ข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ ปลูกได้ ขายดี

ข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ ข้าวโพดแปดแถวฝักเล็กเมล็ดสีเหลืองทอง รสชาติหวาน อร่อย เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เกษตรกรปลูกและมีตลาดรองรับในการซื้อขาย เป็นอีกพืชหนึ่งที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำพอที่จะนำไปเสริมสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว

ข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ เดิมมีชื่อเรียกว่า ข้าวโพดเทียนบ้านเกาะ สาเหตุการเปลี่ยนชื่อนั้นเป็นช่วงที่ นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีในสมัยนั้น ไปติดตามตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานโครงการฟื้นฟูอาชีพให้แก่เกษตรกร ภายใต้โครงการพัฒนาอาชีพเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประจำปีงบประมาณ 2555 การเสนอเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ผู้บริโภคจำได้ง่ายและจำได้นาน เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าสนใจ

ผู้เขียนจึงได้นำเรื่องราวมาบอกเล่าสู่กัน

คุณฉวี ธูปทอง เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า เมื่อปลายปีที่แล้วน้ำฝนน้ำป่ามากได้บ่าเข้าท่วมในพื้นที่ทำนา สวน ทำให้ไม่ได้รับผลผลิตไว้กินไว้ขาย แถมยังต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก เมื่อวิกฤตผ่านไป ภาครัฐได้ช่วยเหลือด้วยการฝึกอบรมวิชาชีพ จากนั้นได้กลับมาฟื้นฟูพื้นที่เดิมที่เคยปลูกมะลิ ด้วยการปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ เมื่อปลูกก็พบปัญหาเพราะยังไม่ชำนาญ คือ ปลูกระยะห่างเกินไป หยอดเมล็ดต่อหลุมมากและไม่ยอมถอนต้นให้เหลือ 1-2 ต้นต่อหลุม ทำให้ได้ข้าวโพดฝักเล็ก

คุณฉวี บอกด้วยว่า หลังจากที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเยี่ยมเยือนพร้อมให้คำแนะนำและช่วยแก้ปัญหา จากนั้นการปลูกข้าวโพดเทียนก็เริ่มดีขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน การใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก การหยอด 1-3 เมล็ดต่อหลุม เมื่องอกแล้วถอนให้เหลือ 1-2 ต้นต่อหลุม ดูแลรักษาใส่ปุ๋ยตามอัตราส่วน ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ข้าวโพดมีเมล็ดเต็มฝักสมบูรณ์ นำไปต้มได้รสชาติหวาน อร่อย เมื่อต้มสุกนำ 8-10 ฝัก มัดรวมกัน ขาย 20 บาท และส่วนหนึ่งก็จัดขายให้กับพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ

ส่วนการเก็บเมล็ดพันธุ์ จะเลือกจากต้นที่สมบูรณ์ ฝักสมบูรณ์ และเป็นฝักแก่คาต้น จากนั้นนำมากะเทาะเอาเมล็ดออก ฝัดทำความสะอาด เก็บเมล็ดแห้งไว้ในภาชนะที่แห้งสะอาดปิดฝาและเก็บไว้ในที่ร่ม เมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม จะขาย 200 บาท ก็เป็นอาชีพที่ทำให้มีรายได้ต่อเนื่องและทำให้ครอบครัวมั่นคง

คุณประคอง พลสงคราม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเทียน ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า ได้ปลูกข้าวโพดเทียนบนพื้นที่กว่า 1 งาน โดยเริ่มจากการปรับพื้นที่ ชักร่องตากแดด 1 วัน ในวันรุ่งขึ้นก่อนปลูกได้รองก้นหลุมปลูกด้วยปุ๋ยยูเรียและปุ๋ยสูตร 15-15-15 จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเทียนหยอดลงในหลุมปลูก 2-3 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกแล้วจะถอนให้เหลือ 1-2 ต้น จากนั้นดูแลรักษาใส่ปุ๋ยตามอัตราส่วน และให้น้ำสม่ำเสมอ อย่างพอเพียง เมื่อต้นข้าวโพดมีอายุได้ 54-58 วันหรือฝักข้าวโพดแก่พอเหมาะก็เก็บเกี่ยว นำมาต้มขาย และจัด เตรียมขายให้กับพ่อค้าที่เข้ามารับซื้อ เป็นอาชีพเสริมที่ทำให้มีรายได้เพิ่มและต่อเนื่อง ทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น

อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา ระบุว่า ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกข้าวโพดเทียน เพราะลักษณะดินเป็นดินร่วน หรือร่วนเหนียวปนทราย หรือดินร่วนปนทราย ดินมีความอุดมสมบูรณ์ที่มีอินทรียวัตถุ สามารถปลูกได้หลายครั้ง แต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศเหมาะสมที่จะปลูกและให้ผลผลิตสูง

การจัดแปลงปลูกควรให้มีระยะห่างระหว่างแถว 50-75 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม 20-25 เซนติเมตร หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด 1-2 เมล็ด ลงในหลุมปลูก ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร การปลูกเป็นแถวจะสะดวกในการเข้าไปปฏิบัติดูแลรักษา เมื่อเมล็ดงอกแล้วให้ถอนเหลือ 1 ต้น ต่อหลุม การปลูกวิธีนี้จะได้ต้นข้าวโพด 8,500-16,000 ต้น ต่อไร่ อายุการปลูก 54-58 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้ หากมีการปฏิบัติดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 25,000 บาท ต่อไร่ เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าสนใจ

หากมีการปฏิบัติดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการในการปลูกข้าวโพดเทียนแล้ว จะมีรายได้สูงถึง 25,000 บาท ต่อไร่ ทีเดียว

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี โทร.036-539-433 หรือ สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี โทร.036-813-488 หากสนใจเยี่ยมชมการปลูกข้าวโพดเทียนเมืองสิงห์ของ คุณฉวี ธูปทอง หรือ คุณประคอง พลสงคราม สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้ที่ หมู่ที่ 9 ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้เช่นกัน