นที เมฆรุ่งโรจน์ กับสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองอินทรีย์ 100 ไร่ ปากท่อ ราชบุรี

กาลเวลาจะไม่สามารถรักษาได้ทุกสิ่ง แต่สำหรับการยอมรับความจริงจะสามารถรักษาได้ทุกอย่าง หากเราลองย้อนไปมองดูรอยเท้าตามเส้นทางที่ได้เคยเดินมา เชื่อไหมว่าทุกรอยเท้าจะช่วยเก็บความทรงจำทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นไว้ให้กับเราเสมอ แม้ทุกวันนี้เราจะคงอยู่กับสิ่งเดิมๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน คือระยะการก้าวเดินกับระยะเวลาที่เราได้สัมผัสระหว่างการเดินในเวลาที่เหลืออยู่ จะท้อได้เช่นไรถ้ายังมีลมหายใจดีอยู่ คนที่ไม่ยอมแพ้พร้อมสู้ และสู้จะสามารถพยุงตัวเองให้ยืนพร้อมก้าวออกเดินไปบนเส้นทางชีวิตกับเวลาที่อยู่ แม้ว่าการก้าวเดินจะช้าไปบ้าง ในเมื่อเขามีความขยันและอดทนติดตัวไปทุกเส้นทาง แน่นอนว่าต้องไปถึงจุดหมายได้สักวันหนึ่ง เพราะเขาไม่ยอมหยุดเดินและยอมแพ้กับชีวิตตัวเอง

ก่อนอื่นขอ สวัสดี และขอบพระคุณอย่างมากมายกับกับแฟนๆ จากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านและผู้เขียน ที่เป็นแฟนประจำพร้อมให้กำลังใจกันมาตลอดเวลา ทั้งที่ส่งเสียงไปหา โทร. (081) 846-0652 และทางเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อ  สมยศ ศรีสุโร หรือ ID Line. Janyos ผมเป็นปลื้มอย่างมากมายขึ้นไปอีก เพราะบอกว่าชอบทุกเรื่องที่นำมาเสนอ ที่ย้ำมากคือขอให้สุขภาพแข็งแรง อย่าหายไปไหนเสียก่อน ขอสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ขอบคุณจริงครับเมื่อมีแฟนๆ ให้แรงใจตลอดมา

ปักษ์นี้ขอนำเสนอถึงเรื่องราวของสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ผมได้นำเสนอเรื่องนี้เมื่อ 3 ปีผ่านมา ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ที่สนใจเยอะมาก ทั้งที่ต้องการผลผลิตและต้องการไปเยี่ยมหาที่สวน จากคำบอกเล่าของเจ้าของสวนคือ คุณนที เมฆรุ่งโรจน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสมาคมการค้าไทยไหหลำ (THAI HAINANESS TRADE ASSOCIATION) ประธานกิตติมศักดิ์ถาวรตระกูลฮุนอนุสรณ์ มูลนิธิ อุปนายกสมาคมไหหลำแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริษัทไวท์คลาวน์ ผู้ผลิตปูนฉาบตราสิงห์

คุณนที ได้ส่งข่าวไปหาผมบอกว่า หลังจากที่ได้นำเสนอในคอลัมน์นี้ไปแล้วได้มีผู้สนใจหลายท่านที่ได้ติดต่อมาหาในหลากหลายความต้องการ ไม่ว่าเรื่องการขอเข้าไปเยี่ยมชมเพื่อศึกษาเรื่องราวรายละเอียดต่างๆ ภายในสวน หรือบางท่านต้องการผลผลิตเพื่อไปจำหน่าย

แต่สำหรับผมสนใจ ที่สนใจอย่างมากหลังจากห่างหายไป 2 ปี เนื่องจากคุณนทีได้บอกทิ้งท้ายในครั้งนั้นว่า “ผมจะเปลี่ยนสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองนี้ให้เป็นแบบสวนแบบอินทรีย์ทั้งหมดนะครับ เริ่มลงมือบ้างแล้วในเรื่องของปุ๋ยชีวภาพพร้อมกับทุกเรื่องราวที่นำมาใช้ในสวน คิดว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี หากมาเยี่ยมหาอีกครั้งจะพบว่าทุกอย่างเรียบร้อย สามารถเรียกว่าสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแบบอินทรีย์แน่นอนครับ” ผมได้บอกคุณนทีไปว่า “เมื่อถึงเวลานั้นผมจะแวะไปเยี่ยมหาอีกสักครั้งครับท่าน”

หลังจากผมได้ไปเยี่ยมหาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2560 ปีนี้ 2562 จึงได้กลับไปเยี่ยมหาตามที่ได้รับปากคุณนทีไว้ และพร้อมกับได้ข่าวว่าจะมีสำนักงานเกษตรอำเภอแปลงยาว ฉะเชิงเทรา ได้ประสานงานกับสำนักงานเกษตรอำเภอปากท่อ จะนำเกษตรกรจำนวน 40 กว่าท่านมาเยี่ยมหา เนื่องจากได้รับทราบว่าทางสวนได้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแบบอินทรีย์เต็มรูปแบบจริง และเป็นความต้องการของสำนักงานเกษตรราชบุรีอีกด้วย จึงได้มอบหมายให้ คุณดรุณี ขันทองแดง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรตำบลหนองกระทุ่ม เป็นผู้ประสานงานทุกเรื่องราว

