ที่มา | สัตว์เลี้ยงสวยงาม |
---|---|
ผู้เขียน | กัลยดา ชุ่มอินทรจักร |
เผยแพร่ |
ความสุขทางใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเลี้ยงสัตว์ บางคนเลี้ยงต้นไม้ ในที่นี้จะพูดถึงผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก หรือประเภทสัตว์เลื้อยคลาน เป็นต้น แต่ก็มีกลุ่มคนอีกไม่น้อยที่นิยมเลี้ยงสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก พูดถึงการเลี้ยงหนู ปัจจุบันนี้ทำให้คนรวยมาเยอะแล้ว นอกจากเลี้ยงเพราะความชอบแล้ว ยังทำเป็นธุรกิจได้ตังอีกด้วย เช่น หนุ่มวัย 42 ปีผู้นี้คือ คุณศราวุธ สุขสม แห่ง The X cafe’ ฟาร์ม อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก เช่น กระต่ายแฟนซี งูสิงแฟนซี จนมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ยังมีหนูสฟิงซ์ จากตระกูลหนูสายพันธุ์เล็กที่เรียกว่า หนูไมค์ ที่ทำชื่อเสียงโด่งดังไม่ใช่แค่เมืองไทย ยังดังไกลไปทั่วโลกและเป็นเจ้าแรกของโลกก็ว่าได้ในตอนนี้
The X café ชื่อฟาร์มของคุณศราวุธ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่กับการเลี้ยงสัตว์แปลกจากเชียงใหม่ ที่มีทั้ง งู กิ้งก่า กระต่าย แมงมุม กบ ปลา และหนู และอย่างอื่นอีก โดยเพาะสายพันธุ์จากพันธุ์ที่หายากขึ้นมาเอง แต่ที่พิเศษที่สุดเห็นจะเป็นหนูสฟิงซ์ ที่มีความแปลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความบังเอิญเมื่อประมาณกว่า 2 ปีที่แล้ว เมื่อหนูไมค์ (Mice) หรือหนูพันธุ์เล็ก ที่เพาะเลี้ยงไว้ออกลูกมาแล้วมีลักษณะผิดปกติ เนื่องจากตามตัวไม่มีขน ผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นสีชมพูทั้งตัว และใบหูใหญ่ ทำให้คิดว่าอาจจะสุขภาพไม่แข็งแรง จึงทำการคัดแยกเลี้ยงไว้ต่างหาก
ในเวลาต่อมาสังเกตเห็นว่า ที่จริงแล้วลูกหนูที่มีลักษณะผิดปกติดังกล่าวที่คัดแยกเลี้ยงไว้นั้น มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติเหมือนหนูตัวอื่นๆ ทุกอย่าง ทั้งการกินอาหารที่เป็นธัญพืชเป็นหลักและการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ รวมทั้งมีอายุขัยประมาณ 2 ปี แต่แตกต่างจากหนูปกติแค่ตรงที่ไม่มีขน และผิวหนังที่เหี่ยวย่นเป็นสีชมพูทั้งตัว ซึ่งมองว่าลักษณะต่างๆ นี้เป็นความพิเศษ จึงทำการเก็บตัวอย่างและพัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้สายพันธุ์ที่มีความเสถียรและมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งตั้งชื่อให้หนูชนิดนี้ว่า “หนูสฟิงซ์” ซึ่งช่วงแรกเกิดจะยังคงมีขนสีขาวขึ้นตามตัว แต่จะค่อยๆ หลุดไปจนหมด และผิวหนังเหี่ยวย่นเพิ่มมากขึ้นตามอายุ โดยเบื้องต้นเชื่อมั่นว่า The X cafe’ น่าจะเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์และเพาะขยายพันธุ์ได้สำเร็จเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
