หอม-กระเทียม บ้านหินเหิบ คุณภาพเจ๋งส่งออก “อินโดฯ”

บ้านหินเหิบ ต.แหลมทอง อ.ภักดีชุมพล เป็นแหล่งปลูกหอม ปลูกกระเทียมแหล่งใหญ่ของจังหวัดชัยภูมิ รวมแล้วมีเนื้อที่ปลูกมากถึง3 พันไร่ แต่ละบ้านจะมีที่โรงเก็บหอมกระเทียมอยู่ข้างบ้านขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างตามกำลังทรัพย์

นอกจากจะปลูกหอมกระเทียมส่งขายต่างประเทศแล้ว ยังปลูกพริกเม็ดใหญ่แบบพริกชี้ฟ้าอีกด้วย ชอบใจตรงที่โรงเรียนบ้านหินเหิบซับภูทองของตำบลนี้ จะปั้นกระเทียมอันเบ้อเริ่มเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้มาเยือนได้ทราบว่าที่นี่คือแหล่งปลูกหอม กระเทียม ซึ่งเกษตรกรปลูกกันมานานกว่า10 ปีแล้ว

ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่อพยพมาจากจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน แล้วมาจับจองที่ดินทำกิน อย่างคุณเจริญชัย พรมลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 แหลมทอง ก็ยังมีที่ดินถึง 90 ไร่

ผู้ใหญ่ เจริญชัย เล่าให้ฟังว่า พื้นที่ที่บ้านหินเหิบถือว่าอุดมสมบูรณ์สามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปีเพราะมีลำน้ำจากเขาไหลผ่าน  เริ่มจากเดือนเมษายนจะลงพริกก่อน ซึ่งเป็นพริกชี้ฟ้าลูกผสม และพริกขี้หนูลูกผสมของซุปเปอร์ฮอต พันธุ์นี้ดีสามารถต้านทานโรค และเป็นที่ต้องการของตลาด ขายได้กิโลกรัม (ก.ก.) ละ 20-25 บาท หรือบางปีบางช่วงผลผลิตน้อยก็อาจจะสูงถึง 80 บาท ถ้าราคาอยู่ตัว 40 บาท ถ้าจะให้มีกำไรมากก็น่าจะได้ประมาณก.ก.ละ 50 บาท

สำหรับเทคนิคการปลูกพริกนั้น เริ่มจากการเตรียมดิน ไถดิน ตากดิน ตามด้วยการหว่านปูนขาว 10 วัน และพรวนดินอีกครั้ง เพื่อกันเชื้อรา จากนั้นไถตากแดดประมาณ 15-20 วัน แล้วมาทำเป็นร่อง จ้างแรงงานขุดหลุมเตรียมดิน เตรียมวางระบบน้ำแล้วจึงค่อยปลูก พริกจะใช้ระยะเวลาให้ผลผลิตประมาณ 3 เดือน เมื่อเก็บพริกได้จะมีพ่อค้ามารับซื้อ

ช่วงปลูกการดูแลรักษา ให้ปุ๋ยน้ำธรรมดา ปุ๋ยสูตร 16-16-8 ช่วงจะออกดอกใช้สูตร 15-15-15 ตอนจะเก็บผลผลิตใช้สูตร 13-13-21 และใช้ปุ๋ยชีวภาพบ้าง ซื้อมากระสอบละ 200-300 บาท

“ถ้าจะปลูกพริกต้องเตรียมดินให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อ โดยต้องเตรียมดินไถกลบ 15 วันเชื้อราจะไม่เกิด”

ผู้ใหญ่เจริญชัย บอกปลูกพริกในเนื้อที่ 13 ไร่ และมีหอมกระเทียมด้วย การปลูกพืชเหล่านี้แม้บางปีจะได้เงินก้อนโต แต่บางปีก็อาจจะเจอขาดทุนบ้าง เคยปลูก 17 ไร่ ลงทุนไปแสนห้า ขาดทุนไปเยอะ แต่ในพื้นที่ปลูกนับว่าใช้อย่างคุ้มค่าทีเดียว เพราะหลังจากปลูกพริกเสร็จก็จะเตรียมดินเพื่อปลูกกระเทียมต่อด้วยการปลูกหอม

เรือนปลูกไว้เก็บหอมกระเทียม

การปลูกกระเทียมนั้นต้องใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง ช่วงแรกใส่ตอน 15 วัน และใส่อีกครั้ง ตอนกระเทียมเป็นหนุ่มประมาณ 2 เดือนครึ่งใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงหัว พออายุได้ 95-100 วันก็เก็บเกี่ยวได้ โดยกระเทียมที่ปลูกเป็นพันธุ์พื้นบ้าน เมื่อหัวโตได้ที่ จะต้องจ้างแรงงานเก็บ ซึ่งจะใช้แรงงาน 20 คนไม่เกิน 1 ไร่