และก่อนหน้านั้นได้มีที่สุดยอดกว่านั้น เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา ได้มีองค์กรภาครัฐจากรัฐเปอร์ลิส (PERLIS STATE ECONOMIC DEVELOPMENT CORPERATION) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐด้านเกษตรและกลุ่มนักธุรกิจ จากประเทศมาเลเซีย ได้มาเยี่ยมชมจากการประสานงานจากสำนักงานเกษตรราชบุรีเช่นกัน

ขอย้อนความหลังสักนิดก่อนนะครับ อย่างน้อยแฟนๆ ที่สนใจจะได้ทราบไว้เป็นข้อมูลสำหรับเบื้องต้น คุณนที ได้ใช้เนื้อที่สวนทั้งสิ้นประมาณ 100 ไร่ ตั้งอยู่เลขที่ 49 หมู่ที่ 7 บ้านโพธิ์ศรี ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ได้แบ่งเนื้อที่ใช้ที่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองทั้งสิ้น ประมาณ 60 ไร่ เนื่องจากต้องการที่จะเน้นเรื่องการปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเป็นตัวหลัก โดยจะใช้วิธีปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองในระยะห่างของต้น 3 เมตร ระยะห่างแต่ละแถว 5.70 เมตร ได้ใช้จำนวนต้นมะม่วงทั้งสิ้น แถวละ 50 ต้น แถวซ้ายมือมีจำนวน 70 แถว ขวามือ จำนวน 40 แถว รวมทั้งสิ้น 110 แถว มีต้นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่นำปลูกลงไปจำนวนทั้งสิ้น ประมาณ 5,500 ต้น

คุณนที บอกว่า ที่ต้องการเน้นปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองนั้นเพราะหลังจากได้ศึกษาพบว่า เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตัวเองก็มีความต้องการที่จะเน้นการส่งออกให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงทุนจำนวนที่สูงไปบ้างก็ตาม ประเด็นที่จะเน้นจากมากคือไม่จำเป็นต้องให้มีผลผลิตจำนวนมากในแต่ละต้น เน้นคุณภาพของผลผลิตต้องให้ออกมาได้ยอดเยี่ยมสุดๆ เป็นอันดับแรก และจะต้องให้มีน้ำหนัก 3 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม หรือใกล้เคียงมากที่สุด เนื่องจากเป็นความต้องการของตลาดสำหรับการบรรจุเพื่อการส่งออกโดยทั่วไป

คุณนที เมฆรุ่งโรจน์ (ซ้ายมือ) กับ คุณจรัล ปางบุญยนนท์

 

ต่อมาที่เน้นประเด็นสุดท้ายชนิดสุดยอดมากๆ แบบว่าเยี่ยมจริงๆ คือ แปลงที่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้นั้นต้องดูสวยงาม เป็นแนวทุกจำนวนต้นของระยะแถว มองดูแล้วเรียบร้อย สวยงาม สะอาดตาอีกด้วย บริเวณพื้นทั้งหมดต้องสะอาด หญ้าใต้โคนมะม่วงต้องตัดสั้นตลอดทั้งสวน เมื่อผู้มาเยี่ยมหาได้มองเห็นแล้วจะได้ไม่เบื่อตา และก็เป็นจริงดังกล่าว เมื่อแฟนๆ ได้ไปเยี่ยมหาทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวนสะอาดมองแล้วสบายตา เยี่ยมมากกว่าทุกสวนที่ได้ไปพบเห็นมาก่อนหน้านี้

เมื่อเป็นเช่นนี้การปลูกต้นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองคุณนทีมีความคิดหลังจากได้ไปเยี่ยมหามาหลายๆ สวนที่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองในหลายจังหวัด ในที่สุดคุณนทีจึงมีความคิดว่าต้นมะม่วงนั้นต้องมีพุ่มไม่สูงมาก เหตุผลคือสามารถใช้แรงงานคนยืนห่อลูกหรือเก็บผลผลิตได้อย่างสะดวกเมื่อถึงเวลา โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์มาปีนป่าย  สำหรับประเด็นต่อมาหลังเก็บผลผลิตเรียบร้อยแล้ว เมื่อต้องการตัดแต่งกิ่งมะม่วงก็จะสามารถทำงานได้ง่าย แถมสะดวก รวดเร็ว อีกด้วย

คุณดรุณี ขันทองแดง (ที่ 2 จากซ้าย)

