“หน่อไม้” สินค้าขายดีตลอดทั้งปี

เจ๊มัท เจ้าของแผงค้าหน่อไม้

“ไผ่” เป็นพืชมหัศจรรย์ สารพัดประโยชน์ ไม้ไผ่ใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง เป็นวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ หน่อไผ่ยังใช้เป็นอาหารได้อย่างวิเศษ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานที่นิยมบริโภคหน่อไม้เป็นอาหารประจำวัน ทำให้หน่อไม้กลายเป็นสินค้าขายดี สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่คนไทยจำนวนมาก ในฉบับนี้จะพาไปสำรวจสถานการณ์ตลาด “หน่อไม้” ที่ตลาดไท ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับ “เจ๊มัท” เจ้าของแผงค้าหน่อไม้ ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดผัก เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 04.00-20.00 น. สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งหน่อไม้นึ่ง หน่อไม้ไผ่รวกที่เก็บจากป่าธรรมชาติ และปลูกในสวนไผ่ของเกษตรกรลูกไร่ในพื้นที่จังหวัดเลย นครนายก ปราจีนบุรี และกาญจนบุรี เช่น หน่อไม้กิมซุงหรือไผ่ตงลืมแล้ง หน่อไม้บงหวาน เป็นต้น

ในอดีตการต้มหน่อไม้ปี๊บในประเทศไทย ผู้ผลิตส่วนใหญ่มักตั้งปี๊บบนเตาฟืนโดยตรง ทำให้ปี๊บได้รับความร้อนที่สูงจากเปลวไฟที่เลียอยู่รอบๆ ปี๊บ เสี่ยงทำให้สารเคมีซึ่งใช้เคลือบภายในปี๊บและยารอยปี๊บ เกิดการสลายตัวแล้วละลายลงในหน่อไม้และน้ำที่อยู่ในปี๊บ ทำให้หน่อไม้บรรจุปี๊บเสี่ยงปนเปื้อนสารพิษโบทูลิน ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิต จนเกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนจนไม่กล้าบริโภคหน่อไม้บรรจุปี๊บ

ทางกลุ่มผู้ผลิตหน่อไม้จึงปรับตัวหันมาต้มหน่อไม้นึ่งบรรจุถุงพลาสติกน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 9 ขีด ออกจำหน่ายในราคาถุงละ 30 บาท สินค้าชนิดนี้มีอายุการเก็บรักษานาน 1 ปี ปัจจุบันจังหวัดสุพรรณบุรี เลย กาญจนบุรี นับเป็นแหล่งผลิตหน่อไม้บรรจุถุงรายใหญ่ สินค้ามีคุณภาพดี รสชาติอร่อย     

เจ๊มัท กล่าวว่า ทุกวันนี้ แม่ค้านิยมซื้อหน่อไม้บรรจุถุงมาขายกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะดูแลง่าย ไม่ต้องเสียเวลานำหน่อไม้ออกจากปี๊บเหมือนสมัยก่อน แถมลูกค้าก็ชอบ เพราะเลือกซื้อได้ง่าย สินค้ามีคุณภาพดี แปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู ที่สำคัญราคาไม่แพง หน่อไม้บรรถุถุงขายดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี จะขายดีมากเพราะหมดช่วงฤดูหน่อไม้จากธรรมชาติ ลูกค้าจึงหันมาซื้อหน่อไม้บรรจุถุงเพื่อทำอาหารในช่วงเทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน

หน่อไผ่กิมซุง ขายดี
หน่อไผ่กิมซุง ขายดี

แม้หน่อไม้ดิบ จะมีสารไซยาไนด์ อยู่ในหน่อไม้ตามธรรมชาติ และอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้หากบริโภคในปริมาณมาก แต่กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงนิยมซื้อหน่อไม้ดิบไปแปรรูปเป็นอาหารตามปกติ เจ๊มัท บอกว่า การบริโภคหน่อไม้ให้ปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่นำหน่อไม้ดิบไปต้มให้สุกก่อนนำไปบริโภค โดยใช้เวลาต้มหน่อไม้ในน้ำเดือดอย่างน้อย 10 นาที ก็กำจัดสารพิษในหน่อไม้ได้แล้ว สามารถบริโภคหน่อไม้ได้อย่างปลอดภัยสุดๆ  

สำหรับหน่อไม้กิมซุงจะมีราคาขายตั้งแต่ 20-50 บาท ราคาขึ้นลงตามช่วงฤดูกาล ราคาหน่อไม้กิมซุงจะขายได้ราคาดี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ส่วนช่วงฤดูฝน มีผลผลิตเข้าตลาดมาก ราคาจะหล่นเหลือแค่กิโลกรัมละ 20 บาท หน่อไม้กิมซุงสามารถแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น หน่อไม้ดอง หน่อไม้นึ่ง หน่อไม้ผัดพริกแกง เมนูต้มจืด ฯลฯ หน่อไม้ที่จำหน่ายแบ่งเป็นเกรดหน่อเล็ก หน่อใหญ่ ทั้งนี้ หน่อเล็กสั้นจะราคาได้ราคาดีกว่า เพราะเป็นหน่ออ่อนที่ผู้คนทั่วไปนิยมบริโภค ส่วนหน่อใหญ่เป็นที่ต้องการของโรงงานเพื่อนำไปแปรรูปก่อนส่งขายตลาดจีน   

 

กว่า 10 ปีที่เปิดแผงขายหน่อไม้ เธอยืนยันว่า สินค้าชนิดนี้ มียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี ช่วงใดมีกระแสข่าวเชิงลบว่า ประชาชนรับประทานหน่อไม้แล้วมีอาการป่วย ยอดขายก็ลดลงเล็กน้อย หลังกระแสข่าวจางหายไปสักพัก คนก็หันมาบริโภคหน่อไม้ตามปกติ นอกจากเปิดแผงขายหน่อไม้ที่ตลาดไทแล้ว ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูหน่อไม้ประจำปี เธอจะรวบรวมหน่อไม้ไผ่รวกสดราคาถูก เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 กว่าบาท น้ำหนัก 20-30 ตัน ส่งขายโรงงานเพื่อแปรรูปเป็นหน่อไม้บรรจุถุงสุญญากาศ หน่อไม้บรรจุขวดใส่น้ำย่านางและพริก ฯลฯ ส่งออกไปยังตลาดจีน ยุโรป และอีกหลายประเทศที่คนไทย และคนเอเชียพักอาศัยอยู่ ทุกวันนี้โรงงานแปรรูปหลายแห่งเริ่มหันมาเจาะตลาดส่งออกมากขึ้น เพราะตลาดกลุ่มนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐหันมาส่งเสริมการปลูกไผ่ เพื่อผลิตหน่อไม้ป้อนตลาดส่งออกในอนาคต

หากท่านสนใจการแปรรูปไผ่ของไทย เชิญทุกท่านได้ที่งานสัมมนาสุดยอดนวัตกรรมจากไผ่ของไทย ในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2559 ณ ห้องประชุม หนังสือพิมพ์ข่าวสด สำรองที่นั่ง หรือ สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ 082-9939097 และ 082-9939105 หรือ 02-9543977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124