ไก่งวง สร้างเงิน ของ เบญจพรศิริฟาร์ม ที่หนองบัวลำภู

ในวันนี้สำหรับไก่งวงแล้ว ถือได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่กำลังได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากปัจจุบันได้มีฟาร์มเพาะเลี้ยงไก่งวงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหลายจังหวัด และเกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนไก่งวงกันมาอย่างต่อเนื่อง

เบญจพรศิริฟาร์ม ที่มี คุณเบญจพร เบญจพรศิริ เป็นเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 119 หมู่ที่ 5 ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู โทร. 080-460-8969, 086-857-2747 เป็นหนึ่งในฟาร์มผู้เพาะเลี้ยงไก่งวงรายใหญ่ โดยปัจจุบันมีไก่งวงที่เพาะเลี้ยงในฟาร์มมากว่า 1,000 ตัว

ด้วยความทุ่มเทของผู้เป็นเจ้าของและครอบครัว ในการพัฒนาการเลี้ยงการจัดการฟาร์ม พัฒนาด้านสายพันธุ์ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ได้ทำให้ฟาร์มแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากกรมปศุสัตว์ให้เข้ารับรางวัลชนะเลิศระดับเขต และเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของเกษตรกร

สำหรับการเลี้ยงไก่งวงนั้น เบญจพรศิริฟาร์ม ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เริ่มต้นการทำฟาร์มในปี 2524 ซึ่งขณะนั้นได้ทำฟาร์มในลักษณะของเกษตรผสมผสาน กอปรไปด้วยกิจกรรมการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์อย่างหลากหลายชนิด

“ในช่วงแรกนั้นสัตว์ที่สร้างรายได้ให้มากที่สุดคือ การเลี้ยงหมู ซึ่งเราเลี้ยงจำหน่ายทั้งพ่อแม่พันธุ์และหมูขุน ขณะเดียวกันก็เลี้ยงสัตว์อื่นๆ เสริมไปด้วย เช่น ไก่พื้นเมือง ไก่งวง หมูป่า ไก่ต๊อก เป็นต้น แต่ต่อมาเราประสบปัญหาภาวะตลาด รวมถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้การเลี้ยงหมูไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงตัดสินใจที่จะเลิกเลี้ยง” คุณเบญจพร กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งอดีต

แม้จะต้องประสบปัญหามากมายในการประกอบอาชีพ แต่ด้วยใจที่สู้อย่างไม่ท้อ จึงทำให้คุณเบญจพรกลับมาเริ่มต้นคิดและมองหาสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนในการสร้างรายได้

“สำหรับ ไก่งวง นั้น เมื่อกว่า 30 ปีก่อน เราเริ่มต้นเลี้ยงไก่งวงแค่ 5 ตัว เป็นตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 3 ตัว จุดประสงค์เพียงเพื่อเป็นสัตว์สวยงาม เลี้ยงแบบปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ คู่ไก่สัตว์ปีกอื่นๆ อย่าง ไก่ต๊อก ไก่ป่า ไก่พื้นเมือง เป็ด ไก่งวงที่เลี้ยงไว้ก็ขยายพันธุ์ออกลูกหลานมาอย่างต่อเนื่อง”

แต่สิ่งที่คุณเบญจพรบอกว่าเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายคือ ไก่งวง กลายเป็นสัตว์ปีกที่มีการเจริญเติบโตที่ดีมาก

“เลี้ยงแบบเดียวกัน อาหารเหมือนกัน แต่ไก่งวงกลับเจริญเติบโตกว่า ให้เนื้อมากกว่า” คุณเบญจพร กล่าวถึงสิ่งที่พบจากไก่งวงที่เลี้ยงไว้

ด้วยข้อเด่นของไก่งวงที่พบ จึงทำให้คุณเบญจพรเกิดความสนใจที่จะเพาะเลี้ยงไก่งวงอย่างจริงจัง เธอจึงเริ่มต้นศึกษาข้อมูลของไก่งวงตั้งแต่การเลี้ยงไปจนถึงการตลาด

และนั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ในวันนี้ เบญจพรศิริฟาร์ม ได้กลายเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่งวงรายใหญ่ของจังหวัดหนองบัวลำภู

จุดสำคัญที่ทำให้ เบญจพรศิริฟาร์ม สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้น นอกเหนือจากเป็นคนหัวไวใจสู้ของผู้เป็นเจ้าของแล้ว การทุ่มเทศึกษาเรียนรู้อย่างเข้าถึงแก่นของการเลี้ยงไก่งวง นับตั้งแต่วิถีชีวิต สภาพความเป็นอยู่ การจัดการต่างๆ แล้ว รวมถึงความต้องการของตลาด สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นปัจจัยที่เสริมส่งทำให้สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้

“สิ่งที่เราเน้นมากที่สุดในการเลี้ยงไก่งวงคือ การทำให้ไก่งวงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด หรือจะบอกว่าเป็นการปล่อยให้ธรรมชาติดูแลกันเองก็ได้ ข้อสรุปที่ได้นี้เกิดขึ้นจากการที่เราศึกษาเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในฟาร์มจนได้ข้อสรุปดังกล่าว”

วันนี้การเลี้ยงไก่งวงในฟาร์มแห่งนี้ จึงเน้นการปล่อยให้หากินตามธรรมชาติเป็นสำคัญ ไก่งวงถูกปล่อยอย่างมีอิสระในอาณาเขตที่กำหนด สามารถดำรงชีวิตอยู่แบบที่ไก่งวงต้องการและชอบ สิ่งที่ตามมาคือ ได้ไก่งวงที่มีคุณภาพ อัตราการเจริญเติบโตดี น้ำหนักตัวมาก ไม่เครียด ไขมันน้อย สุขภาพแข็งแรงไม่เป็นโรคง่าย

