ชิมเงาะพันธุ์โรงเรียนรสอร่อย ที่บ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี

“เงาะพันธุ์โรงเรียน” ถือเป็น “สินค้าเด่น-ดัง ” ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เงาะพันธุ์โรงเรียนได้ถือกำเนิดที่อำเภอบ้านนาสาร ตั้งแต่เมื่อ 88 ปีที่แล้ว โดยนายเค หว่อง ชาวจีนสัญชาติมาเลเซีย ได้นำเมล็ดพันธุ์เงาะจากปีนัง มาปลูก ต่อมาที่ดินดังกล่าวได้ถูกกระทรวงธรรมการในขณะนั้น (กระทรวงศึกษาธิการ) ซื้อไว้และนำมาปรับปรุงเป็นโรงเรียนนาสาร ทำให้ต้นเงาะที่ นายเค วอง ปลูกไว้ได้ชื่อว่า “เงาะพันธุ์โรงเรียน” ตามไปด้วย

กล่าวได้ว่า เงาะพันธุ์โรงเรียน เป็นเงาะพันธุ์ดีที่สุดในประเทศไทย และเป็นเงาะพันธุ์ดีที่สุดในโลก  ลักษณะผลเมื่อแก่จัด เปลือกเป็นสีแดงสวย แต่ที่ปลายขนยังมีสีเขียว ผลสุกมีรสชาติหวาน หอม เนื้อกรอบล่อนจากเมล็ดและเปลือกบาง ปัจจุบันเกษตรกรทั่วประเทศนิยมปลูกเงาะพันธุ์โรงเรียนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

เงาะพันธุ์โรงเรียนที่เตรียมจำหน่ายให้แม่ค้าในท้องถิ่น

โดยทั่วไปเงาะพันธุ์โรงเรียนจะมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดประมาณช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานีมักจัดงานเทศกาลเงาะโรงเรียนนาสารเป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูเงาะ บริเวณริมคลองฉวาง ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร 

ถึงแม้ผู้เขียนเดินทางมาถึงสุราษฎร์ธานีไม่ตรงกับจังหวะการจัดงานเทศกาลเงาะโรงเรียน แต่มีโอกาสเยี่ยมชมสวนเงาะพันธุ์โรงเรียนที่บ้านนาสารเป็นครั้งแรก การเดินทางจากจังหวัด สุราษฎร์ธานีลงไปทางทิศใต้ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4009 (นาสาร – สุราษฎร์) มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายปลายทาง  

คุณสมาน แซ่ชั้น และภรรยา เจ้าของสวนเงาะพันธุ์โรงเรียน ให้การต้อนรับผู้เขียน และ คุณทวีป อรรถพรพงษ์ เกษตรอำเภอบ้านนาสาร พร้อมทีมงานอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 6 ตำบลเพิ่มพูนทรัพย์ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี  

 คุณสมาน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เตี่ยนั่งเรือมาจากเมืองจีน เริ่มต้นบุกเบิกทำสวนยางที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เมื่อ 60-70 ปีก่อน เมื่อคุณสมานเติบใหญ่ก็ยึดอาชีพทำสวน ปลูกยางพารา และเงาะมาตลอด สำหรับสวนแห่งนี้มีเนื้อที่ 14 ไร่ ปลูกเงาะโรงเรียนอายุ 11 ปี ปลูกแซมด้วยต้นลองกองอยู่ในแปลงเดียวกัน   

ภรรยาคุณสมานโชว์ฝีมือการมัดเข้าช่อเงาะอย่างสวยงาม

 คุณสมาน หาซื้อกิ่งพันธุ์เงาะโรงเรียนจากตลาดในท้องถิ่น ในราคาต้นละ 13 บาท ขุดหลุมลึก 50 เซนติเมตร และใช้ปุ๋ยร็อกฟอสเฟต สูตร 0-3-0 ต้นละครึ่งกิโลกรัม ผสมกับปุ๋ยหมัก ใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก ในระยะ 8×10 เมตร เนื่องจากปลูกในระยะประชิด เมื่อต้นเงาะอายุ 10 ปี จึงต้องตัดสางออกบางส่วน เพื่อให้ต้นเงาะที่เหลือเจริญเติบโตได้ในอนาคต เมื่อขยายพื้นที่ปลูกเงาะในระยะหลัง คุณสมานหันมาปลูกต้นเงาะในระยะ 10×10 เมตร แทน เพื่อให้สะดวกต่อการดูแลและการจัดการผลผลิตในอนาคต

