ผู้เขียน | ณภัทร เจริญวัฒนะ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” ถือเป็นประโยคที่สามารถใช้ได้กับแทบทุกสถานการณ์ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องความรัก เรื่องการทำงาน รวมไปถึงเรื่อง “การทำธุรกิจ” ด้วย และหากพูดถึงธุรกิจส่วนตัว เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีความฝันอยากจะทำ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ร้านเครื่องประดับ รวมไปถึงการเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง
คงมีหลายคนที่เชื่อว่าหากมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น แต่ในโลกของการทำธุรกิจ “ความตั้งใจ” เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ เพราะการทำธุรกิจต้องอาศัยปัจจัยสำคัญที่เรียกว่า “ประสบการณ์” ด้วย
คุณมนต์สินี นวลศิริโกศล หรือ คุณติ๋ม และ คุณกัณฑ์พัฒน์ นวลศิริโกศล หรือ คุณเค อดีตเจ้าของกิจการ “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” เค้กเพื่อสุขภาพ ที่เคยประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดสินค้าเบเกอรี่และคนรักสุขภาพ ที่ปัจจุบันได้ผันตัวเองมาทำธุรกิจขายขนมและผลไม้อบแห้งเนื่องจากพิษทางเศรษฐกิจและอายุที่เพิ่มมากขึ้น
จากพนักงานประจำ ก้าวสู่เจ้าของร้านเบเกอรี่
คุณติ๋ม ปัจจุบันอายุ 60 ปี เดิมเป็นคนอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพมหานคร ก่อนทำงานในตำแหน่งเลขานุการในบริษัทแห่งหนึ่ง โดยช่วงแรกนั้นยังไม่มีความคิดอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ มีเพียงความสนใจเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่เท่านั้น ส่วนคุณเค ปัจจุบันอายุ 63 ปีแล้ว พื้นเพเป็นคนกรุงเทพมหานคร หลังจากจบการศึกษาก็ได้มีโอกาสเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำ และเนื่องจากเคยทำงานในด้านการตลาดและการขาย จึงมีความสนใจในเรื่องการทำธุรกิจอยู่เป็นทุนเดิม
ด้วยความรักในการทำเบเกอรี่ คุณติ๋มจึงเรียนทำเบเกอรี่จากหลายสถาบัน ด้วยความหวังที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเอง แม้ว่าขณะนั้นจะยังคงทำงานเป็นพนักงานประจำของบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ก็ตาม แต่เพราะต้องการทำตามความฝันของเธอเอง ประกอบกับอยู่ในช่วงกำลังสร้างครอบครัว จึงตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลบ้านและทุ่มเทกับการเตรียมเปิดร้านเบเกอรี่ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณเคผู้เป็นสามี จนสามารถเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเองได้ในที่สุด
“หากพูดกันในฐานะของผู้ชื่นชอบเบเกอรี่มาก และพยายามจนมีร้านเป็นของตัวเองแล้ว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่หากพูดในฐานะของเจ้าของกิจการ คงต้องบอกว่าการเปิดร้านในครั้งนั้น ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตเลยก็ว่าได้” คุณติ๋ม เล่า
หลังจากได้ลงทุนเปิดร้านในช่วงแรกธุรกิจก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จัก จนมีลูกค้าจำนวนมาก แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ในด้านการบริหารจนถูกยักยอกเงินและปัญหาเรื่องการแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งที่ผลิตและขายสินค้าประเภทเดียวกันจำนวนมาก ทั้งยังมีเรื่องสัญญาเช่าตึกที่ครบปี เมื่อไม่สามารถทนกับสภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ทั้งสองจึงตัดสินใจปิดกิจการร้านเบเกอรี่และถอยกลับมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การสร้างธุรกิจก็เช่นกัน
