“หมอนขิด” อาชีพเสริมรายได้นอกฤดูทำนา ของชาวบ้านอำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร

ในอดีตชาวอีสานนิยมปลูกข้าวเพื่อยังชีพ เลี้ยงสัตว์เป็นอาหาร ว่างเว้นจากทำนาทำไร่ ผู้หญิงจะปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและเก็บดอกฝ้ายมาปั่นทำผ้าห่ม ทอผ้าพื้นสำหรับตัดเสื้อผ้า ทำที่นอน ทอผ้าขาวม้า และทอผ้าลายขิด คำว่า “ขิด” มาจากคำว่า สะกิดขึ้น สันนิษฐานว่ามาจากภาษาบาลี คำว่า ขจิด แปลว่า ทำให้งดงาม

ในสมัยโบราณ ถือว่าผ้าขิดเป็นของสูง เพราะต้องใช้ฝีมือและความสามารถในการทอสูงกว่าผ้าชนิดอื่น นิยมใช้ผ้าขิดห่อพระไตรปิฎก หรือใช้งานพิธีมงคล ต่อมาชาวบ้านได้นำผ้าขิดมาทำเป็นหมอนสามเหลี่ยม (เดิมเรียกว่าหมอนหน้าม้า ตามลักษณะรูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายหน้าม้า) เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ หรือมอบเป็นของขวัญแด่ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ

บ้านศรีฐาน ตำบลศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องการทำหมอนขิดมาหลายชั่วคนแล้ว จนได้ชื่อว่า เป็นแหล่งผลิตหมอนขิดใหญ่ที่สุดในประเทศ พอว่างเว้นจากการทำนา ผู้หญิงในชุมชนแห่งนี้จะออกไปรับจ้างทำหมอนขิด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและเก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ

แม่แย้ม จันใด เจ้าของผลิตภัณฑ์ “แม่แย้มหมอนขิด” เล่าว่า เดิมแม่แย้มรับจ้างทำหมอนขิดมาตลอดจนกระทั่งปี 2542 ได้หันมาลงทุนทำหมอนขิดออกขายเอง โดยจ้างแรงงานในชุมชนมาทำหมอนตามความถนัดของแต่ละคน สำหรับขั้นตอนการทำหมอนขิดเริ่มตั้งแต่การเย็บ การสอย ขึ้นรูปตามแบบที่เตรียมไว้ ไปจนถึงการยัดนุ่นให้เป็นรูปทรงสวยงาม แม่แย้มแบ่งงานให้ชาวบ้านในชุมชนมารับงานไปทำที่บ้าน สินค้าหมอนขิดแม่แย้มขายดี ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมซื้อหมอนขิดไปใช้ในงานบุญ งานบวช เป็นของประดับตกแต่งบ้าน รวมทั้งซื้อเป็นของรับไหว้ในงานแต่งงาน

แม่แย้มตั้งใจผลิตหมอนขิดให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ประณีต สวยงาม มีสินค้าหลากหลายรูปแบบ จึงได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์โอท็อป 4 ดาวของท้องถิ่น สินค้าหมอนขิดของแม่แย้มได้รับความนิยมสูงจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออก

คุณกฤษณพงษ์ จันใจ ทายาทธุรกิจแม่แย้มหมอนขิด บอกว่า ก่อนหน้านี้ผมตระเวนออกบู๊ธขายสินค้าตามงานโอท็อป และมีโอกาสเจอทีมงานของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จึงชักชวนให้นำสินค้ามาขายผ่านทเวนตี้โฟร์ แค็ตตาล็อก ผมได้คัดเลือกหมอนสามเหลี่ยมขิด เบาะรองนั่ง เข้ามาจำหน่ายกับทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก จึงเพิ่มสินค้าใหม่คือ หมอนหนุนเพื่อสุขภาพ หมอนรองคอ ที่นอนพับ และที่นอนระนาด เป็นต้น ปัจจุบันทางร้านมีสินค้าวางขายในทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำนวน 8 ชิ้น ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

ตลาดหมอนขิดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันทางร้านได้ส่งหมอนขิดไปขายทั่วประเทศ เช่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ชลบุรี เชียงราย ฯลฯ และส่งออกหมอนขิดไปขายต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น กัมพูชา ลาว และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ รวมทั้งเปิดร้านค้าสาขา 2 ที่ตลาดไท ที่ผ่านมา แม่แย้มหมอนขิด มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยเดือนละ 4,500 ชิ้น หลังจากเพิ่มช่องทางการขายผ่านทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ปรากฏว่ามียอดขายเพิ่มเป็นเดือนละ 6,000 ชิ้น ปัจจุบันมีรายได้รวมเฉลี่ยเดือนละ 500,000 บาท โดยรายได้หลัก 80% มาจากการทำตลาดขายเอง ส่วนอีก 20% มาจากการขายสินค้าผ่านช่องทางทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง

คุณอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด บริษัทในกลุ่มซีพี ออลล์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายผ่านทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง กว่า 9,000 รายการ โดยบริษัทได้ช่วยสนับสนุนเข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าและบริการร่วมกับผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนเป็นช่องทางการขายตั้งต้นให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ตลาดและจัดการด้านค้าปลีกให้ทันสมัย โดยวิธีการทำงานทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จะเลือกสินค้าจากเอสเอ็มอีที่มีความเหมาะสมในแต่ละช่องทางควรจะไปลองที่ช่องทางไหน และถ้าได้รับผลตอบรับที่ดีมีลูกค้าให้ความสนใจมากขึ้นจะขยับไปช่องทางไหนได้บ้าง ซึ่งช่องทางที่เริ่มต้นเป็นช่องทางเล็กๆ จากแค็ตตาล็อกในรูปเล่ม เมื่อผลตอบรับดีจะพัฒนาต่อในช่องทางเว็บไซต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางหนึ่งที่ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีท่านใดที่สนใจนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายผ่านทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง สามารถติดต่อได้หลายช่องทางผ่านเว็บไซต์ www.24catalog.com www.Shopat24.com และ Call Center (02) 780-7666 ตลอด 24 ชั่วโมง

………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2561