หนูจิงโจ้ สัตว์เลี้ยงกระโดดได้ จากอียิปต์

แม้จะเลยฤดูการให้ลูกของเจ้าหนูจิงโจ้มาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนำความน่ารักมาเขียนถึงในตอนนี้ เพราะเชื่อว่า อาจมีผู้อ่านจำนวนหนึ่งที่สนใจพฤติกรรมและนิยมชมชอบเจ้าหนูจิงโจ้ไปเสาะแสวงหามาเลี้ยง ซึ่งแม้จะเลยฤดูการให้ลูกมาแล้ว ก็ยังคงหลงเหลือหนูจิงโจ้จำนวนหนึ่งให้ได้จับจองกัน

หากให้นึกภาพตามชื่อของ “หนูจิงโจ้” สัตว์เลี้ยงสวยงามชนิดนี้ คงได้ภาพที่ไม่ผิดแผกจากความเป็นจริง เพราะขนาดของรูปร่างที่กะทัดรัดเหมือนหนู แต่มีขาหลังยาวและใช้การกระโดดแทนการเดินเหมือนจิงโจ้ ทั้งที่จริง หนูจิงโจ้ ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับจิงโจ้แม้แต่น้อย

คุณปิยสิชฌ์ พัฒนะพราหมณ์

หนูจิงโจ้ ไม่ใช่สัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในทะเลทรายแถบมองโกเลีย อียิปต์ แอฟริกาใต้ จึงไม่น่าแปลกใจหากนำมาเลี้ยงในบ้านเรา แล้วเขาสามารถปรับสภาพให้อยู่ได้อย่างปกติ

ในประเทศไทย ยังไม่พบว่าสามารถขยายพันธุ์หนูจิงโจ้ได้ แต่ที่กลายเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามกระจายอย่างกว้างขวาง เพราะหนูจิงโจ้ถูกนำเข้ามาจำหน่าย โดยผู้ค้าเพียงไม่กี่ราย และคุณปิยสิชฌ์ พัฒนะพราหมณ์ หรือ คุณโอ๊ต จัดอยู่ในผู้นำเข้าในระดับแถวหน้า

คุณปิยสิชฌ์ บอกว่า ความนิยมของหนูจิงโจ้ในประเทศไทย มีมานาน 7-8 ปีแล้ว ปัจจุบันความนิยมซื้ออยู่ในระดับกลาง และเป็นกลุ่มที่สนใจหนูจิงโจ้จริงๆ ช่วงเวลาที่นำเข้าต่อปีมีเพียงครั้งเดียวในช่วงกลางปี และหากสนใจซื้อไปเลี้ยงควรมาเลือกซื้อระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม จะได้เลือกลักษณะหนูจิงโจ้ที่ถูกใจไปเลี้ยง

“หนูจิงโจ้ ออกลูกปีละครั้ง ครั้งหนึ่งไม่เกิน 3 ตัว เป็นสัตว์นำเข้าจากทะเลทรายแถบอียิปต์ ถ้าเดินจะเคลื่อนไหวได้ช้า แต่ถ้ากระโดดจะเคลื่อนไหวได้เร็ว นอนในเวลากลางวัน ออกหากินในเวลากลางคืน กินเมล็ดพืชและผักเป็นอาหาร จะขุดรูนอนอยู่ในชั้นทราย เนื่องจากเป็นสัตว์ในถิ่นทะเลทราย หนูจิงโจ้ จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพความแปรปรวนของภูมิอากาศในทะเลทราย ที่ร้อนจัดในเวลากลางวัน และหนาวเย็นในเวลากลางคืน”

กรงเลี้ยง

หนูจิงโจ้ จึงจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์แปลกและหายากอีกชนิดหนึ่ง

การนำเข้ามาจำหน่ายในแต่ละครั้ง คุณปิยสิชฌ์จะให้ประเทศต้นทางที่สั่งเป็นผู้คัดเลือก อายุของหนูจิงโจ้ที่จะส่งมาจำหน่ายในเมืองไทยเอง โดยอายุส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 6 เดือน ถึง 3 ปี หากอายุน้อยกว่า 6 เดือน โอกาสตายระหว่างการขนส่งมีสูง