“ตอนนั้นยอมรับว่าท้อมาก เพราะการมีธุรกิจเป็นของตัวเองเรียกได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันของทั้งผมและภรรยา แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์และปัจจัยเรื่องการตลาด รวมทั้งเรื่องการแข่งขันหลายๆ อย่าง ทำให้การเปิดร้านเบเกอรี่ในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่หวัง แต่เราก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการทำธุรกิจ เพราะเชื่อว่าด้วยประสบการณ์และบทเรียนที่มี การทำตามความฝันอีกครั้งก็คงไม่ยากเกินความสามารถมากนัก” คุณเค บอก
ต่อมาคุณเคมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่ ส่วนตัวคุณติ๋มเองก็ยังมีความตั้งใจอยากจะทำเบเกอรี่ จึงเริ่มปรึกษากันเรื่องการทำเค้กอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เลือกที่จะตีตลาดคนรักสุขภาพและชื่นชอบเบเกอรี่ด้วยเค้กแครอต ในชื่อ “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” เค้กเพื่อสุขภาพ
“เค้กแครอตนั้นเดิมทีเป็นสูตรของเค้กที่มาจากอเมริกา แต่ได้นำมาปรับสูตรและส่วนผสมบางชนิดเพื่อให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น อีกทั้งยังเลือกใช้แครอตสดเป็นส่วนผสมหลัก ้จนได้ชื่อว่าเป็นเค้กแครอตเพื่อสุขภาพที่อร่อย ใช้แป้ง-น้ำตาลน้อยและไขมันต่ำ โดยในตอนนั้นก็ได้ผลิต “คุกกี้คอร์นเฟลก” คุกกี้ธัญพืชเพื่อสุขภาพควบคู่ไปด้วย” คุณติ๋ม บอก
การลงทุนเปิดตลาดเค้กเพื่อสุขภาพครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นและเรียนรู้จากความผิดพลาดไปพร้อมๆ กัน โดยเริ่มจากการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากนัก และเน้นการขายและโฆษณาผ่านทางคนรู้จัก ก่อนที่จะมีการตั้งบู๊ธแนะนำสินค้า นอกจากนี้ คุณเคยังได้นำประสบการณ์จากการทำงานด้านการตลาดและการขายที่สั่งสมมากว่า 20 ปี มาปรับใช้ในการโฆษณาและโปรโมตด้วย
จนในที่สุดจากที่เป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็กๆ ที่ทำกันในครอบครัว “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดเบเกอรี่อีกครั้ง ซึ่งจากความนิยมของลูกค้าและการโฆษณาที่ถูกวางแผนเอาไว้อย่างดีส่งผลให้ “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” ได้รับรางวัลการันตีความอร่อยมากมาย ทั้งรางวัลคลีน ฟูดส์ กูดเทส ของ คุณเสนาะ เทียนทอง รางวัลอร่อยทั่วไทย ของ คุณลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ และรางวัลเชลล์ชวนชิม จาก คุณชายถนัดศรี ซึ่งถือเป็นสิ่งยืนยันความสำเร็จที่ทั้ง คุณเคและภรรยารู้สึกภาคภูมิใจมาก
จุดอิ่มตัวของธุรกิจ “แครอทเค้ก คุณติ๋ม”
หลังจากที่ประสบความสำเร็จ ทั้งสองคนก็หันมาทุ่มเทให้กับการผลิตและการตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างที่ทราบดีว่าเมื่อมีขึ้นก็ต้องมีลง การทำธุรกิจเองก็ไม่สามารถหนีพ้นตรรกะนี้ได้เช่นกัน แม้ว่า “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” จะเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมาก แต่การแข่งขันทางธุรกิจก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในวงการเบเกอรี่ ที่ต้องยอมรับว่าการคิดเมนูใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์ของตัวเอง คุณติ๋มจึงยังเดินหน้าผลิตเค้กแครอตต่อไปท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการธุรกิจ
