เลี้ยงวัวขุน เป็นอาชีพเสริม ทำได้ไม่ยาก เพียงต้องคิดคำนวณต้นทุนดี มีกำไร ขุน 3 ตัว ก็ได้

สวัสดีครับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกามีผลที่สะเทือนไปทั่วโลก พี่ไทยหลายคนกลัวเรื่องเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ หลายท่านกลัวเรื่องเศรษฐกิจจะเปลี่ยนไปกระทบ สะเทือนประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา ผมอยากจะเรียนท่านผู้อ่านไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ต้องกลัวครับ ไม่ต้องกลัวจะไม่กระทบ มันส่งผลกระทบกระเทือนถึงไทยแน่ๆ ครับ แต่จะดีจะแย่แค่ไหนผมก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าเราต้องเตรียมตัว ปรับตัวรับสภาพให้ทัน ดังเช่น เกษตรกรท่านนี้ที่ผมพาไปชม เขาขุนวัวเป็นอาชีพเสริมและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนขนาดธุรกิจของเขาให้เข้ากับทิศทางธุรกิจที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา ตามมาจะพาไปดูครับ

 

วัวขุนอาชีพเสริมที่เอาจริง

พาท่านไปพบกับ คุณวิศาล กระต่าย ที่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี คุณวิศาล มีคอกวัวขุนอยู่หลังบ้าน เป็นคอกวัวขุนที่สร้างขึ้นอย่างแข็งแรง ถาวร ชี้ให้เห็นว่าเขาเอาจริงเอาจังกับการขุนวัวอยู่ไม่น้อย คุณวิศาล เริ่มเล่าให้ฟังว่า “ผมมีงานประจำอยู่แล้วแต่ก็มองหาอาชีพเสริมไปด้วย สุดท้ายก็มาลงเอยที่การขุนวัวเป็นอาชีพเสริม รายได้เสริม เริ่มขุนมาได้ 2 ปีแล้ว เริ่มต้นก็ลงทุนกับเรื่องคอกวัวแบบถาวรไปเลยเพราะเห็นว่าการขุนวัวน่าจะเป็นอาชีพเสริมที่ดี วิธีการของผมนั้นจะลงทุนขุนวัวไม่มาก ครั้งละ 3-7 ตัว มากที่สุดที่เคยขุนก็แค่ 7 ตัว ซึ่งมันก็แล้วแต่ราคาวัวในตลาด ช่วงไหนวัวราคาดี หาซื้อวัวโครงได้ง่ายก็ขุนมากหน่อย ช่วงไหนราคาแกว่งเราก็เลี้ยงโดยขุนให้น้อยตัวลง” คุณวิศาล เล่าให้ฟัง 

คุณวิศาล กระต่าย

ต้องรู้ราคาขายวัวขุนเสียก่อน

การขุนวัวก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง สิ่งที่มากับธุรกิจก็คือความเสี่ยง แต่จะเสี่ยงมากหรือน้อยนั้นเราเลือกได้ครับมาฟังคำแนะนำการคำนวณราคาวัวก่อนตัดสินใจซื้อวัวเข้าขุนของคุณวิศาลกัน คุณวิศาล บอกว่า ก่อนจะไปจับวัวโครงเพื่อเอามาเข้าขุนที่ตอนนั้นเราควรต้องรู้ราคาขายวัวขุนในช่วงนั้นก่อนจึงจะสามารถคำนวณต้นทุนและกำไรได้ “เวลาที่ผมจะไปซื้อวัวซากหรือวัวโครงเพื่อเอามาเข้าขุนผมจะต้องรู้ราคาขายวัวขุนไปก่อน จากนั้นเมื่อไปถึงตลาดนัดเราก็จะดูวัวโครงโดยดูที่ น้ำหนัก พันธุ์ อายุ ขนาดตัว แล้วคำนวณต้นทุนดู อย่างวัวโครงหนัก 200 กว่ากิโลกรัม ต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะขุนขึ้นไปที่น้ำหนัก 450-460 กิโลกรัมได้ และเมื่อคำนวณเวลาขุนได้แล้วก็ต้องเอาไปคูณกับค่าอาหารต่อตัวต่อวัน แล้วจะได้ตัวเลขต้นทุนการขุนวัวต่อตัวออกมา”