หนูสฟิงซ์ เป็นหนูที่ได้จากการเพาะเลี้ยงและเกิดจากการผ่าเหล่าของหนูไมค์ หรือหนูสายพันธุ์เล็กที่ไม่มีขนและหนังย่นเป็นที่ชื่นชอบของตลาดหนูตัวเล็กในตอนนี้ เจ้าของคือคุณศราวุธ ได้นำหนูไมค์มาทำการต่อยอดเพาะเลี้ยงจนได้สายพันธุ์ที่เสถียร ออกลูกมาทุกรุ่นไม่มีขนและหนังย่นสวยงามแปลกตา และสมบูรณ์แข็งแรง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้เจ้าของฟาร์มในขณะนี้ ซึ่งเป็นเกษตรกรตัวอย่างที่สร้างงาน สร้างเงินได้จากสัตว์แปลกไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมมีการนำออกจัดแสดงในงานกิจกรรมของกลุ่มผู้ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ ทั้งที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ จนกลายเป็นเรื่องฮือฮาที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากคนรักสัตว์ที่หายากหรือสัตว์แปลกที่อยากมีเอาไว้เลี้ยงและต่างพากันขอสั่งจองซื้อล่วงหน้าอย่างล้นหลาม
The X cafe’ ฟาร์มเพาะสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ (Exotic Pet) ตั้งชื่อให้กับหนูตัวน้อยว่า หนูสฟิงซ์ ความยาวจากปลายจมูกถึงปลายหางประมาณ 15 เซนติเมตร รูปร่างหน้าตาแปลกไปจากหนูปกติทั่วไป ด้วยลักษณะพิเศษที่มีใบหูกางใหญ่ ตามตัวไร้ขนและผิวหนังเหี่ยวย่นสีชมพู ซึ่งทางฟาร์มพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนประสบความสำเร็จและต่อยอดในธุรกิจสัตว์แปลกได้เป็นอย่างดี และทำให้มีชื่อเสียงที่เป็นที่สนใจของคนทั้งในและต่างประเทศ ที่หนูสฟิงซ์ สายพันธุ์แปลกใหม่ ฝีมือเจ้าของ The X cafe’ เริ่มต้นจากความบังเอิญจนประสบความสำเร็จ ในการเพาะขยายพันธุ์เป็นครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ลูกค้าแห่จองซื้อล้นหลามคิวยาวเหยียดราคาตัวละ 10,000-15,000 บาท อนาคตเล็งพัฒนาสายพันธุ์ต่อยอดเพิ่มสีสันลวดลายสวยงามเพิ่มขึ้นไปอีก
หลากหลายความรู้สึกจากการสอบถามผู้ที่ชื่นชอบเลี้ยงหนูไมค์ต่างตอบว่า “น่ารักน่าชังชอบตัวเล็กและวิ่งตลอดเวลา” “ชอบตาเล็กๆ พอได้กลิ่นเจ้าของจะวิ่งมาหามาดมใกล้ๆ ก็ชื่นใจแล้ว” “ชอบตรงที่เป็นสัตว์ที่ซุกซนวิ่งตลอดเวลาทำให้ดูแล้วเรามีความแอคทีฟไปด้วย” “ชอบตรงขนและสีความแปลกของขน ยิ่งถ้าเป็นหนูที่ไร้ขนและหนังย่นแล้วยิ่งแปลกมาก น่าสัมผัสทะนุถนอม” “หนังย่นก็นึกถึงความแปลก แมวไร้ขนก็มีแล้ว หมาไร้ขนก็มีแล้ว หนูไร้ขนแล้วการบรีดสายพันธุ์คนไทยแล้วน่าทึ่ง” นี่คือบางส่วนของความรู้สึกนี้คาดว่าตลาดการค้าขายสัตว์เลี้ยงตัวเล็กยังคงไปได้อีกไกล ยิ่งสัตว์แปลกหนังย่นอย่างหนูสฟิงซ์ มีแต่คนอยากได้ไปครอบครอง
หนูสฟิงซ์ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีต่อใจสำหรับคนหลายคนที่เป็นสาวกที่คลั่งไคล้ของสัตว์ตัวเล็กตระกูลฟันแทะ และยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่น้อยแต่อยากจะเลี้ยงสัตว์ไว้ดูเล่น เพราะหนูพันธุ์เล็ก เป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงดัง ใช้พื้นที่น้อยและยังอยู่ในกรงดูแลง่าย การเลี้ยงสัตว์นอกจากจะช่วยคลายเหงาและคลายเครียดได้แล้วยังมีคำทำนายสำหรับผู้ที่ชอบเลี้ยงหนูว่า มีความกระตือรือร้น รักความก้าวหน้า มีความระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ปรับตัวเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดี ชอบเข้าสังคม และเป็นนักสะสม ถึงแม้บุคลิกของคุณจะดูเงียบขรึม แต่คุณก็ยังรักความอิสระ มองโลกในแง่ดี วางแผนการใช้เงินได้ดี มีความระวังเรื่องการใช้จ่ายสูง ทั้งยังจัดระเบียบบ้านได้ดี ชอบแต่งเติมบ้านอีกด้วย
