ศิลาพร สิงหลักษณ์ แปรรูปกล้วย ด้วยวิถีมั่นคงและยั่งยืน ที่เมืองสองแคว

“พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา” เป็นคําขวัญประจําจังหวัดพิษณุโลก  

ใครก็ตามที่มาเยือนจังหวัดพิษณุโลก มี 2 สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ไปกราบพระพุทธชินราช เพื่อความเป็นมิ่งมงคลให้กับตนเองและครอบครัว และสิ่งที่สองคือ การได้ลิ้มรสชาติ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ในชื่อผลิตภัณฑ์กล้วยตากบางกระทุ่ม ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู แหล่งผลิตกล้วยตากคุณภาพดี มีกลิ่นหอม เนื้อนุ่ม มีรสหวานอร่อยตามธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์ขายดี สู่วิถีเส้นทางเศรษฐีในวันนี้

คุณศิลาพร สิงหลักษณ์ หรือ คุณอ้อ รองประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู เล่าให้ฟังว่า จังหวัดพิษณุโลก มีพระพุทธชินราชงามเลิศหรือพระใหญ่ พระคู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนทั่วไทยเคารพบูชา เป็นถิ่นกำเนิดพระนเรศวร มีแม่น้ำน่านไหลผ่านให้ประชาชนใช้เพื่อการยังชีพ มีถ้ำและน้ำตกที่สวยงามให้ชื่นชม มีสภาพพื้นที่เหมาะสมต่อการปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องได้คุณภาพ และเป็นรุ่นที่ 3 ของตระกูลสิงหลักษณ์ ที่มาสืบสานต่อเพื่อช่วยกันพัฒนาการผลิต “กล้วยตากบางกระทุ่ม” ให้ก้าวหน้าและมั่นคงต่อไป

คุณศิลาพร สิงหลักษณ์ รองประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู

ที่มาของกล้วยตากบางกระทุ่ม เนื่องจากเป็นรุ่นที่ 3 ของตระกูลสิงหลักษณ์ ก็ได้รับรู้เรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อคราวที่ คุณย่าโป๊ว ไปเมืองแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีโอกาสได้กินกล้วยน้ำว้าสุกพันธุ์มะลิอ่องแล้วชอบใจรสชาติความอร่อย จึงนำหน่อกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องกลับมา 2 หน่อ โดยตั้งใจจะปลูกไว้กินและขายกล้วยหวี แต่พ่อค้ากลับเลือกซื้อเฉพาะกล้วยหวีงามๆ เพราะนำไปขายได้ราคาดี แต่กล้วยตีนเต่าหรือกล้วยหวีเล็กที่ปลายเครือพ่อค้าไม่รับซื้อ คุณย่าโป๊วจึงปอกเปลือกออกนำไปตาก 3-5 แดด ทำให้ได้กล้วยตากคุณภาพดี มีกลิ่นหอม เนื้อนุ่ม และมีรสหวานอร่อยตามธรรมชาติ จึงเก็บใส่ไหไว้กินในครอบครัว แจกจ่ายให้ญาติที่มาเยือนนำไปกินซึ่งต่างก็ชื่นชอบรสชาติ จึงได้ส่งเสริมให้เพื่อนบ้านปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง เพื่อให้มีกล้วยไว้กินและขายเพื่อก่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง เป็นพืชที่ปลูกง่ายโตเร็ว มีความต้านทานโรคและแมลงได้ดี ให้เครือใหญ่ ปริมาณหวีมาก ผลอวบใหญ่เนื้อผลละเอียด ไส้กล้วยสีขาว มีความหวานแบบธรรมชาติ จึงเป็นที่นิยมปลูกเพื่อกินผลสด และดีที่สุดสำหรับนำมาทำเป็นกล้วยตากคุณภาพเลิศรส

การปลูก ได้แนะนำให้ปลูกระยะระหว่างต้นและแถวห่างกัน 2.5×3 เมตร ขุดหลุมปลูกกว้าง ยาว และลึก ด้านละ 1 ศอก หรือไม่น้อย 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกแห้ง วางหน่อกล้วยลงปลูกเกลี่ยดินกลบ ให้น้ำพอชุ่ม พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 200-250 ต้น หลังการปลูกต้องดูแลใส่ปุ๋ยให้น้ำพอเพียง ปลูกเลี้ยงให้ต้นกล้วยมี 3-5 ต้น ต่อกอ จะทำให้ได้กล้วยหวีใหญ่ผลอวบใหญ่ ด้วยลักษณะเด่นที่ได้คือ กล้วย 1 เครือ จะมี 7-10 หวี กล้วย 1 หวี จะมี 10-16 ผล