“ ขายได้ก.ก.ละ 18-20 บาท ได้กำไรนิดหน่อย เคยขายได้สูงสุด ขายได้ก.ก.ละ 25-27 บาท  ถือว่าราคาดีมาก ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 13 -15 บาท พูดถึงราคาที่อยู่ได้ ต้องราคาขายสดไม่ต่ำกว่า 15 บาท แห้ง 20 บาท กระเทียมนั้นเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษเพราะไม่ค่อยมีศัตรูพืช แต่อย่ามีฝนเยอะเพราะหัวจะเน่า”

กระเทียมกับหอมนั้นจะปลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยพอลงกระเทียมอาทิตย์หนึ่งก็ปลูกหอมอีกแปลงหนึ่งตาม  ใน เรื่องการเตรียมดินปลูกหอมนั้นผู้ใหญ่เจริญชัยแจกแจงว่า เหมือนกับกระเทียม พอปลูกเสร็จก็ใช้ฟางคลุม รดน้ำให้สม่ำเสมอ หอมจะใช้เวลา 75 วัน จึงเก็บเกี่ยวได้ แต่ถ้าถูกฝนจะใช้เวลานานถึง 90 วัน  หากอากาศไม่ดีก็ปลูกลำบาก ถ้าอากาศหนาวดีทำได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามถ้าหนาวและเกิดฝนตกจะเกิดเชื้อรา

แปลงปลูกพริก

ส่วนปุ๋ยจะใส่สูตร 15-15-15 ตอนอายุได้ 15 วัน พอ 25 วันใส่สูตร 13-13-21 ปีที่แล้วราคาขายส่งตกก.ก.ละ 8.50 บาท  ซึ่งถ้าราคาไม่ดีอยู่ไม่ได้ ถ้าจะให้อยู่ได้ต้องก.ก.ละ 25 บาทขึ้นไป สาเหตุที่ราคาตกเพราะผลผลิตออกพร้อมกัน

เรื่องสายพันธุ์นั้น ผู้ใหญ่เจริญชัย ระบุว่า พันธุ์หอมและกระเทียม จะคัดเลือกหัวที่มีขนาดใหญ่ ภาคอีสานหลายจังหวัดก็ปลูกหอมกระเทียมกันเยอะ แต่ผลผลิตของบ้านหินเหิบมีจุดเด่นตรงที่ว่า เป็นกระเทียมและหอมที่เก็บได้ทั้งปีไม่มีฝ่อ กระเทียมจะมีความฉุนดี เรียกว่าเป็นกระเทียมและหอมที่มีคุณภาพว่างั้นเถอะ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีพ่อค้ามารับไปส่งขายถึงประเทศอินโดนีเซีย

“หอมเราปัจจุบันส่งไปขายไกลถึงอินโดนีเซียมีพ่อค้าคนกลางดำเนินการทั้งหมด ที่เขามาซื้อที่นี่เพราะเป็นแหล่งใหญ่สุดรองจากจังหวัดศรีษะเกษ  และเกษตรกรจากประเทศลาวเขายังมาดูงานมาหาความรู้ เขาถามถึงวิธีการปลูก เราก็พาลงพื้นที่ปลูก ซึ่งพื้นที่จะทำพืชพวกนี้ จะต้องมีดินดีและน้ำดี ของเราดินอุดมสมบูรณ์ น้ำของเราก็ดีเป็นน้ำซับไหลมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์และชัยภูมิ ไหลตลอดทั้งปี ที่นี่จะใช้ระบบน้ำสปริงเกอร์ และระบบน้ำหยด”

เป็นระบบการเกษตรแบบที่ทันสมัยจริงๆ แม้ว่าจะอยู่ในชนบทก็ตาม พวกเราบางคนยังไม่อยากจะเชื่อว่าตามบ้านนอกอย่างนี้จะมีสปริงเกอร์ เห็นแล้วยังทึ่ง แสดงว่าน้ำที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ

ผู้ใหญ่เจริญชัยเล่าว่า การปลูกพืช 3 ชนิดนั้น จะได้กำไรในแต่ละปีแตกต่างกัน แล้วแต่ผลผลิตของพืชแต่ละชนิด ไม่สามารถบอกได้แน่นอน แต่ถ้าเทียบกับพืชตัวอื่น 3นี้จะได้เงินเร็วกว่าพืชอื่น ปีหนึ่งๆ ได้กำไรไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับอากาศด้วย การปลูกหอม กระเทียม และพริกของชาวบ้านที่นี่ สมัยก่อนมีปัญหาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขาดเงินลงทุน และผลผลิตออกมาเยอะ ไม่มีตลาดบ้าง พระราชภาวนาวราจารย์  เจ้าอาวาสวัดผาเกิ้ง และรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ เห็นปัญหาที่ชาวบ้านประสบพบเจอ จึงได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ และบางปีก็รับซื้อผลผลิตของญาติโยม ทำให้เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้

“ทางรองเจ้าคณะจังหวัดมาช่วยหลายปีแล้ว โดยการรับซื้อผลผลิตของเราในราคาสูงกว่าพ่อค้า เพื่อให้ชาวบ้านอยู่ได้ บางครั้งท่านซื้อไปเก็บและก็มีขายบ้าง”

สนใจศึกษาดูงานติดต่อผู้ใหญ่เจริญชัยได้ที่เบอร์ 08-5134-1109

……………………………………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ.2561