คุณปิยสิชฌ์ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันผู้ที่ซื้อหนูจิงโจ้ไปเลี้ยง มักใช้ในการศึกษาพฤติกรรม ไม่ได้นำไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นเหมือนเช่น สุนัข หรือแมว เพราะหนูจิงโจ้มีขาหลังที่เล็กและยาวมาก แม้จะแข็งแรง แต่ก็เปราะบางหากตกกระทบอย่างแรง

“มีบางคนซื้อไปเล่นบ้าง แต่ไม่เหมาะ เพราะถ้าคนจับเขาจะกระโดดออก และหากกระโดดลงไปที่พื้น อาจลื่น ทำให้ขาหักได้ ซึ่งสัตว์ชนิดนี้ขาหลังมีความสำคัญมาก เพราะขาหน้าหดสั้นเข้าหาลำตัว ใช้การได้น้อย ดังนั้นถ้าขาหลังหัก การใช้ชีวิตของหนูจิงโจ้จะลำบากมาก”

กินผักแทนน้ำ

แต่หนูจิงโจ้ก็มีหางที่ยาว และมีส่วนปลายที่มีขนสีขาวและดำ ช่วยต้านลมเมื่อกระโดด ซึ่งส่วนหางใช้ในการเปลี่ยนทิศทางการกระโดด ลักษณะคล้ายหางเสือเรือ และใช้พยุงตัวเมื่ออยู่กับที่ และสามารถเปลี่ยนทิศในการเคลื่อนที่ได้กระทันหัน

อาหารสำหรับหนูจิงโจ้ อยู่ในกลุ่มเมล็ดพืช มีบ้างที่กินแมลง แต่ส่วนใหญ่จะกินเมล็ดพืชเป็นหลัก ส่วนน้ำ จะกินผักแทนน้ำ เพราะธรรมชาติในถิ่นกำเนิดของหนูจิงโจ้ไม่มีแหล่งน้ำ มีเพียงน้ำค้างที่ติดตามยอดหญ้า ดังนั้น ผู้เลี้ยงควรให้กินน้ำจากผัก อาจมีบางตัวที่เจ้าของฝึกให้กินน้ำจากกระบอกน้ำเหมือนหนูได้ แต่ไม่ควรให้น้ำเป็นถ้วย เพราะหนูจิงโจ้จะไม่รู้จัก อาจกระโดดเล่น ทำให้ป่วยได้

การอาบน้ำ ไม่จำเป็นสำหรับหนูจิงโจ้ เพราะเป็นสัตว์ในแถบทะเลทราย ซึ่งโดยปกติหนูจิงโจ้จะทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้วโดยการคลุกตัวกับทราย หากนำไปเลี้ยงควรใส่ทรายในถ้วยขนาดใหญ่ไว้ให้ เพื่อให้หนูจิงโจ้ลงไปกลิ้งทำความสะอาดตัวเอง

แม้หนูจิงโจ้จะไม่ใช่สัตว์สังคม ที่จำเป็นต้องเลี้ยงหลายตัว แต่หนูจิงโจ้เป็นสัตว์เคลื่อนที่ด้วยการกระโดด ดังนั้น พื้นที่สำหรับเลี้ยงหนูจิงโจ้ควรมีขนาดมากกว่าตัวสัตว์อย่างน้อย 10 เท่าตัว หรือยิ่งกว้างยิ่งดี

“หนูจิงโจ้เป็นสัตว์ไม่ก้าวร้าว กัดไม่เป็น อยู่ตัวเดียวหรืออยู่รวมเป็นกลุ่มก็ได้ หูยาว ตากลมโตมาก”

คุณปิยสิชฌ์ บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้สนใจเลี้ยงหนูจิงโจ้ คือ สถานที่เลี้ยงและอาหาร จึงควรจัดสถานที่เลี้ยงให้เป็นพื้นราบ ไม่มีซี่กรง เพราะหนูจิงโจ้มีขาขนาดเล็ก อาจติดซี่กรงและเกิดปัญหากับขาหลังที่ใช้งานเป็นหลัก

ผู้เลี้ยงควรเลือกที่เลี้ยง เป็น กระบะ ถัง หรือตู้ปลาขนาดใหญ่ รองด้วยทราย ขี้เลื่อย หรือซังข้าวโพด