สำหรับพื้นที่อีกประมาณ 40 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัยที่เก็บของใช้ต่างๆ และพื้นที่ที่เหลือได้ปลูกมะม่วงอีกหลายสายพันธุ์ เช่น มะม่วงมันเดือนเก้า มะม่วงงามเมืองย่า มะม่วงโชควิเชียร และมะม่วงสายพันธุ์ปลาตะเพียน มะม่วงโชคอนันต์ และมหาชนก ไว้อีกด้วย เพราะมะม่วงสายพันธุ์ที่มีอยู่นี้จะมีแม่ค้าเข้ามารับซื้อถึงสวนเมื่อถึงฤดูที่มีผลผลิต มีจำนวนแค่ไหนไม่ปฏิเสธทั้งสิ้นขอเพียงบอกไปเท่านั้น ส่วนที่เหลือได้ลงขนุนสายพันธุ์ทองประเสริฐ และเพชรดำรง พร้อมด้วยทุเรียนก้านยาวและหมอนทองอีกจำนวนหนึ่ง

เรื่องราวของสวนนี้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการจะไปเยี่ยมหาและสนใจเรื่องราวเช่นนี้ ประเด็นแรกที่น่าสนใจอย่างมากคือระบบน้ำที่นำมาใช้ เป็นการวางระบบน้ำแบบให้ผ่านเครื่องกรองน้ำเสียก่อนแล้วจึงจะปล่อยไปให้ต้นมะม่วงด้วยระบบน้ำหยด หรือการให้ปุ๋ยสวนนี้จะเน้นปุ๋ยชีวภาพให้ไหลไปตามสายน้ำหยดเช่นกัน ทำเช่นนี้ไปตลอดทั้งสวน ประเด็นต่อมาที่น่าสนใจอีกเช่นกันคือ การจัดวางระบบมินิสปริงเกลอร์หลังจากที่ต้นมะม่วงมีระยะเวลาตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไปที่เริ่มเจริญเติบโตและต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้น

จากประสบการณ์ที่ผ่านมากว่า 7 ปี ที่จนคุณนทีต้องการที่จะเปลี่ยนมาเป็นสวนมะม่วงที่เป็นอินทรีย์เพื่อจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งดีๆ ที่สำคัญอีกอย่างคือบรรยากาศภายในสวนจะได้มีแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ในที่สุดได้มอบหมายให้ คุณจรัล ปางบุญยนนท์ ที่มีความรู้ในเรื่องเช่นนี้ หลังจากที่ได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆ ที่จะนำมาใช้กับสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองมาเป็นอย่างดี ให้เป็นผู้ดูแลทุกอย่างภายในสวน ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยหมักชีวภาพทุกขั้นตอน

เช่น จุลินทรีย์จาวปลวก หน่อกล้วย ฮอร์โมนไข่หรือที่เรียกว่าอาหารจานด่วน ที่ต้องนำมาใช้ให้ได้ตามความต้องการของต้นมะม่วงในทุกขั้นตอนของการให้ปุ๋ย ตั้งแต่เริ่มตัดแต่งกิ่งจนแตกใบอ่อน ออกดอก ตลอดจนน้ำหมักที่ใช้กำจัดแมลงที่เป็นศัตรูตัวร้ายของมะม่วงคือเพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยจักจั่น รวมไปถึงการดูแลพื้นที่สวนทั้งหมด สวนนี้ทุกพื้นที่ไร้มลพิษทั้งสิ้น นับว่าเป็นสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองอินทรีย์ ที่ครบเครื่องทุกเรื่องราวจริงๆ ครับ

แฟนๆ ครับ สวนนี้จึงถือได้ว่าเป็นสวนที่มีเนื้อที่ใช้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองแบบอินทรีย์เต็มรูปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญถือว่ามีจำนวนต้นมากอีกสวนหนึ่ง หากท่านใดมีความสนใจจะไปเยี่ยมหาก่อนตัดสินใจลงมือกับเรื่องราวเช่นนี้ กรุณาติดต่อคุณนที โทร. (094) 328-7945 และ คุณจรัล (081) 810-9350 ที่สามารถให้ได้ทุกรายละเอียด เรียนเชิญนะครับ ยินดีต้อนรับ กรุณาสอบถามเส้นทางก่อนไปเยี่ยมหาเพื่อการนัดหมายนะครับ

ทุกเรื่องราวที่ผ่านมานั้นถือว่าคือบทเรียนอย่างมีค่าของชีวิต อย่าพยายามเก็บมาทำร้ายชีวิตในวันนี้ วันที่เราหายใจดีอยู่ เราต้องอยู่กับวันนี้เท่านั้น ไม่มีเมื่อวานหรือพรุ่งนี้ ไม่มีใครหรอกครับที่เกิดมาบนโลกที่น่ารักและน่าอยู่ใบนี้อย่างไร้ค่า ดังนั้น เราอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าชีวิตเรานี้ทำไมมันถึงแย่เหลือเกิน เพราะบางครั้งนั่นคืออาจจะเป็นแค่จุดเปลี่ยนของชีวิตที่จะสามารถทำให้เราได้เจอกับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าก็เป็นได้ การก้าวเดินในวันนี้ไม่ต้องไปกังวลว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร ขอเพียงในระหว่างเส้นทางที่เดินนั้นเราเดินไปอย่างมีความสุขเท่านี้ก็พอแล้ว ขอบคุณ สวัสดี