ปลูกมันสำปะหลังให้มีกำไร “ปรียานันท์ นามดวง” แนะมือใหม่ ต้องประณีต

“มันสำปะหลัง” พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยอีกชนิดหนึ่ง ปัจจุบันเกษตรกรทั่วประเทศให้ความสนใจขยายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในแต่ละปีเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าบางช่วงบางตอนราคารับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรจะตกลงบ้าง แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

มันสำปะหลัง เป็นพืชไร่ที่ปลูกง่าย ต้องการน้ำน้อย สามารถทนความแห้งแล้งได้ดี หากไม่มีศัตรูของมันสำปะหลังมารบกวนจนได้รับความเสียหายจริงๆ แล้ว เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแทบจะตัด คำว่า “ขาดทุน” ไปได้เลย และยิ่งอนาคตข้างหน้ามันสำปะหลังจะเป็นพืชพลังงานที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งด้วย การขยายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังก็จะมีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

คุณปรียานันท์ นามดวง หรือ เจ๊หล่อ เกษตรกรหญิงคนเก่งแห่งทุ่งกบินทร์บุรี อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลกบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า กบินทร์บุรีอยู่ใกล้กัมพูชา ในประเทศกัมพูชาเขาทำมันสับด้วยแรงงานคน ทำให้มันสำปะหลังของเขาสะอาดมาก เมื่อพ่อค้าซื้อไว้แล้วนำไปขายต่อก็ขายได้ราคา เพราะมันของเขาสะอาด ไม่เหมือนกับมันสำปะหลังของไทยบางราย เกษตรกรขายมันให้กับโรงโม่เจ้าของโรงโม่บางคนสกปรกไปซื้อทรายมาปน ก็เลยทำให้มันมีสิ่งเจือปนมาก ขณะเดียวกันพ่อค้าก็กล่าวหาเกษตรกรว่า เกษตรกรทำมันสกปรก ที่จริงแล้วเกษตรกรส่งมันไปถึงลานมัน ขี้ดินขี้ทรายต่างๆ มันหลุดไปหมดแล้ว

แต่พอมันไปถึงลานมันเขาทำให้ยางจากหัวมันออกมาแล้วก็ใส่ทรายลงไป ทรายก็จะติดกับยางที่หัวมันจะตากอย่างไร ทรายก็ไม่หลุด วิธีการนี้เขาทำเพื่อเพิ่มน้ำหนักของมันสำปะหลัง แล้วก็มาโทษเกษตรกรว่าทำมันสกปรก ในความเป็นจริงแล้วเกษตรกรไม่มีสิทธิ์ไปทำให้ยางมันออกมาติดทรายเลย เพราะเกษตรกรขายมันสดเป็นหัว

เจ๊หล่อ กล่าวอีกว่า ที่กบินทร์บุรีคล้ายกับตั้งรอบการรับซื้อมันสำปะหลังเอาไว้ พอได้เวลามันก็ไหลเข้ามา พอเต็มรอบเขาก็ปิดโรงงาน ปิดการรับซื้อ แล้วที่นี้เกษตรกรขุดมันขึ้นมาทีหลัง จะขายหัวมันสดให้กับใคร มีอยู่ช่วงหนึ่ง ราวต้นปี 55 ราคามันตกลงถึง 1.40 บาท เกษตรกรพื้นที่อื่นๆ มีลานรับซื้อมันโดยรัฐบาลสนับสนุน แต่กบินทร์บุรีไม่มีลานอยากจะรับซื้อเลย พอไปขอร้องให้พ่อค้าเขาช่วย เขาก็ช่วยแค่ 3 วัน ก็ต้องปิดรับซื้อ เพราะได้มันเต็มแล้ว เกษตรกรไม่รู้จะขายใคร ในที่สุดก็ต้องขายให้กับพ่อค้าที่รับซื้อในราคาต่ำ

