อมเปิดพื้นที่ให้กับผู้บริโภคเพื่อสามารถเดินได้สะดวกมากขึ้น เบื้องต้นจะเปิด วันศุกร์-อาทิตย์

ปรับนโยบายของตลาดให้เข้ากับยุค Thailand 4.0

สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ที่เราดำเนินการอยู่คือในเรื่องของการใช้นวัตกรรมต่างๆ โดยแยกเป็น 2 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนวัตกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าการเกษตร ก็คือการยืดอายุของผลผลิตทางการเกษตร การนำสินค้าการเกษตรมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างตอนนี้เรามีข้าวหอมยั่งยืนที่เป็นข้าวสุกสามารถเก็บได้นาน 2 ปี โดยไม่ต้องใส่ตู้เย็น มีเรื่องของการส่งเสริมการทำโรงงานแช่เยื่อแข็ง เพื่อให้สามารถเก็บทุเรียน เก็บผลไม้ได้นานขึ้น นี่คือในเรื่องของนวัตกรรมแปรรูปสินค้าการเกษตร

พื้นที่สร้างตลาดน้ำ อ.ต.ก.

ในส่วนที่ 2 เรากำลังจะก้าวไปสู่การเป็นตลาดดิจิตอล ณ วันนี้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถสั่งซื้อสินค้า ในตลาด อ.ต.ก. ได้ทุกร้านผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้ www.อตก.com และทาง อ.ต.ก. เป็นผู้ดูแลระบบการสั่งซื้อและการจัดส่ง ถ้าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งให้ได้ภายใน 3 ชั่วโมง ถึงมือผู้บริโภคภายใต้การรับประกันสินค้าคุณภาพ ไม่พอใจสินค้าสามารถเปลี่ยนได้ ต่างจังหวัดสามารถสั่งได้ มีเพียงบางประเภท เช่น อาหารสด อาจจัดส่งให้ไม่ได้ และเราพัฒนาเว็บไซต์ไปถึงขั้นสามารถเลือกได้ 20 ภาษา ในการสั่งซื้อ นั่นหมายความว่ารองรับลูกค้าได้ทั้งชาวไทยและต่างชาติ

 โอกาสของเกษตรกรและผู้ค้ารายใหม่

สำหรับเกษตรกรและพ่อค้าแม่ค้ารายใหม่ที่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาด อ.ต.ก. สิ่งแรกคือต้องคำนึงถึงคือคุณภาพของสินค้า ณ วันนี้รัฐบาลได้มีความชัดเจนมากขึ้น ท่านรัฐมนตรีท่านให้ความสำคัญให้เอาการตลาดมานำการผลิต และสิ่งที่สำคัญอยากฝากถึงเกษตรกรคือว่า ให้ผลิตสินค้าในเชิงคุณภาพแล้วจะได้ราคา ถ้าท่านสงสัยหรืออยากได้ความรู้เพิ่มเติมให้มาดูได้ที่ตลาด อ.ต.ก. จะเห็นว่าสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพจริงๆ ขายได้ราคาดีมาก อยากให้เกษตรกรเปลี่ยนแนวคิด แทนที่จะผลิตให้ได้ปริมาณมากแล้วแข่งกันเอง ให้เปลี่ยนมาผลิตแข่งกันในเชิงคุณภาพ และผู้ค้ารายใหม่อยากมาเปิดแผงสามารถสมัครผ่าน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรต่างจังหวัด หรือกับเกษตรอำเภอ ที่จังหวัดของท่านได้เลย ทางตลาดยินดีหมุนเวียนให้ผู้ค้าทุกคนมาทดลองตลาด