ปลูกเบญจมาศตัดดอกขาย สร้างรายได้ทุกวัน คู่แข่งน้อย ราคาคงที่

เบญจมาศ เป็นไม้ตัดดอกชนิดหนึ่งที่มีการปลูกเลี้ยงกันในหลายพื้นที่ เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันสดใส ปลูกเลี้ยงง่าย มีหลากหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นไม้ที่มีขนาดเล็ก ความสูงประมาณ 75-80 เซนติเมตร ตามกิ่งก้านและลำต้นมีขนละเอียด ใบเรียวรี ขอบใบหยัก ใบสีเขียวอ่อนๆ ทั่วทั้งใบ ดอกกลม กลีบใบซ้อนมีหลากหลายสี

หากท่านใดอยากชมความสวยงามของดอกเบญจมาศกว่า 100 ไร่ ขอแบ่งปันความสวยงามที่ สวนดอกเบญจมาศบิ๊กเต้ ตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แหล่งปลูกดอกเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของมวกเหล็ก พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

จุดเริ่มต้นของการปลูกดอกเบญจมาศ

คุณภูธนะ พรหมพิทักษ์
คุณภูธนะ พรหมพิทักษ์

คุณภูธนะ พรหมพิทักษ์ หรือ ต๊ะ เกษตรกรหนุ่มไฟแรง วัย 26 ปี จบการศึกษาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ผันตัวเองมาเป็นหนุ่มบ้านไร่สานต่อธุรกิจครอบครัว

คุณภูธณะ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนเองประกอบธุรกิจส่วนตัวมาก่อน แต่ด้วยความที่สนใจในอาชีพเกษตรของคุณพ่อและคุณแม่ มีแนวคิดอยากปลูกพืชสักชนิด ทำเป็นธุรกิจนอกเหนือจากที่ทำอยู่ จึงออกตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ มองหาอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตร และจากการได้ออกพื้นที่ ทำให้ได้เห็นอาชีพการปลูกดอกเบญจมาศตัดดอกของเกษตรกรบนดอยที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี จึงเกิดความสนใจนำมาปลูกทำเป็นธุรกิจ ประกอบกับแนวคิดที่ว่า ปลูกดอกเบญจมาศมีคู่แข่งน้อย ราคาไม่แกว่ง อะไรที่คนทำได้น้อย และทำยาก ย่อมไม่ล้นตลาด

ด้วยความเหมาะสมของพื้นที่และสภาพอากาศที่ใกล้เคียง เหมาะสมที่จะปลูก อีกทั้งยังห่างจากกรุงเทพมหานครไม่มาก ใช้เวลาในการขนส่งไปยังพ่อค้าแม่ค้าไม่นานเหมือนกลุ่มผู้ผลิตทางเหนือ ซึ่งสามารถลดการสูญเสียของผลผลิตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้ ทางครอบครัวจึงตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณนี้ทำเป็นฟาร์มเบญจมาศตัดดอก

วิธีการปลูก

คุณภูธณะ และพี่ชายคือ คุณเต้ เริ่มปลูกเบญจมาศตัดดอก ครั้งแรกเพียง 5 ไร่ ก่อนอื่นต้องคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูก ว่าตอบสนองต่ออากาศ ปุ๋ยหรือไม่ พอได้พันธุ์ที่เหมาะสม ต้องดูตลาดอีกว่าตลาดต้องการดอกแบบไหน พอลงตัวทั้งสองอย่างถึงจะลงปลูก ภายในโรงเรือนขนาดความสูงประมาณ  2-3 เมตร ด้านข้างเปิดให้อากาศถ่ายเท ส่วนด้านบนใช้พลาสติกใสทำเป็นหลังคาป้องกันฝนและแดดในช่วงที่ไม่ต้องการแสง เบญจมาศเป็นไม้ล้มลุก ชอบอากาศเย็น ชื้น แต่ดินไม่แฉะ ห้ามให้ดินแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่า พอตัดดอกทิ้ง ต้องตีดินลงพันธุ์ใหม่ สวนมีต้นพันธุ์เอง

8

ต้นพันธุ์จะไม่ปล่อยให้มีดอกแล้วเอายอดมาเพาะพันธุ์อย่างเดียว เจ้าของเด็ดยอดต้นพันธุ์มาชำให้เกิดราก แล้วนำมาปลูกในแปลง

 