จนกระทั่งล่วงเข้าสู่ปีที่ 10 คุณติ๋มและคุณเคต่างก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่ “แครอทเค้ก คุณติ๋ม” ต้องปิดฉากลงจริงๆ เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถผลิตเค้กในจำนวนมากได้ ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยังมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยความตั้งใจที่จะไม่ขึ้นราคาสินค้าและจะไม่ลดมาตรฐานการผลิต พอนานเข้าจึงกลายเป็นว่าเมื่อหักลบกันจริงๆ กลับมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ
“ถ้าถามว่าเสียใจไหมที่ต้องเลิกทำเค้ก ก็คงต้องบอกว่ามันก็มีบ้าง เพราะมันเป็นสิ่งที่รัก แต่ก็ต้องยอมรับความจริง จะให้ไปดันทุรังทำมันก็ไม่ได้ และแม้ว่าจะเลิกทำเค้กส่งแล้ว แต่นานๆ ก็จะมีลูกค้าประจำโทร.เข้ามาสั่ง ซึ่งถ้าทำไหวเราก็จะทำ แต่ลูกค้าหลายคนเขาก็เข้าใจว่าเราอายุเยอะแล้ว ทำอะไรมันก็ไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน แต่ตลอดเวลาที่ทำเค้กแครอตมามันก็ถือเป็นความภูมิใจของเรากับสามี ที่สามารถทำให้ธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักได้มากขนาดนี้” คุณติ๋ม บอก
ปิดกิจการ สู่การค้าขายเล็กๆ ของครอบครัว
หลังจากที่ตัดสินใจเลิกผลิตเค้กแครอต คุณเคและคุณติ๋มก็เริ่มมาปรึกษากันอีกครั้งว่าจะหันมาทำงานอะไรดี เพื่อให้เหมาะกับความชื่นชอบของตัวเองและอายุที่เพิ่มมากขึ้น จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะหาสินค้ามาจำพวกขนมและผลไม้อบแห้งมาขายแทน
โดยสินค้าที่รับมาขายก็ยังคงเน้นเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มรักสุขภาพเช่นเดิม ส่วนหนึ่งเพราะคุณเคและคุณติ๋มชื่นชอบการผลิตและการขายสินค้าประเภทอาหารเพื่อสุขภาพอยู่เป็นทุนเดิม โดยครั้งนี้จะเน้นการออกบู๊ธขายตามโรงพยาบาล เนื่องจากเหมาะกับสินค้าที่ขาย ส่วนกลุ่มลูกค้าส่วนมากก็มีทั้งคนที่มาโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ อีกทั้งราคาค่าเช่าพื้นที่ก็ไม่สูงมากอีกด้วย
“สินค้าที่รับมาขายส่วนมากก็จะปรับเปลี่ยนไปตามกลุ่มลูกค้า และสถานที่ตั้งของร้าน เนื่องจากลูกค้าแต่ละกลุ่มนั้นมีความต้องการต่างกัน เราจึงต้องพยายามหาสินค้าที่หลากหลาย โดยส่วนมากสินค้าที่รับมาขายก็จะมีอินทผลัม ลูกเกด พุทราจีนอบแห้ง กล้วยตาก มะม่วงกวน รวมถึงพวกบ๊วย อย่างบ๊วยเนื้อหรือบ๊วยซากุระ และมะขามสามรสด้วย” คุณติ๋ม บอก
การเลือกสินค้า เจาะตลาดคนรักสุขภาพ
จุดเด่นของสินค้าที่รับมาขายนั้น แน่นอนว่าต้องอยู่ที่คุณประโยชน์ของสินค้า อย่างอินทผลัม เหตุผลหนึ่งที่นำมาขาย เพราะไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการย่อยและช่วยดูดซึมสารอาหารด้วย
ส่วนพวกลูกเกด ลุกพรุน ก็ช่วยในเรื่องบำรุงกระดูก ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานปกติ ทั้งยังมีสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ กล้วยตากก็ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย และลดอัตราการเสี่ยงโรคหัวใจวายด้วย
“อีกสิ่งที่ผมและภรรยาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือเรื่องของคุณภาพสินค้า ส่วนหนึ่งเพราะหน้าร้านของเราเน้นขายตามโรงพยาบาล ทำให้กลุ่มลูกค้าส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพและประโยชน์ของสินค้ามาก นอกจากนี้ เรายังยึดมั่นในเรื่องของจรรยาบรรณในการขายของ เพราะฉะนั้น สินค้าทุกประเภทที่เราขายจะต้องสด ใหม่ สะอาด และมีคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเชื่อมั่นและทำมาตลอด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในร้านและสินค้าของเรา” คุณเค บอก
สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อสินค้าสามารถซื้อจากร้านประจำที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หรือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ (081) 810-7479, (093) 529-9266 และ (081) 512-8751