พื้นที่ปลูก บนที่ราบเกาะคูราว 200 ไร่ มีน้ำล้อมรอบ เป็นแหล่งที่มีศักยภาพเหมาะสมต่อการปลูกกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องได้คุณภาพดี กล้วยหวีส่วนหนึ่งนำส่งไปขายที่ตลาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และนครสวรรค์ และนำกล้วยหวีสุกพอดีส่วนหนึ่งที่ปลูกมาแปรรูป และรับซื้อจากเกษตรกรเพื่อให้การแปรรูปทำได้ต่อเนื่อง ด้วยรสชาติความอร่อย จึงได้มาเป็น “กล้วยตากเกาะคู” และ “กล้วยตากบางกระทุ่ม” ผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคทั่วไทยและเทศชื่นชอบมากว่า 30 ปี การปลูกและแปรรูปกล้วยจึงเป็นการสร้างงานให้ประชาชนในท้องถิ่นมีอาชีพมีรายได้ที่มั่นคง

กล้วยหวีสุกพอดีเหมาะที่จะนำไปทำกล้วยตากอบแห้งได้คุณภาพ

การผลิตกล้วยตากคุณภาพ อย่างง่ายด้วยวิถีชาวบ้านหรือที่หลายคนนิยมทำคือการตากกล้วยด้วยแสงเเดดตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งที่นี่จึงมีการริเริ่มตากกล้วยในตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มี กำนันประภาส เป็นผู้นำและทำเป็นรายแรก เป็นการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาสู่พัฒนาการผลิตกล้วยตากคุณภาพ ได้ผลิตภัณฑ์สะอาด ถูกหลักอนามัย จึงได้รับการรับรองให้เป็นสินค้ามาตรฐานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป (OTOP) ระดับ 5 ดาว เป็นสินค้าขายดีทั้งตลาดในประเทศและมีการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศเป็นเงินล้านบาท

ปอกเปลือกกล้วยออกนำไปตากและอบให้แห้ง

คุณอ้อ รองประธานกลุ่ม เล่าให้ฟังอีกว่า กำนันประภาสและครอบครัวสิงหลักษณ์ ได้ขอพระราชทานน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 15 ไร่ 88 ตารางวา บริเวณบ้านเกาะคู หมู่ที่ 1 ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2536 เพื่อใช้ประโยชน์แก่ผู้ที่มีอาชีพผลิตกล้วยตากในพื้นที่อำเภอบางกระทุ่ม

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการรับโอนที่ดินดังกล่าวมาดูแลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เพื่อใช้ประโยชน์ในที่ดิน พร้อมกับจัดตั้งโครงการพัฒนาและส่งเสริมการผลิตกล้วยตากบ้านเกาะคู ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ด้วยการส่งเสริมการรวมกลุ่มชาวบ้านเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนและพึ่งพาตนเองได้ด้วยความเข้มแข็งและมั่นคง

โครงการพัฒนาและส่งเสริมการผลิตกล้วยตากบ้านเกาะคู ได้ให้การสนับสนุนด้านวิชาการ ด้านการตลาด และพัฒนาคุณภาพพันธุ์กล้วย และพัฒนาตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการสร้างเครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบกรีนเฮาส์ (พาราโบลาร์โดม) ขนาดกว้างและยาว 8×20 เมตร มีพื้นที่การทำแห้ง 160 ตารางเมตร เฉลี่ยจะอบกล้วยตากได้ 1,400 หวี ต่อครั้ง

กล้วยตากอบแห้ง สินค้าโอท๊อป(OTOP)ระดับ 5 ดาว บรรจุกล่องสวยงามเหมาะเป็นของฝาก

คุณอ้อ เล่าให้ฟังในท้ายนี้ว่า การเพิ่มมูลค่าผลผลิต กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเกาะคู ได้ควบคุมการผลิตกล้วยตากในระบบสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) ที่ได้มาตรฐาน ทำให้ได้กล้วยตากมีคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออก และได้ร่วมกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นเพื่อการเพิ่มมูลค่าผลผลิตจากกล้วยน้ำว้าด้วยการแปรรูปผงกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องสำหรับนำไปผลิตเป็นขนมคุกกี้และผลิตชาจากเปลือกกล้วยน้ำว้า เพื่อสุขภาพ ซึ่งจะได้นำผลิตภัณฑ์วางขายสู่ผู้บริโภคในไม่ช้านี้

หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก เป็นส่วนหนึ่งของ คำขวัญจังหวัดพิษณุโลก ที่บ่งบอกที่มาของ “กล้วยตากบางกระทุ่ม” จังหวัดพิษณุโลก ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู ที่ได้รับการยกย่องว่า คุณภาพดี ที่มีกลิ่นหอม นุ่ม รสหวานธรรมชาติ หนึ่งผลิตภัณฑ์ความอร่อย ระดับ 5 ดาว แถวหน้าของประเทศไทย

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู ได้จัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้การ “ปลูก-แปรรูป” กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องแบบครบวงจรให้กับทุกท่านได้นำไปต่อยอดในการสร้างงาน สร้างรายได้เงินล้าน เพื่อให้มีวิถีที่พอเพียง มั่นคง และยั่งยืน

สอบถามเพิ่มได้ที่ คุณศิลาพร สิงหลักษณ์ หรือ คุณอ้อ รองประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านเกาะคู เลขที่ 137 หมู่ที่ 3 ตำบลบางกระทุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก โทร. (094) 830-8310 ก็ได้นะครับ