ที่นอน

อาหารจำพวกเมล็ดพืช สามารถให้ทิ้งไว้ได้ และหมั่นตรวจดู หากพบเปลือกให้เก็บทิ้ง และเพิ่มอาหารใหม่ให้ ไม่จำเป็นต้องให้เป็นเวลา

น้ำ ให้ผ่านผัก และให้ในปริมาณน้อย เช่น ผักกาดหอม แครอท ต้องประเมินปริมาณน้ำที่ไม่มากเกินไป หากมากอาจทำให้ท้องเสียได้

ที่นอน หนูจิงโจ้สามารถสร้างที่นอนเองได้ ผู้เลี้ยงควรนำฟางสุมทิ้งไว้ หนูจิงโจ้จะจัดการกับฟาง โดยนำไปทำเป็นรังนอนคล้ายรังนก หรือใช้ท่อ พีวีซี โพรงไม้ นำมาวางแทนที่นอนของหนูจิงโจ้ได้เช่นกัน

ความมืด เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้เลี้ยงไม่ควรละเลย หนูจิงโจ้ นอนในเวลากลางวัน ดังนั้น ความสว่างในเวลากลางวันอาจรบกวน จึงควรเลี้ยงบริเวณตัวบ้าน หากเลี้ยงนอกตัวบ้าน แสงอาทิตย์อาจส่งผลกระทบต่อดวงตาที่กลมโตของหนูจิงโจ้ ทำให้เกิดอาการเครียดหรือบาดเจ็บที่ดวงตาได้ นอกจากนี้ควรระวังไม่ให้เกิดความชื้นในที่พัก เพราะหนูจิงโจ้เป็นสัตว์ในแถบทะเลทราย หากได้รับความชื้นในปริมาณมาก จะทำให้ป่วยในที่สุด

ช่วงขาที่ยาว

การส่องไฟ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเรื่องอุณหภูมิภายในที่พักของหนูจิงโจ้ ซึ่งคุณปิยสิชฌ์ แนะนำให้ติดหลอดไฟอินฟราเรด เพื่อให้ความร้อน แต่ไม่ระคายเคืองตา

การทำความสะอาด ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้เลี้ยงหนูจิงโจ้ เพราะหนูจิงโจ้ขับถ่ายเป็นเม็ดเล็กๆ ไม่มีกลิ่น ขับถ่ายไม่บ่อยและน้อย ดังนั้น การทำความสะอาดที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อเห็นมูลที่ถ่ายทิ้งไว้ สามารถเก็บทิ้งได้ทันที หรือเลือกวิธีเปลี่ยนส่วนประกอบทุกอย่างภายในสถานที่เลี้ยงพร้อมกันในคราวเดียว เดือนละครั้งก็เพียงพอแล้ว

สนนราคาสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กอย่างหนูจิงโจ้ อยู่ที่ 1,800-3,000 บาท ขึ้นกับขนาด

ส่วนการเพาะขยายพันธุ์ในไทย คุณปิยสิชฌ์เองเคยลองเพาะขยายพันธุ์หนูจิงโจ้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาบอกว่า หากตั้งใจจริง สามารถเพาะได้ แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม เพราะการออกลูกของหนูจิงโจ้ต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมจริงๆ คือ พื้นทราย โพรงหรือรู และต้องเงียบ ไม่มีสิ่งรบกวน ไม่อย่างนั้นหนูจิงโจ้จะไม่ยอมออกลูกเด็ดขาด จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ปัจจุบันการจำหน่ายหนูจิงโจ้ จะสั่งนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อนำมาจำหน่ายมากกว่า

อาหารของหนูจิงโจ้

อาจมีหลายแหล่งนำเข้า แต่แหล่งซื้อที่หาง่ายและเป็นตลาดใหญ่ คือ ตลาดนัดจตุจักร หรือ ที่ร้าน Mini Zoo Café จตุจักรพลาซ่า โซน D ซอย 7 หรือเข้าไปดูหน้าตาสัตว์เลี้ยงน่ารักทางเฟซบุ๊กได้ที่ www.facebook.com/minizoocafe ไปไม่ถูก สอบถามผ่านโทรศัพท์ได้ที่ 081-567-4299 คุณปิยสิชฌ์ ยินดีต้อนรับ