ธรรมชาติที่มาของหนูไมค์และข้อมูลทางกายภาพ อายุขัยเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปีครึ่ง โตเต็มที่ราว 4-6 นิ้วรวมหาง โดยรวมแล้วตัวเล็ก เพศเมียกลิ่นตัวและกลิ่นฉี่น้อยกว่าจึงนิยมเลี้ยงมากกว่าเพศผู้ การเลี้ยงและการให้อาหารก็เลี้ยงแบบหนูไมค์ทั่วๆ ไป เช่น อาหารเม็ด และส่วนใหญ่เป็นธัญพืช โดยใส่อาหารไว้ตลอดเวลาใช้อาหารสำเร็จรูปของหนูแรทกับหนูไมค์ที่มีขายทั่วไป น้ำควรให้ผ่านกระบอกน้ำหัวเหล็ก ถ้าใส่ถ้วยน้ำจะหกเลอะเทอะหรือมีเศษอึฉี่ตกลงไป ขณะเดียวกัน เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ The X cafe’ อาจจะเป็นแห่งแรกในโลกด้วยที่พัฒนาหนูสายพันธุ์นี้ได้สำเร็จ เนื่องจากที่ผ่านมาได้พยายามสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ แล้ว ยังไม่ปรากฏข้อมูลยืนยันว่ามีผู้ที่พัฒนาสายพันธุ์หนูที่มีลักษณะนี้เป็นผลสำเร็จแต่อย่างใด โดยพบแต่เพียงการเพาะขยายพันธุ์หนูไม่มีขนในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังไม่พบหนูที่มีลักษณะพิเศษเหมือน “หนูสฟิงซ์” ที่ทั้งไม่มีขนและผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นสีชมพู ทั้งนี้ทาง The X cafe’ ได้เริ่มนำ “หนูสฟิงซ์” ออกจัดแสดงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งงานกิจกรรมที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ รวมทั้งถ่ายรูปโพสต์เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ที่ให้ความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงแปลกเป็นอย่างมาก
ภายหลังจากที่มีการนำออกจัดแสดงแล้ว มีผู้ติดต่อขอซื้อ “หนูสฟิงซ์” เข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นสามารถแบ่งขายไปได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ในราคาตัวละ 10,000-15,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกนับร้อยรายต้องให้จ่ายมัดจำจองซื้อไว้ล่วงหน้า เนื่องจากหนูที่เพาะขยายพันธุ์ได้ยังมีจำนวนจำกัดและส่วนหนึ่งจำเป็นต้องคัดแยกเก็บไว้เพื่อเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งผู้ที่ติดต่อขอซื้อต่างเข้าใจดีและพร้อมที่จะรอ ขณะที่ในอนาคตทาง The X cafe’ เตรียมที่จะพัฒนาสายพันธุ์ “หนูสฟิงซ์” ต่อเนื่องไปอีก เพื่อให้ผิวหนังที่เหี่ยวย่นมีลวดลายสีสันต่างๆ ที่สวยงาม
สำหรับผู้ที่สนใจ “หนูสฟิงซ์” หรือสัตว์แปลกอื่นๆ ของ The X cafe’ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณศราวุธ สุขสม เฟซบุ๊ก : The X café’ เบอร์โทร. 062-463-2653
………………..
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2566.