ลดไขมันในเลือดด้วยกระเทียม

จากข้อมูลในอภัยภูเบศรสาร ปีที่ 12 ฉบับที่ 151 โดย ภก. ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ ให้ข้อมูลการลดไขมันเลือดด้วยกระเทียม ไว้ โดยระบุเป็นข้อเขียน ดังนี้

“อย่ารับประทานของทอด ของมัน เดี๋ยวคอเลสเตอรอลขึ้น” ข้าพเจ้าคิดว่า ท่านผู้อ่านทุกท่านเคยได้ฟังมาทุกคน แต่ในทางปฏิบัตินั้นยากเหลือเกินที่จะหลีกเลี่ยงมื้ออาหารลักษณะนี้

มีรายงานจากองค์การอนามัยโลก ว่า หากลดระดับคอเลสเตอรอลลง 10% สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 50% นอกจากนั้น จากการสำรวจพบอีกว่า กลุ่มประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่ำ ซึ่งสาเหตุหลัก คือ อาหารที่มีคอเลสเตอรอลมากเกินไปและอาหารจำพวกไขมัน ส่วนสาเหตุอื่นๆ ก็อาจมาจากยาบางชนิด โรคบางชนิด กรรมพันธุ์ของผู้ป่วยก็เป็นไปได้เช่นกัน

โดยปกติแล้วระยะต้นของการมีคอเลสเตอรอลสูง ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่เมื่อระดับคอเลสเตอรอลสูงไปเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดการสะสมและอุดตันของไขมันตามหลอดเลือดต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือเส้นเลือดในสมองตีบได้ การรักษา ปัจจุบันก็จะให้ผู้ป่วยควบคุมอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ออกกำลังกาย ซึ่งหากผู้ป่วยมีระดับไขมันในเลือดสูง ก็อาจจะต้องใช้ยาลดไขมันร่วมด้วยเช่นกัน

สำหรับสรรพคุณของกระเทียมในการลดไขมันนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก เนื่องจากมีการวิจัยมากมายเกี่ยวกับสรรพคุณของกระเทียม แต่งานวิจัยมากมายเหล่านั้น อาจให้ผลการศึกษาแตกต่างกัน บางฉบับสรุปว่าได้ผล บางฉบับสรุปว่าไม่ได้ผล จึงเป็นที่มาของการศึกษางานวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยประมวลผลการทดลองจากงานวิจัยหลายๆ ฉบับ เพื่อยืนยันฤทธิ์ของกระเทียมในการลดคอเลสเตอรอล

ซึ่งการรวบรวมครั้งนี้ได้รวมงานวิจัยทั้งหมด 26 ชิ้น เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1981 พบว่า การรับประทานกระเทียม (ในรูปแบบสารสกัดกระเทียมผง) สามารถลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่สามารถลด LDL (ไขมันตัวร้าย) ได้

คำถามต่อมาที่หลายท่านอาจสงสัยว่าต้องรับประทานนานแค่ไหน และปริมาณเท่าไร จากงานวิจัยสรุปไว้ว่า ยิ่งรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะลดได้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ 1 เดือน เป็นต้นไป โดยควรรับประทานครั้งละ 600-900 มิลลิกรัม ต่อวัน (ในรูปแบบผงแห้ง) ซึ่งหากท่านผู้อ่านอยากจะรับประทานแบบสดๆ อาจจะต้องรับประทาน วันละ 1-2 หัว เพื่อจะได้ฤทธิ์ในการลดคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์ ผลข้างเคียงที่เคยมีรายงานก็เป็นผลข้างเคียงที่ไม่ร้ายแรง เช่น ปวดหัว ผื่นคัน หรือ เรื่องกลิ่นของกระเทียมที่บางคนไม่ชอบใจ

โดยสรุปแล้ว กระเทียม สามารถลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ดีกว่ายาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ ทั้งยังเป็นสมุนไพรคู่บ้านของเรา หาซื้อรับประทานได้ในทุกๆ มื้อ แต่ก็อย่าลืมการควบคุมอาหารให้เหมาะสม เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว