ผู้เขียน | ฮูสรี หีมมะหมัด |
---|---|
เผยแพร่ |
คุณอนุสรณ์ นวะกะ อดีตพนักงานบริษัทรถยนต์ สนใจอยากทํางานอิสระ จึงเก็บหอมรอมริบ ด้วยเงินทุน 300,000 บาท สู่การเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว ด้วยตนเองเป็นคนที่ชื่นชอบ “การเลี้ยงปลากัดสายนักสู้” จึงคิดว่าสามารถทำเป็นอาชีพได้ โดยเริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2550 เริ่มต้นด้วยการเพาะเลี้ยงไรแดงและเพาะเลี้ยงปลากัด จํานวน 20 บ่อ ขายไรแดงจากการเพาะฟักและขายปลากัดนักสู้มีรายได้คุ้มต้นทุนตั้งแต่ช่วงแรกๆ
ปัจจุบัน มีบ่อเลี้ยงปลากัดนักสู้และขายไรแดงสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ได้เป็นอย่างดี โดยทางสำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว ร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดตรัง ได้เข้ามาส่งเสริมให้จัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ด้านการประมงเพื่อเป็นศูนย์ให้เกษตรกรผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้
คุณอนุสรณ์ เล่าถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไรแดงเพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับปลากัดสายพันธุ์นักสู้ซึ่งทำได้ไม่ยาก โดยเริ่มต้นจากการนำน้ำเขียวคลอเรลลา (Chlorella sp) จํานวน 20 ลิตร ใส่บ่อซีเมนต์ ขนาด 5x5x0.60 เมตร แล้วเติมน้ำที่สะอาด ให้มีระดับน้ำ 2 เซนติเมตร เตรียมส่วนผสมประกอบด้วย ฮามิ ฮามิ 2 กิโลกรัม ปุ๋ยยูเรีย 1 กิโลกรัม ปุ๋ยนา (16-20-0) 1 กิโลกรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม อาหารลูกไก่ 0.5 กิโลกรัม ผสมกับน้ำคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงให้ละลายเข้ากัน นําส่วนผสมเทลงในบ่อ คนให้เข้ากัน (เช้า เที่ยง เย็น) วันที่ 3 เติมน้ำจนได้ระดับสูง 50 เซนติเมตร เติมหัวเชื้อไรแดง 800 กรัม ทิ้งไว้ 3 วัน ในสภาพบ่อกลางแจ้ง ก็สามารถเก็บลูกไรแดง บ่อละ 4 กิโลกรัม ขายลูกไรแดงได้กิโลกรัมละ 150-200 บาท
การเพาะเลี้ยงปลากัดสายนักสู้ เริ่มด้วยการเตรียมพ่อแม่พันธุ์ปลากัดจากสนามนักสู้ คัดเลือกตัวที่เก่ง นําตัวเมียและตัวผู้มาวางติดกัน 4 วัน ให้มีความคุ้นเคย เมื่อตัวเมียไข่แก่ก็นำมาเพาะพันธุ์โดยนําไปขังรวมกับตัวผู้ อัตรา 1 : 1 (ตัวเมีย 1 ตัว ตัวผู้ 1 ตัว) ขังรวมไว้ 2 วัน ตัวเมียจะวางไข่ในภาชนะที่เพาะฟักและตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อผสมกับไข่ในบ่อเพาะพันธุ์ ไข่จะฟักเป็นตัวภายใน 5 วัน หลังจากนั้นลูกปลาพร้อมที่จะนำไปอนุบาล ตัวผู้จะเป็นผู้เลี้ยงลูก แยกตัวเมียออก (เพราะตัวเมียจะกินลูก) ตัวผู้จะเลี้ยงลูก 5-7 วัน หลังจากถุงไข่ยุบ (yolk sac) จึงจะให้อาหารไข่แดง ตามด้วยลูกไรแดงในการอนุบาลลูกปลาอายุ 7 วัน นําไปอนุบาลและเลี้ยงต่อ ให้อาหารเป็นลูกไรแดง
การอนุบาลและเลี้ยงปลากัดสายนักสู้ เริ่มต้นด้วยการเตรียมบ่อเลี้ยงปลากัด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 160 เซนติเมตร สูง 50 เซนติเมตร ใส่ลูกปลาเลี้ยง 100 ตัว เลี้ยงนาน 5 เดือน จะได้ปลาอัตรารอด 80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นปลากัดนักสู้จึงขายได้ตัวละ 150-500 บาท ถ้าลักษณะดีขายได้ถึงตัวละ 1,000 บาท
การเลี้ยงปลากัด เพื่อให้ได้ปลากัดลักษณะดี มีคุณภาพ นอกจากเลือกพ่อแม่พันธุ์จากสายพันธุ์นักสู้แล้ว การเลี้ยงปลาก่อนจําหน่ายนั้นทางฟาร์มเพาะพันธุ์ได้เลี้ยงปลาในน้ำหมักสีชาโดยใช้ใบหูกวางแห้งครึ่งใบใส่โหล ขนาด 5 ลิตร (เติมน้ำเกือบเต็ม) ใส่เกลือเล็กน้อย แช่ไว้ 5-7 วัน นําปลามาเลี้ยงในโหลจะทำให้ปลาคลายเครียดไม่เป็นเห็บ (พยาธิ) ทำให้ปลามีเกล็ดแข็ง (หนัง เหนียว) และปลาไม่อ้วน
เกษตรกรมีใจรักในอาชีพจึงสามารถเพาะพันธุ์ปลากัดนักสู้ขายได้จาก 20 บ่อ ขยายเป็น 150 บ่อ (รวมบ่อกลมและบ่อซีเมนต์) มีเทคนิคในการหาพ่อแม่พันธุ์จากสนามนักสู้ เช่นที่สนามทุ่งเกาะยวน หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบ่อ และสนามย่านตาขาว ทำให้ได้พ่อแม่ปลาคุณภาพจากการคัดสรร ทำให้ได้ลูกปลาลักษณะที่เป็นปลานักสู้ ขายได้ราคาดี
เมื่อการระบาดของเชื้อโควิด-19 เข้ามา ทำให้สนามกัดปลาถูกสั่งปิดตามคำสั่งจังหวัด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ขายปลากัดได้น้อยลง จึงลองปรับวิถีชีวิตของตัวเองใหม่ และศึกษาตลาดใหม่พบว่า ปลาสวยงามสายพันธุ์ปลากัดกำลังเป็นที่ต้องการและนิยมเลี้ยงของชาวต่างชาติ รวมทั้งขายง่ายทางออนไลน์ จึงหันมาเพาะเลี้ยงปลาสวยงามสายพันธุ์ปลากัด 20 บ่อ แต่ยังคงเพาะพันธุ์ปลากัด 100 บ่อ และเลี้ยงไรแดง 13 บ่อ เพื่อส่งขายลูกค้าอีกกลุ่ม จนสามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ปีละกว่า 300,000 บาท สำหรับผู้สนใจติดต่อได้ทาง เฟซบุ๊ก อนุสรณ์ นวะกะ โทร. 096-237-3059 และสำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว โทร. 075-281-241