เลี้ยงกุ้งก้ามกราม งานสร้างอาชีพ ราคาไม่ตก เลี้ยงได้ทุกที่ ที่มีน้ำจืด

กุ้งก้ามกราม โดยธรรมชาติจะอยู่ในแม่น้ำลำคลอง แทบทุกจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศไทย สมัยก่อนนั้นพบกุ้งชนิดนี้ชุกชุม ทำให้จับได้ง่ายโดยเฉพาะในฤดูหนาว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทำให้กุ้งก้ามกรามที่อยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนที่น้อยลง

เมื่อความต้องการของผู้บริโภคยังไม่สิ้นสุด ในการที่จะนำกุ้งก้ามกรามมาประกอบอาหาร เพราะมีเนื้อแน่น รสชาติอร่อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายเมนู เช่น ต้มยำ กุ้งเผา หรือแม้แต่ทอด จากความต้องการที่มีมาก แต่ปริมาณกุ้งชนิดนี้กลับมีน้อยลงในธรรมชาติ ทำให้กุ้งมีราคาแพง จึงทำให้ปัจจุบันนี้มีการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามกันอย่างแพร่หลายในหลายจังหวัด เช่น นครปฐม ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี ฯลฯ

คุณธนู หอมชุนภิรมย์ (ขวา)
คุณธนู หอมชุนภิรมย์ (ขวา)

คุณธนู หอมชุนภิรมณ์ อยู่บ้านเลขที่ 15/3 หมู่ที่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเป็นอาชีพ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้แบบตัวยงกันเลยเดียว

จากผู้รับเหมาก่อสร้าง สู่ชีวิตเกษตรกร

คุณธนู เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อผ่านมาถึงปี 2540 เกิดปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จึงได้เปลี่ยนมาทำอาชีพเกี่ยวกับประมงคือ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม โดยนำเงินที่เก็บสะสมมาซื้อที่ดินบางส่วนด้วยในขณะนั้น เพราะเล็งเห็นว่าไม่มีอาชีพอย่างอื่นที่น่าทำไปกว่านี้แล้ว นอกจากด้านเกษตร

“พอหลังจากประสบปัญหาเศรษฐกิจครั้งนั้น เราก็หยุดเลยเรื่องงานรับเหมาก่อสร้าง เพราะมันทำแล้วไม่ได้อะไร จึงเปลี่ยนมาเลี้ยงกุ้งแทน เพราะเห็นว่าเพื่อนบ้านในพื้นที่นี้ เขาก็เลี้ยงกันอยู่แล้ว ก็เลยเรียนรู้จากพวกเขา บางส่วนเราก็หาอ่านเองเพื่อเป็นความรู้ ก็เลยมองว่าอาชีพนี้นี่แหละที่น่าจะเหมาะกับเราที่สุด คงจะไม่ไปทำงานอย่างอื่นแล้ว นอกจากด้านเกษตร” คุณธนู เล่าถึงความเป็นมา

เมื่อทดลองเลี้ยงในครั้งแรก ผลปรากฏว่าประสบความสำเร็จ ไม่เกิดปัญหาและอุปสรรค จึงทำให้เขาได้ตกลงปลงใจเลี้ยงมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 15 ปีแล้ว และที่สำคัญยังสอนและแนะนำความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกรคนอื่นๆ ที่สนใจอยากจะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามอีกด้วย

กุ้งก้ามกราม เลี้ยงได้ทุกที่ ที่มีน้ำจืด

คุณธนู บอกถึงขั้นตอนการเลี้ยงว่า ในช่วงที่ทำบ่อเลี้ยงใหม่ๆ มีพื้นที่เท่าไรก็จะขุดบ่อทั้งหมดโดยเปลี่ยนจากผืนนามาทำบ่อกุ้ง ซึ่งขนาดบ่อที่เหมาะสำหรับเลี้ยงกุ้งก้ามกรามไม่มีอะไรตายตัว ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่เสียมากกว่า ใครที่มีที่ดินมากก็สามารถทำบ่อให้มีขนาดใหญ่ 4-5 ไร่ ก็ยังได้

ซึ่งการปล่อยกุ้งก้ามกรามเลี้ยงในครั้งแรกนั้น คุณธนู บอกว่า ปล่อยแบบเบาบางก่อน เพื่อเป็นการทดสอบว่าภายในบ่อมีสภาพแวดล้อมอย่างไร

บ่อเลี้ยง ขนาด 10 ไร่
บ่อเลี้ยง ขนาด 10 ไร่

“บ่อที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงกุ้งแล้วแต่ว่าใครมีพื้นที่มากพื้นที่น้อย อย่างที่ฟาร์มผม ใช้บ่อขนาด 10 ไร่ ความลึกประมาณ 1.50 เมตร ถ้าเป็นบ่อใหม่ไม่มีการจัดการอะไรมาก ยังสะอาดอยู่ไม่มีโรคสะสม แต่ถ้าพื้นที่ที่มีการเลี้ยงอย่างอื่นมาก่อน ต้องเตรียมบ่อคือ โรยด้วยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อ พอเราใส่น้ำเรียบร้อย เราก็จะเอากุ้งมาใส่ ช่วงที่ใส่ช่วงแรกๆ ต้องปล่อยกุ้งลงบ่อแบบบางๆ ก่อน เพราะต้องดูสภาพแวดล้อมภายในบ่อก่อน เพราะกุ้งก้ามกรามเป็นกุ้งสายพันธุ์แม่น้ำ อาจยังไม่คุ้นชินกับพื้นที่ของเรา ถ้าปล่อยแล้วไม่มีปัญหา ก็เลี้ยงแบบเต็มที่ได้เลย” คุณธนู กล่าวถึงการเตรียมบ่อเลี้ยง

kam-3
การลากอวน

การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของคุณธนูมีวิธีการเลี้ยง 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรกจะนำลูกกุ้งก้ามกรามมาอนุบาลก่อน ให้มีอายุประมาณ 2 เดือนครึ่ง และขั้นตอนที่สอง จึงนำกุ้งที่อนุบาลมาปล่อยเลี้ยงอีกประมาณ 3 เดือน ก็จะได้ขนาดไซซ์ที่จำหน่ายได้