เจ๊หล่อ กล่าวถึงการปลูกมันสำปะหลังว่า มันสำปะหลังเป็นพืชที่ปลูกไม่ยาก สามารถทำจำนวนมากๆ ได้ เพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่มาก แต่ปัญหาของมันสำปะหลังมาติดอยู่ที่ราคาซื้อขายที่ไม่คงที่ การปลูกมันสำปะหลังจะให้ได้ผลผลิตที่ดี ต้นทุนต่อไร่ ประมาณ 5,000 บาท ก็มีค่าไถดิน ประมาณ 3 ครั้ง อยู่ที่ราคา 900 บาท ปุ๋ย 1 กระสอบ 1 ไร่ ใช้ 50 ก.ก. ราคาประมาณ 700-800 บาท ค่าแรงงานปลูกประมาณ 280-300 บาท ค่าท่อนพันธุ์เฉลี่ยแล้วไร่หนึ่ง ประมาณ 1,000 ต้น ราคาซื้อได้ตั้งแต่ 1 บาท ถึง 2 บาท แล้วแต่ชนิดของพันธุ์ ต้นพันธุ์ 1,000 ต้น นำมาตัดแล้วจะได้ท่อนพันธุ์ปลูก ประมาณ 2,000 – 3,000 ท่อน แล้วแต่ความถี่ห่าง แต่ควรจะทำร่องใหญ่ เพราะแรงงานปัจจุบันหายาก ถ้าทำร่องถี่คนงานจะเกี่ยงไม่ค่อยอยากฉีดยาให้ ไม่อยากทำอะไรให้ เพราะเข้าไปลำบาก แรงงานเดี๋ยวนี้เขาเลือกเอาทำง่ายๆ เข้าว่า

ค่าฉีดยาตอนนี้ ไร่ละ 120 บาท ครั้งแรกที่เริ่มฉีดยาฆ่าหญ้าเมื่อมันอายุประมาณ 1 ½  – 2 เดือน ยาที่ฉีดต้องเป็นแบบน้ำดำอย่างเดียว คือเป็นยาเผาไหม้ไม่ควรฉีดแบบดูดซึม หลังจาก 5 ½ เดือนขึ้นไป ถึงจะฉีดแบบดูดซึมได้ หากฉีดก่อนหญ้าตายดี แต่ยาจะไปบีบหัวมันทำให้หัวมันไม่โต เรียวเล็กเหมือนลำเทียน จำนวนยาก็ไม่แน่นอนแล้วแต่ว่าเมื่อฉีดยาไปแล้วหญ้าจะตายดีหรือไม่ จะต้องหาคนที่เขาฉีดยาเป็นด้วย

ก่อนปลูกก็ต้องหว่านปุ๋ยก่อน แล้วจึงยกร่องปลูก เพราะดินจะช่วยกลบเม็ดปุ๋ยไว้ จะทำให้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้ผลเกือบ 100% จะใส่ปุ๋ยตอนไหนๆ ก็สู้ใส่ตอนยกร่องไม่ได้ ตรงนี้เป็นข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับคนที่ไม่เคยปลูกมันมาก่อน หากพื้นที่ที่จะปลูกไม่มีแหล่งน้ำ ก็ต้องรอน้ำฝนอย่างเดียว เกษตรกรต้องเตรียมดินให้เสร็จภายในเดือนเมษายน ให้ไถดะ 1 ครั้ง ไถแปร 1 ครั้ง

เมื่อฝนตก ก็หว่านปุ๋ยแล้วยกร่องได้เลย จากนั้นก็เตรียมท่อนพันธุ์ปลูก ด้วยการตัดแล้วแช่น้ำยาป้องกันเพลี้ย คนปลูกมักจะไม่สนใจแช่ท่อนพันธุ์ ดังนั้น เราจะต้องหาคนงานมาแช่ท่อนพันธุ์ด้วย ส่วนใหญ่มักทำกันเอง ใช้แรงงานในบ้าน ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