 

คำนวณต้นทุนกำไรก่อนจับวัวโครง

ข้อมูลต้นทุนโดยสรุปจากประสบการณ์ของคุณวิศาลคือ “ผมมักจะใช้ตัวเลขโดยเฉลี่ยมาคำนวณต้นทุนวัวโครง อย่างเวลาขุนผมจะใช้เวลา 3 เดือนครึ่ง เพื่อขุนให้ได้ 450 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งผมต้องลงทุนค่าอาหารทั้งหมดประมาณ 12,000 บาท ต่อวัว 1 ตัว ดังนั้น หากราคาขายวัวขุนอยู่ที่ 95 บาท ต่อกิโลกรัม เวลาที่ผมจับขายผมจะได้ราคาประมาณ 42,750 บาท ต่อตัว เพราะฉะนั้น เวลาซื้อวัวโครงผมจะต้องซื้อที่ราคาต่ำกว่า 30,000 บาท จึงจะได้กำไร”

นี่เป็นการคำนวณแบบคร่าวๆ เพื่อกำหนดราคาซื้อวัวโครงเข้าขุนของคุณวิศาล จริงๆ แล้วการคำนวณต้นทุน ผลตอบแทนตามหลักเศรษฐศาสตร์ยังมีรายละเอียดเยอะกว่านี้ ส่วนวิธีนี้เป็นขั้นตอนง่ายๆ จากประสบการณ์ตรง ใครสนใจนำไปใช้ได้ไม่หวงครับ

ลูกผสมบรามันห์ ขุนมาได้ 1 เดือนแล้ว

 

ใช้ต้นข้าวโพดสับเป็นอาหารหยาบ

ในเรื่องแหล่งวัวที่ซื้อมาเข้าขุนนั้น คุณวิศาล บอกว่า “ส่วนใหญ่แล้วผมจะไปเลือกซื้อวัวด้วยตัวเองที่ตลาดนัดหนองลานที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน โดยจะเลือกเอาวัวลูกผสมบราห์มันกับลูกผสมชาโรเลส์เป็นหลัก เพราะวัวพวกนี้ขุนน้ำหนักขึ้นง่าย จับมาแล้วก็ทำวัคซีน เหน็บฮอร์โมน ถ่ายพยาธิก่อนเข้าขุน ช่วงนี้ราคาวัวโครงลดลงไปนิดหน่อยตามราคาวัวเนื้อที่ลดลง อย่างวัวลูกผสมชาโรเลส์ที่ผมกำลังขุนอยู่ตอนนี้ผมซื้อมาในราคาตัวละ 30,000 บาท เอามาขุนได้ 1 เดือนแล้ว ต้องขุนให้ได้ 450 กิโลกรัมขึ้นไป”

ต้นข้าวโพดสับบรรจุในถุงดำ ใช้เป็นอาหารหยาบ
มีฟางเสริมให้

ในเรื่องของอาหารที่ใช้ขุนวัว คุณวิศาล เล่าให้ฟังว่า “เมื่อวัวมาถึงคอกใหม่ๆ จะต้องให้ฟางกินก่อนในช่วงแรกประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อให้วัวปรับตัว เพราะวัวมาจากหลายที่ บางทีอาจจะไม่เคยกินต้นข้าวโพดมาก่อน จากนั้นจึงให้ต้นข้าวโพดสับเป็นอาหารหยาบวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ครั้งละประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อตัว ต้นข้าวโพดสับจะสั่งซื้อจากในพื้นที่ในราคาตันละ 1,500 บาท เป็นต้นข้าวโพดสับใส่มาในถุงดำ น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ต่อถุง หากถุงไม่รั่วจะสามารถเก็บต้นข้าวโพดสับไว้ได้ประมาณ 2 เดือน”

