หนุ่มโรงงาน ผันชีวิตเป็นเกษตรกร ผลิตมะม่วงหิมพานต์ครบวงจร ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า

ในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแปรรูปสินค้าเกษตรต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็น และเกษตรกรหลายๆ คนเริ่มให้ความสนใจ โดยไม่เน้นจำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว แต่นำสินค้าเกษตรที่ตนเองทำ มาผ่านกระบวนการแปรรูปให้เป็นสินค้าสุดท้ายจากสวนของตนเอง โดยผลิตแบบต้นน้ำและปลายน้ำเอง จึงทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรได้ราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย

คุณอรรถพล หมิดเจริญ

คุณอรรถพล หมิดเจริญ อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 10 ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ที่เห็นถึงความสำคัญของการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรนั้นก็คือ การแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพราะเมื่อเขามีโอกาสได้กลับมายังบ้านภรรยา จะเห็นพ่อตาเก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ส่งจำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว ทำให้ได้ในราคาที่ถูก เมื่อเขาได้มีโอกาสกลับมาอยู่บ้านเกิดภรรยาอย่างถาวร จึงได้นำความรู้ที่มีมาทำการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์จำหน่ายเอง จึงทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มและจำหน่ายได้ราคาดีอีกด้วย

ต้นมะม่วงหิมพานต์

คุณอรรถพล เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเป็นหนุ่มโรงงานอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยสมัยนั้นก็มีโอกาสได้เดินทางไปยังบ้านเกิดภรรยาที่จังหวัดอุบลราชธานีอยู่เสมอในช่วงวันหยุดประจำปี และกิจกรรมที่ต้องช่วยพ่อตาทำอยู่เสมอนั้นก็คือ เก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ส่งจำหน่ายให้กับคนที่มารับซื้อ ราคาแบบยังไม่ผ่านการแปรรูป ได้เพียงกิโลกรัมละ 20-25 บาท จึงมองว่าถ้าเก็บจำหน่ายอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจไม่ได้กำไรเท่าที่ควร เมื่อเขามีโอกาสได้ย้ายมาอยู่ จึงได้มาผลิตแบบครบวงจร ด้วยการแปรรูปจำหน่ายเองเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี

นำเม็ดที่ได้มาคัดขนาดไซซ์

“ช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ได้มาทำ ผมก็ได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยหาข้อมูลต่างๆ จากแหล่งเรียนรู้ที่เราพอจะหาได้ และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาโรงงานที่ผมทำประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จะจ้างคนออก ผมก็เลยตัดสินใจสมัครใจลาออกมา และก็กลับมาอยู่บ้านเกิดของภรรยา และนำเงินก้อนนั้นที่ได้ มาลงทุนเครื่องกะเทาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และทำแบบครบวงจร เพราะต้นมะม่วงหิมพานต์บ้านภรรยาปลูกอยู่ก่อนแล้ว เราก็แค่มาทำให้เป็นระบบมากขึ้น” คุณอรรถพล บอก

ในขั้นตอนของการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์จนกว่าจะได้ผลผลิตพร้อมจำหน่าย คุณอรรถพล เล่าถึงขั้นตอนให้ฟังว่า ในแต่ละวันจะเก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่แก่จัดร่วงหล่นเองตามธรรมชาติ จากนั้นนำเอามาบิดแล้วคัดเอาแต่เม็ดเพียงอย่างเดียว เมื่อได้เม็ดมะม่วงหิมพานต์มาแล้ว จากนั้นมาคัดไซซ์และขนาด พร้อมกับดูความสมบูรณ์ของเม็ดให้ได้คุณภาพที่สุด

เม็ดที่ร่วงหล่นเองตามธรรมชาติ

เมื่อคัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์จนได้แต่คุณภาพล้วนๆ ก็จะนำมาตากแดดอย่างน้อย 4-5 วัน เมื่อตากแดดแห้งพอสมควรแล้ว ก็จะนำมาใส่กระสอบเก็บไว้ โดยการเก็บรักษาหากยังไม่ได้นำออกมากะเทาะในทันทีสามารถเก็บไว้ได้เป็นปี ซึ่งมะม่วงหิมพานต์ไม่ได้ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี เขาก็จะใช้วิธีนี้ในการเก็บรักษา และเมื่อมีลูกค้าต้องการสินค้าก็จะนำออกมากะเทาะตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง จึงทำให้สามารถมีผลผลิตจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี

เม็ดที่ยังไม่กะเทาะ ต้องตากแดด 5 วัน

“พอสินค้าที่เราส่งจำหน่ายไปเริ่มหมด เราก็จะเอาที่เราเก็บไว้ค่อยๆ ออกมากะเทาะใหม่ ก่อนที่จะกะเทาะต้องนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปต้มในน้ำก่อน 30 นาที เมื่อเห็นว่าเปลือกนิ่มแล้ว หลังจากนั้น ก็จะนำมากะเทาะเปลือกออก จนได้เม็ดข้างในออกมาแล้ว เราก็จะนำไปเข้าตู้สำหรับตากแดดอีกประมาณ 3 แดด เมื่อผ่านการตากแดดแล้ว เราก็จะนำมาลอกเยื่อที่เม็ดออกอีกครั้งหนึ่ง ก็จะเห็นเป็นเม็ดในขาวๆ สวยๆ จากนั้นนำเม็ดในมาอบผ่านลมร้อน ประมาณ 40 นาที หลังจากอบเสร็จแล้วก็บรรจุภัณฑ์ ส่งจำหน่ายได้ทันที” คุณอรรถพล บอก

การกะเทาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ในเรื่องของการทำตลาดนั้น คุณอรรถพล บอกว่า เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นสินค้าที่คนทั่วไปรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สินค้าจึงขายตัวมันเอง โดยที่เขาไม่ต้องไปโปรโมตอะไรมาก เพียงแต่ต้องผลิตสินค้าให้สดใหม่และมีคุณภาพอยู่เสมอ และการจำหน่ายหลักๆ ก็จะใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นตัวช่วย ดังนั้น เมื่อลูกค้าที่ได้ลองซื้อไปรับประทานก็จะบอกกันไปปากต่อปาก ทำให้แต่เดิมจากที่จำหน่ายผลสดได้ราคาน้อย แต่ตอนนี้ผลผลิตทั้งหมดสามารถนำมาแปรรูปเอง เพิ่มมูลค่าสินค้าได้เป็นอย่างดี

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ขาวๆ เม็ดใหญ่

“ตอนนี้ผมทำอยู่กับแฟน 2 คน ช่วยกันกะเทาะเอง ช่วยเรื่องการเก็บผลผลิตมาจากสวนก็จะเป็นพ่อตาทำ เรามีการแบ่งหน้าที่ทำกันอย่างชัดเจน ตอนนี้สัปดาห์หนึ่งเราสามารถมีสินค้าจำหน่ายได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลกรัม ราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 500-600 บาท ตอนนี้ก็มีคนมารับซื้อไปจำหน่ายต่อ ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่า พอเรามาแปรรูปแบบครบวงจรจำหน่ายเอง ทำให้สินค้าเรามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว” คุณอรรถพล บอก

หลังกะเทาะต้องนำมาตากแดดในตู้อีก 3 แดด

ในช่วงท้ายนี้ คุณอรรถพล ได้กล่าวความในใจว่า เขารู้สึกโชคดีที่ได้ตัดสินใจออกมาทำงานทางด้านการเกษตร คือการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบครบวงจรจำหน่ายเอง เพราะบ้านของภรรยามีวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตส่งจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี จึงทำให้เขาไม่ต้องจากครอบครัวไปไกลเพื่อหารายได้ แต่สามารถทำรายได้ที่อยู่รอบตัวเขาได้อย่างง่ายๆ และที่สำคัญได้อยู่กับครอบครัวและคนที่เขารักในทุกๆ วัน

การอบให้สุกผ่านลมร้อน

สำหรับท่านใดที่อยู่จังหวัดใกล้เคียง สนใจการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือต้องการคำแนะนำในเรื่องของการปลูกและการแปรรูปต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอรรถพล หมิดเจริญ หมายเลขโทรศัพท์ (092) 406-9335

พร้อมบรรจุภัณฑ์ส่งจำหน่ายได้ทันที