 ระยะก่อนให้ผลผลิต ควรใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 ในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะ ต่อต้น ทุกๆ 2 เดือน เมื่อต้นใหญ่ขึ้นก็เพิ่มสัดส่วนปุ๋ยมากขึ้นตามอายุต้น ที่นี่ให้น้ำต้นเงาะในระบบสปิงเกลอร์ ระยะเริ่มปลูก จะให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจนกว่าเงาะจะตั้งตัวได้ โดยเปิดให้น้ำ วันละ 30 นาที

คุณสมาน แซ่ชั้น

โดยทั่วไป ต้นเงาะในระยะให้ผลผลิตแล้ว เมื่อใกล้ออกดอก ควรให้น้ำในปริมาณที่น้อยมาก เพื่อป้องกันการแตกใบอ่อน ถ้ามีใบอ่อนแซมช่อดอกมาก ควรงดให้น้ำสักระยะ จนกว่าใบอ่อนที่แซมมาจะร่วงหมด จึงเริ่มให้น้ำใหม่ เพื่อให้ตาดอกเจริญต่อไป ต้องให้น้ำ 1 ใน 3 ของการให้น้ำปกติ และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ ดอกเริ่มบานและติดผล ช่วงการเจริญเติบโตของผล ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอผลจะเล็ก ลีบ และมีเปลือกหนา ช่วงใกล้เก็บเกี่ยว ถ้าฝนทิ้งช่วง ต้องดูแลให้น้ำสม่ำเสมอ เพราะถ้าเงาะขาดน้ำ แล้วเกิดมีฝนตกลงมา จะทำให้ผลแตกเสียหาย

นอกจากนี้ ต้องคอยตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่ม โดยตัดแต่งกิ่งก่อนการใส่ปุ๋ย ตัดกิ่งต่ำที่ระดิน กิ่งเป็นโรค กิ่งแห้งตาย กิ่งใบทรงพุ่มที่ไม่ได้รับแสงแดด หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ให้ตัดแต่งกิ่งโดยเร็ว ตัดก้านผลที่เหลือค้างออกให้หมด โดยตัดลึกเข้าไปอีกประมาณ 1 คืบ เพื่อให้มีการแตกยอดใหม่ที่ดี  

สวนเงาะพันธุ์โรงเรียนในพื้นที่แห่งนี้ มีปัญหาศัตรูพืชประจำถิ่นบ้าง เช่น หนอนกินดอกเงาะ หนอนเจาะขั้วเงาะ แต่มีปริมาณน้อย จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการดูแลจัดการของเกษตรกร ส่วนโรคพืชที่พบ ได้แก่ โรคราแป้ง เข้าทำลายได้ทั้งช่อดอกและผล มักพบการแพร่ระบาดของเชื้อเกิดขึ้นในสภาพอากาศที่เย็นมีความชื้นเพียงพอ เกษตรกรมักจะป้องกันกำจัดได้โดยการฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อราในระยะแทงช่อดอก ประมาณ 3-4 ครั้ง โดยใช้สารชนิดดูดซึม เช่น ไตรอะไดมีฟอน หรือกำมะถันผง แต่การฉีดพ่นด้วยกำมะถันผงอัตราที่สูงในสภาพที่มีอากาศร้อน อาจทำให้ผิวผลไหม้ได้และผลสุกจะมีสีไม่สม่ำเสมอ