 

ระวัง!! อาหารข้น ห้ามให้มากบ้างน้อยบ้างเด็ดขาด

ในส่วนอาหารข้นนั้นคุณวิศาลใช้อาหารข้นที่ผสมขายกันในพื้นที่ “อาหารข้นผมให้วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ครั้งละประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อตัว เหมือนกันกับอาหารหยาบ วัวกินอาหารข้นตกตัวละ 10 กิโลกรัม ต่อตัว ต่อวัน”

ในเรื่องการให้อาหารข้น คุณวิศาล มีคำแนะนำมาว่า “อาหารข้นเราจะต้องให้ในปริมาณที่เท่ากันทุกวันอย่างให้วันละ 10 กิโลกรัม ต่อตัว ต่อวัน ก็ต้องให้เท่านั้นทุกวัน จะไปขี้เหนียวอาหารข้นบางวันให้มาก บางวันให้น้อยไม่ได้เพราะวัวจะกินอาหารข้นในปริมาณที่เท่ากันทุกวัน หากเราไปเพิ่มบ้างลดบ้างวัวจะน้ำหนักขึ้นช้า น้ำหนักขึ้นน้อย เป็นภาระให้เราขุนยาวนานขึ้นไปอีก ต้นทุนเพิ่มขึ้นไปโดยใช่เหตุ” คุณวิศาล แนะนำ

อาหารข้น ห้ามให้มากบ้างน้อยบ้างเด็ดขาด

ราคาอย่าต่ำกว่ากิโลละ 90 บาท

เรื่องราคาขายวัวขุนก็สำคัญ คุณวิศาล บอกว่า “ตอนนี้ราคาขายวัวขุนแถวบ้านผมอยู่ที่กิโลกรัมละ 93 บาท ซึ่งก็ถือว่าคนเลี้ยงยังพออยู่ได้ หักต้นทุนแล้วยังพอมีกำไรนิดหน่อย แต่กำไรก็มาจากการที่วัวของเรา ต้องขุนให้ได้น้ำหนักมากเต็มที่เกิน 450 กิโลกรัมด้วย”

เมื่อขุนวัวจนน้ำหนักเป็นที่พอใจ คุณวิศาลก็จะโทร.สอบถามราคาไปที่พ่อค้ารับซื้อวัวในพื้นที่ พ่อค้าคนไหนให้ราคามากจนพอใจก็จะตกลงขาย คุณวิศาล เล่าว่า “ช่วงนี้วัวราคาตก คนเลี้ยงวัวขุนรายย่อยอย่างผมก็ต้องหาทางออกโดยลดจำนวนวัวลง ขุนให้น้อยตัวลงเพื่อลดภาระ ลดความเสี่ยง อย่างตอนนี้ผมก็จับมาเข้าขุนแค่ 3 ตัวเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่ราคาวัวโครงก็ลดลงด้วยก็ทำให้ต้นทุนต่ำลงไปอีกหน่อย แต่ถ้าหากราคาวัวขุนตกลงไปต่ำกว่ากิโลกรัมละ 90 บาท รายย่อยอย่างผมคงอยู่ไม่ได้ คงต้องหยุดขุนวัวชั่วคราว”

เป็นวิธีการคำนวณเบื้องต้นที่น่าสนใจ น่าลองเอาไปทำตามครับ ใครสนใจอยากสอบถาม พูดคุยกับคุณวิศาล ติดต่อไปได้ที่โทร. (083) 310-6168 ครับ ฉบับนี้หมดพื้นที่แล้วขอลากันไปก่อนโชคดีทุกท่าน สวัสดีครับ