“ตั้งแต่ออกมาเป็นไข่ จนกระทั่งเติบโตพร้อมจำหน่าย ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ อย่างการฟักไข่เราก็เน้นให้แม่ไก่งวงจัดการเอง ออกไข่เอง ฟักเอง และเลี้ยงดูเองตามธรรมชาติ

มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดได้เอง พอโตแล้วก็สามารถอยู่ได้อย่างธรรมชาติเช่นกัน ตรงนี้เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของการเลี้ยงไก่งวงในฟาร์มเรา”

สำหรับสายพันธุ์ไก่งวงที่เลี้ยงในฟาร์มแห่งนี้ประกอบด้วย 9 สายพันธุ์  ได้แก่

  1. พันธุ์อเมริกันบรอนซ์ (American Beonze)
  2. พันธุ์เบลท์สวิลล์ สมอลไวท์ (Beltsville Smal White)
  3. พันธุ์บอร์บอนเรด (Bourbon Red)
  4. พันธุ์รอยัลปาล์ม (Royal Palm)
  5. พันธุ์นาร์ราแกนเซทท์ (Narragansett)
  6. พันธุ์บรอดเบรสท์ บรอนด์ (Broad-breasted Bronze)
  7. พันธุ์คาลิโก้ (Calio)
  8. พันธุ์แบล็ควิงบอร์น (Black-winged Bronze)
  9. พันธุ์เพ็นซิลปาล์ม (Pencilled Plam)

นอกจาก 9 สายพันธุ์ ดังกล่าวแล้ว ด้วยที่มีการเลี้ยงมากว่า 30 ปี จึงทำให้ไก่งวงในฟาร์มเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ และทางฟาร์มได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นออกมา และดำเนินการคัดเลือกสายพันธุ์ จนได้ไก่วงสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากในฟาร์มของเบญจพรศิริฟาร์มเองอีกด้วย

สำหรับสายพันธุ์ไก่งวงนั้น ทางเจ้าของฟาร์มบอกว่า แต่ละสายพันธุ์จะมีข้อเด่นที่แตกต่างกันไป เช่น พันธุ์อเมริกันบรอนช์ จัดเป็นไก่งวงพันธุ์หนัก สามารถหาอาหารกินเองได้ตามธรรมชาติ เช่น เศษอาหาร หญ้าสด ปริมาณการไข่ ให้ผลผลิตไข่ประมาณ 70 ฟอง ต่อตัว ต่อปี น้ำหนักมาตรฐานไก่งวงตัวผู้ 15 กิโลกรัม ตัวเมีย 9 กิโลกรัม ตัวผู้หนุ่ม 11 กิโลกรัม ตัวเมียสาว 7 กิโลกรัม

ขณะที่สายพันธุ์เบลท์สวิลล์ สมอลไวท์ มีการเจริญเติบโตในระยะเล็กจนกระทั่งถึงโตเต็มวัยเร็วมาก หน้าอกกว้าง รสชาติของเนื้อดีเป็นที่ยอมรับ สามารถหาอาหารกินเองได้ตามธรรมชาติ ปริมาณการไข่ ให้ผลผลิตไข่ประมาณ 80 ฟอง ต่อตัว ต่อปี น้ำหนักมาตรฐาน ไก่งวงตัวผู้ 7.7 กิโลกรัม ตัวเมีย 5 กิโลกรัม ตัวผู้หนุ่ม 6.7 กิโลกรัม ตัวเมียสาว 4 กิโลกรัม

ซึ่งการที่จะเลือกสายพันธุ์ไหนไปเลี้ยงเพื่อให้เหมาะสมกับตนเองนั้น ทางเจ้าของฟาร์มบอกว่า พร้อมให้ข้อมูลข้อแนะนำแก่ผู้สนใจอย่างเต็มที่

ในส่วนของการตลาดนั้น ปัจจุบัน ทางฟาร์มได้วางเป้าหมายการตลาด ทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยนไก่งวงในทุกขนาด

ทุกสายพันธุ์ตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ทางฟาร์มบอกว่า ไก่งวงได้รับความสนใจจากเกษตรกรมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการขยายการเลี้ยงกันออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการขยายตลาดรองรับให้เพิ่มมากขึ้น ทางเบญจพรศิริฟาร์ม จึงวางเป้าหมายการตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภค ด้วยจัดพื้นที่ของฟาร์มจัดทำเป็นสวนอาหาร ที่เน้นนำเสนอเมนูอาหารที่เน้นการปรุงมาจากไก่งวงเป็นหลัก

การเปิดร้านจำหน่ายอาหารจากเนื้อไก่งวง  ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นทั้งการเปิดตลาดผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับไก่งวงที่เลี้ยงในฟาร์มด้วย

โดยเมนูอาหารที่น่าสนใจของเบญจพรศิริฟาร์มประกอบด้วย ลาบไก่งวง ลาบไก่งวงกรอบ ต้มแซบไก่งวง เมี่ยงไก่งวง ไก่งวงทอดกระเทียม บาร์บีคิวไก่งวงกระทะร้อน เป็นต้น

ดังนั้น หากสนใจทั้งจะเพาะเลี้ยงไก่งวงและชิมเมนูอาหารเด็ดๆ จากไก่งวง ของเบญจพรศิริฟาร์ม คุณเบญจพร ผู้เป็นเจ้าของบอกว่า ยินดีต้อนรับและให้บริการอย่างเต็มที่ตลอดเวลา โดยสามารถติดต่อได้ตามที่อยู่ข้างต้น