ต้นเงาะพันธุ์โรงเรียนเริ่มให้ผลผลิตได้ตั้งแต่ปีที่ 4 เงาะที่มีผลแก่พร้อมเก็บเกี่ยวได้ใช้เวลาประมาณ 130-160 วัน หลังจากดอกบานหมด เงาะโรงเรียนอายุประมาณ 10 ปี ให้ผลผลิตประมาณ 2,000 กิโลกรัม/ไร่ เปลือกผลเมื่ออ่อนมีสีเหลืองอมชมพูและเมื่อแก่จัดจะเป็นสีแดงเข้ม ที่โคนขนเป็นสีแดงเข้มแต่ที่ปลายขนยังเป็นสีเขียวอ่อน คุณสมานจะเก็บเกี่ยวเงาะโดยใช้กรรไกรตัดกิ่งเงาะที่ต้องการ และรวบรวมผลผลิตใส่ตะกร้าพลาสติกเพื่อรอขายให้แก่แม่ค้าในท้องถิ่นต่อไป

คุณสมาน บอกว่า หากดูแลต้นเงาะพันธุ์โรงเรียนอย่างดี จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึงปีที่  25 ดูแลไม่ดี ผลผลิตน้อย ก็ต้องรื้อแปลงปลูกใหม่ สำหรับปีที่ผ่านมา เก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายได้ประมาณ 30,000 กิโลกรัม สำหรับปีนี้เจอภาวะอากาศปรวนแปร มีฝนตกเยอะ ทำให้มีผลผลิตออกน้อยกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียง 20,000 กิโลกรัม

แต่ละปี คุณสมานจะว่าจ้างแรงงานชาวอีสานที่เดินทางมารับจ้างเก็บผลผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยจ่ายค่าจ้างตามน้ำหนักของผลผลิตที่เก็บได้ ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว สวนแห่งนี้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 15 วัน จึงเก็บเงาะได้หมดทั้งสวน

สวนแห่งนี้นอกจากปลูกเงาะพันธุ์โรงเรียนเป็นหลักแล้ว ยังปลูกเงาะพันธุ์สีทองแซมในสวนจำนวนหนึ่งด้วย ปีที่ผ่านมา คุณสมานสามารถขายเงาะพันธุ์สีทองได้ในราคากิโลกรัมละ 30 บาท แต่ปีนี้ฤดูเงาะนาสารมีผลผลิตออกชนกับเงาะจันทบุรีทำให้ขายสินค้าได้ในราคาที่ลดลง เหลือแค่กิโลกรัมละ 24 บาท เท่านั้น

แม้ว่าคุณสมานจะมีเนื้อที่ปลูกเงาะแค่ 14 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว เพราะปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายเงาะมากกว่า  500,000 บาท ต่อปี ทำให้เงาะพันธุ์โรงเรียน กลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่เกษตรกรในท้องถิ่นแห่งนี้นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย 

สาเหตุที่เกษตรกรหันมาสนใจปลูกเงาะพันธุ์สีทองกันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเงาะพันธุ์สีทอง เป็นเงาะพันธุ์เบา ให้ผลผลิตเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ลำต้นมีการเจริญเติบโตดีที่สุด ปลูกดูแลง่าย เงาะพันธุ์สีทอง แตกพุ่มดีมาก ลำต้นเกลี้ยง ใบค่อนข้างยาวและใหญ่ ผลขนาดใหญ่มาก ขนยาว แข็ง สีสวยโดยสีของขนและเปลือกเมื่อสุกเป็นสีแดงเข้ม ปลายขนมีสีเขียวตองอ่อน เปลือกแตกยาก เพราะเยื่อเหนียวมาก

 เงาะพันธุ์สีทอง เนื้อมีสีขาวค่อนข้างใส ล่อนจากเมล็ดง่าย เก็บจากต้นใหม่จะมีรสหวานอมเปรี้ยว แต่ทิ้งไว้ 1-2 วัน จะมีรสหวานขึ้นและมีกลิ่นหอม ที่สำคัญเงาะพันธุ์สีทอง เป็นสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดส่งออก เนื่องจากมีรสหวานอมเปรี้ยว ตรงกับรสนิยมของผู้ซื้อในตลาดยุโรป ที่ต้องการทานเงาะผลสด ขณะเดียวกัน เงาะพันธุ์สีทอง กำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้ผลิตอาหารกระป๋องแปรรูปอีกด้วย