การเสียบท่อนพันธุ์ปลูก ก็ควรดูตาของมันด้วยว่าถี่หรือห่าง ถ้าตาอยู่ห่างกันก็เสียบตาลงดินประมาณ 4 ตา ถ้าตาถี่ก็เสียบตาละต้น ประมาณ 6 ตา ของท่อนพันธุ์ ระยะห่างต่อต้น อยู่ที่ 50 – 60 ซม. ความห่างระหว่างร่องประมาณ 85 ซม. สำหรับการใส่ปุ๋ยหลังปลูกมันไปแล้วจะต้องดูว่าต้นมันงามมากน้อยแค่ไหน ถ้ามันมีอายุ 5 – 6  เดือน ต้นไม่งาม ก็ควรเพิ่มปุ๋ยให้บ้าง ไม่ต้องมากประเดี๋ยวต้นจะมีแต่ใบไม่มีหัว อย่างที่เขาเรียกว่า “บ้าใบ”

สำหรับปัญหาเพลี้ยไฟไรแดง เพลี้ยแป้งสีชมพูนั้นจะมีก็ช่วงปีใหม่ ตรุษจีนช่วงอากาศหนาวแล้วร้อนลงช่วงนี้แหละ ถ้ามันต้นสมบูรณ์แข็งแรง เพลี้ยมาก็ยังพอยันกันได้ พอฝนมาพวกนี้ก็ไปหมดแล้ว แต่หากระบาดมากก็ใช้ยากำจัดเสียบ้าง เทคนิคง่ายๆ คือ ทำให้ต้นมันสมบูรณ์แข็งแรงก่อนที่แล้งจะมาเยือน

เวลาเก็บหัวมัน ก็ต้องนัดกับผู้ที่มีอาชีพรับจ้างเก็บหัว ราคาที่เขารับจ้างขุดหัวและขนขึ้นรถสิบล้อ อยู่ที่ 25 ส.ต. ต่อ 1 กก. ค่ารถบรรทุกสิบล้ออยู่บริเวณบ้านไม่ไกลเขาคิดราคาค่าบรรทุก 20 ส.ต. ต่อ 1 กก. ค่าไถหัวมันคิดราคา 10 ส.ต. ต่อ 1 กก. ทั้งหมดรวมแล้วเป็น 55 ส.ต. ต่อ 1 กก. แล้วจะต้องขายหัวมันสดในพื้นที่อีกด้วย ถ้าออกนอกพื้นที่ ค่ารถ ค่าน้ำมัน เพิ่มขึ้นก็ต้องตกลงกันอีกราคาหนึ่ง หากลานรับซื้อมันอยู่ไกลจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ที่นี้หากราคารับซื้อมันอยู่ที่ 1.70 บาท เหมือนที่ผ่านมา รวมค่าปลูก ค่าท่อนพันธุ์ ค่าปุ๋ย ทุกอย่างมาบวกกัน ค่าขุดมัน ค่าขนส่ง แค่นี้ก็ขาดทุนแล้ว ราคามันสำปะหลังขั้นต่ ำควรอยู่ที่ 2.50 บาท จะให้ดี ก็อยู่ที่ 3 บาท ถือว่าเยี่ยม

สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่อยากจะปลูกมันดูบ้าง เจ๊หล่อ บอกว่า

“ก็ลองทำดู ปลูกใหม่ๆ ไม่ต้องปลูกมาก ประเดี๋ยวล้มแล้วจะเจ็บตัว ลองปลูก น้อยๆ หาประสบการณ์ทางตรงกันก่อน พอรู้ทางแล้ว ที่นี้อะไรๆ ก็ไม่ยากเลย”

เจ๊หล่อ บอกอีกว่า เรื่องของมันสำปะหลังยังมีเทคนิคอีกมากนัก ว่างๆ โทร.มาคุยกันก็ได้ ที่ 085-086-7369 ไม่มีหวงความรู้