วิธีการเตรียมแปลง

ที่ฟาร์มแห่งนี้อยู่บนภูเขา จะมีปัญหาตรงที่มีแต่ดินลูกรัง ฟาร์มจึงแก้ปัญหาด้วยวิธีนำเอาขุยมะพร้าว แกลบ ขี้วัว เอามาลงในแปลง แล้วก็ตีดินผสมให้เข้ากัน ให้กระจาย ทำเพียงเท่านี้ก็สามารถปลูกได้แล้ว ความกว้างของแปลงปลูกประมาณ 90 เซนติเมตร ความยาวแล้วแต่ความเหมาะสมของพื้นที่

เตรียมดิน
เตรียมดิน

“ที่ฟาร์มของผม จะยกร่องเหมือนกับการปลูกผักทั่วไป 1 แปลง จะปลูกประมาณ 10-12 แถว แต่ละแถวจะปลูกประมาณ 150 ต้น ซึ่งต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกจะได้จากการนำกิ่งพันธุ์มาปักชำจนเกิดรากเดินได้ระยะหนึ่ง จากนั้นจะนำมาปลูกในแปลงที่มีการควบคุมแสง ปุ๋ย น้ำ ตลอดจนโรคแมลงที่เกิดขึ้น ปุ๋ยจะเป็นปุ๋ยละลายเร็ว สูตรเสมอ 15-15-15 เพื่อเร่งโครงสร้างลำต้นให้สมบูรณ์ และเมื่อโครงสร้างได้ตามที่ต้องการ ก็จะเริ่มเร่งดอก โดยใช้ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ช่วยกระตุ้น” คุณภูธนะ บอก

 

การดูแลรักษา

“ที่โรงเรือนของเราจะมีพลาสติกคลุมไม่ให้ดอกเบญจมาศโดนฝน พอเป็นดอกโดนฝนน้ำจะเข้า จะทำให้ดอกเน่า วิธีคือพยายามอย่ารดที่หน้าดอก ให้รดตรงโคนต้น ถ้าใช้แรงงานคนรดจะดีเพราะเราสามารถคอนโทรลได้ ส่วนเรื่องโรคและแมลงดูตามสถานการณ์ ถ้าเจอโรคแมลงเราก็ฉีดพ่นตามปกติ แต่ยาเราเป็นยาออร์แกนิก แต่ถ้าจะให้ดี ผมแนะนำให้จัดตารางไว้เลยว่าเราจะฉีดยาวันไหน ประมาณอาทิตย์ละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ครั้ง ก็ได้” คุณภูธนะ กล่าว

ในโรงเรือน
ในโรงเรือน

เทคนิคบังคับดอกออกตลอดทั้งปี

เบญจมาศที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพืชอายุสั้น เมื่อกลางวันสั้นกว่าประมาณ 14 ชั่วโมง เบญจมาศจะเริ่มสร้างตาดอก แต่ดอกจะพัฒนาเป็นดอกที่สมบูรณ์ได้ต้องมีช่วงวันสั้นกว่าประมาณ 13 ชั่วโมง ดังนั้น หากปลูกเบญจมาศในช่วงวันสั้น เบญจมาศจะออกดอกเร็วหรือให้ดอกเมื่อต้นยังเล็กอยู่ ส่วนเมื่อกลางวันยาวกว่าประมาณ 14 ชั่วโมง เบญจมาศจะไม่สร้างดอกหรือให้ดอกที่ผิดปกติ ดังนั้น จึงใช้การบังคับช่วงวันให้เบญจมาศสร้างดอกเมื่อต้องการได้ตลอดทั้งปี

การบังคับไม่ให้เบญจมาศออกดอก จะต้องให้แสงไฟช่วงกลางคืน เนื่องจากประเทศไทยมีช่วงกลางวันสั้นกว่า 16 ชั่วโมง ตลอดทั้งปีจึงจำเป็นต้องให้แสงช่วงกลางคืนแก่เบญจมาศตลอด ซึ่งระยะเวลาการให้แสงจะยึดหลักให้มีช่วงมืดไม่เกิน 4 ชั่วโมง ปริมาณแสงที่ใช้ 8-100 ลักซ์ (LUX) ที่ระดับแปลง โดยติดตั้งระบบหลอดไฟ 2 เมตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอของกระแสไฟด้วย ดังนั้น จึงควรตรวจวัดความเข้มของแสงด้วยอุปกรณ์วัดแสงเพื่อให้มั่นใจว่าเบญจมาศได้รับแสงอย่างถูกต้อง และไม่ออกดอกก่อนกำหนด