“ช่วงที่เราอนุบาลกุ้ง จะปล่อยบ่อละ 50,000 ตัว ให้อาหารกุ้งเล็กที่มีโปรตีน 40 เปอร์เซ็นต์ ให้กิน 2 มื้อ เช้ากับเย็น หลังอนุบาลเสร็จจะปล่อยเลี้ยงอยู่ที่บ่อละ 10,000 ตัว ให้อาหารสำเร็จพร้อมกับอาหารที่ผสมเองเป็นส่วนผสมของปลาทะเล ระยะนี้จะให้กุ้งกินอาหาร 3 มื้อ เช้า เย็น และตอนกลางคืน เพราะกุ้งชอบหากินตอนกลางคืน ก็จะเจริญเติบโตได้ดี” คุณธนู อธิบาย

kam-4
การคัดแยกกุ้ง
kam-5
กุ้งก้ามกราม
kam-6
กุ้งก้ามกราม

นอกจากภายในบ่อจะมีกุ้งก้ามกรามแล้ว คุณธนูยังได้ทดลองนำกุ้งขาวมาเลี้ยงผสมลงไปกับกุ้งก้ามกรามด้วย โดยปล่อยกุ้งขาว ประมาณ 120,000 ตัว อยู่ในคอกขนาด 3×6 เมตร ที่น้ำมีค่าความเค็มอยู่ที่ 2 ppt ประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นให้กุ้งขาวออกจากคอกเลี้ยงด้วยน้ำจืดปกติผสมกับกุ้งก้ามกรามได้เลย

การดูแลและป้องกันโรค คุณธนู บอกว่า การเลี้ยงกุ้งด้วยวิธีนี้ยังไม่พบปัญหามากนักสำหรับเขา เพราะถ้าลูกกุ้งที่นำมาเลี้ยงมีความแข็งแรงดี และมีการปรับสภาพแวดล้อมภายในบ่อเลี้ยงให้เหมาะสมจะยิ่งทำให้กุ้งโตดี ส่วนการใช้เครื่องตีน้ำหากเลี้ยงแบบจำนวนไม่หนาแน่น ไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ถ้าปล่อยกุ้งจำนวนมากจะเปิดใช้งานเครื่องตีน้ำ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น

ตลาดยังต้องการ กุ้งก้ามกราม

การจับกุ้งที่เลี้ยงภายในบ่อเพื่อส่งจำหน่ายนั้น จะเริ่มลากอวนครั้งแรกเมื่อกุ้งก้ามกรามและกุ้งขาวมีอายุประมาณ 5-6 เดือน ถัดจากนั้นจะลากต่อไปเรื่อยๆ ทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง จนกว่ากุ้งที่เลี้ยงจะหมดบ่อ

“ตลาดกุ้ง ยังถือว่าไปได้ดี ตั้งแต่เลี้ยงมา 15 ปีกว่าก็ยังไม่เห็นว่าราคาตัน เพราะเดี๋ยวนี้มีทั้งส่งออก ก็จะยิ่งทำให้ราคาดี กุ้งก้ามกรามจำหน่ายอยู่ที่หน้าบ่อ ขนาดไซซ์ 15 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคาประมาณ 300-350 บาท บางช่วงราคาขึ้นลงได้ตามกลไกตลาด ส่วนกุ้งขาวราคาจะถูกกว่ากุ้งก้ามกราม อยู่ที่ 100 กว่าบาท” คุณธนู บอก

kam-8

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงกุ้งน้ำจืดชนิดนี้เพื่อเป็นอาชีพ คุณธนู แนะนำว่า “อย่างแรกเลยเรื่องสถานที่ ว่าพื้นที่เรามีแหล่งน้ำพอไหม เพราะว่าแหล่งน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พื้นที่บ่อเราต้องใกล้แหล่งน้ำ และที่สำคัญพื้นที่บ่อไม่ควรอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เพราะว่ามันจะมีของเสียปนมากับน้ำ เพราะต้องเลี้ยงในน้ำที่สะอาด ส่วนเรื่องตลาด ถ้าเลี้ยงได้ยังไงก็จำหน่ายได้แน่นอน อย่าท้อ อย่าถอย ต้องมีความอดทน ในเมื่อมีคำว่า ขาดทุน คำว่า กำไร ก็ต้องมีเหมือนกัน”

จะเห็นได้ว่าการประกอบสัมมาอาชีพ หากศึกษาเรียนรู้ข้อมูลอย่างจริงจัง ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินความพยายาม เหมือนเช่น คุณธนู ที่สู้ชีวิตแม้จะล้มเหลวจากงานรับเหมา จึงหันมาสู้ชีวิตด้วยการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่สร้างรายได้ให้กับเขาทุกครั้งที่จับจำหน่าย ซึ่งความสำเร็จก็ได้จากประสบการณ์ของเขาเอง จนทำให้เวลานี้ เขาคือคนที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามประสบผลสำเร็จเรียกว่าตัวยงด้านนี้ก็ได้

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณธนู หอมชุนภิรมย์ ที่หมายเลขโทรศัพท์ (095) 150-9019