 

7

4

6

ระยะการเก็บเกี่ยว

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม จะทำให้รักษาคุณภาพเบญจมาศได้ดี มีอายุการปักแจกันทนทาน ดังนั้น การตัดดอกเบญจมาศจะตัดดอกเมื่อกลีบดอกบานเต็มที่ หรือประมาณร้อยละ 75 และก่อนที่เกสรตัวผู้หรือกลีบดอกชั้นในจะบาน ควรตัดให้ช่อดอกยาว 70-75 เซนติเมตร และทำให้เหลือตอไว้ 10 เซนติเมตร หากตัดต่ำกว่านี้ก้านจะแข็งเกินไป และดูดน้ำได้น้อย

 

จุดแข็งและการตลาด ฟาร์มบิ๊กเต้

อย่างแรกคือ การตลาด ทางฟาร์มใช้วิธีสำรวจตลาดด้วยตัวเองว่าตลาดต้องการแบบไหน ต้องการดอกที่ขนฟูๆ มีกลีบเยอะๆ สีขาว เหลือง ชมพู คือสิ่งที่ตลาดต้องการเราก็ทำให้ได้

“การตลาดบางครั้งเราไปขายให้เขาถึงหน้าสวนเขาก็ไม่เอา คือดอกไม้จะมีหน้าหนาวจะปลูกได้เยอะ พอหน้าร้อนจะปลูกไม่ได้ มันต้องมีเทคนิค ทีนี้พอเราทำตอนแรกเราก็ทำได้แค่หน้าหนาวของก็ล้นตลาด ขายให้เขา เขาก็ไม่เอา เขากลัวว่ารับของเรามาแล้ว เจ้าที่เขารับประจำจะรู้แล้วก็ไม่ส่งให้ เราจึงต้องอาศัยความต่อเนื่อง มีของส่งให้ลูกค้าตลอด ราคาก็จะได้เท่าเดิม หน้าร้อน หรือหน้าหนาว ส่งราคาเท่ากันหมด ไม่ใช่พอหน้าร้อนดอกไม้ปลูกยากเราถือโอกาสขึ้นราคา ถ้าทำแบบนี้เราก็ขายได้แค่ครั้งเดียว ครั้งต่อๆ ไปลูกค้าก็จะไปรับจากเจ้าอื่น และต้องบอกอีกว่าจุดได้เปรียบของฟาร์มเรา คือเราทำได้ทั้งปี เราไม่ได้ปลูกทีเดียวแล้วตัดหมด เราจะทำทีละไร่สองไร่ ค่อยๆ ทยอยปลูก แล้วก็ทำหมุนเวียน ทำให้เราสามารถมีดอกไม้ขายให้ลูกค้าได้ทุกวัน ราคาของเราจะมาตรฐาน ขายเป็นกิโลกรัม ต่อ 1 กำ ขายปลีก 100 บาท ขายส่ง 70 บาท แหล่งส่งที่ตลาดไท ปากคลองตลาด สี่มุมเมือง แล้วก็ตลาดตามร้านดอกไม้ทั่วไป โดยลูกค้าหลักของเราอยู่ทางภาคอีสาน ส่วนรายได้เดือนหนึ่งตัดได้ 15 วัน คือตัดวันเว้นวัน คิดเป็นจำนวนเงินที่ได้ต่อเดือนประมาณ 337,500 บาท ทั้งนี้ ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย” คุณภูธนะ กล่าว

ตัดมาคัดแยก
ตัดมาคัดแยก
พร้อมส่ง กำละ 70-100 บาท
พร้อมส่ง กำละ 70-100 บาท

คุณภูธนะ ยังทิ้งท้ายอีกว่า สำหรับท่านที่สนใจอยากปลูกดอกเบญจมาศเพื่อตัดดอกขาย ตลาดยังไปได้อีก เพียงแต่ต้องใส่ใจ ดูแลทุกวัน ไม่ใช่ปลูกทิ้งปลูกขว้าง สองสามวันดูทีหนึ่งไม่ได้ หากสนใจอยากได้ความรู้ ติดต่อสอบถามได้ที่ สวนบิ๊กเต้ เลขที่ 172 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอหมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โทรศัพท์ 080-455-0659 ยินดีให้คำปรึกษา

5

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559