ถุงดักแมลงเม่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำง่าย ไม่ต้องลงทุนสักบาท

สมัยผู้เขียนยังเป็นเด็ก เมื่อมีงานต้องใช้เครื่องปั่นไฟ หลอดไฟสีสวยๆ มักเต็มไปด้วยแมลง พระเอกของงานคือ แมลงเม่า

ถ้าเป็นหลอดไฟสีม่วง ก็มักจะได้แมงดานาเป็นของแถม

เด็กๆ ชอบจับแมงดานา ขณะที่หนุ่มๆ สาวๆ เต้นรำวงกันเชิ้บๆ บนเวที เราเด็กๆ จะสนุกกับการไล่จับแมงดา เวลาแมงดาบินมาเราไม่ได้ยินเสียง เพราะเสียงเชียร์รำวงกลบไปหมด เราต่างคอยมองใกล้ๆ หลอดไฟ เวลาแมงดาบินมามันจะวนหลอดไฟ แล้วก็ตกดินดังตุ้บ คราวนี้เป็นเวลาสนุกของเด็กๆ ต่างคนต่างแย่งกันจับ

แมงดามีเขี้ยวพิษ ใครถูกต่อยจะปวดเอามากๆ เรารู้เรื่องเขี้ยวของมันเป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อจับได้ก็จะเด็ดเขี้ยวมันออก แล้วก็ใส่ถุงปิดปากไว้ รอตัวใหม่บินมาต่อไป

การรอคอยน่าเบื่อตรงแมลงเม่ามันมามากเหลือเกิน

แมลงเม่า ทำไมต้องบินเข้ากองไฟ ทำไมมันถึงเห็นแสงสีไม่ได้ สมัยเด็กๆ ถามผู้ใหญ่ท่านก็บอกว่าเพราะมันเป็นแมลงเม่า มันชอบแสงไฟ เมื่อเห็นแสงไฟมันก็จะบินมาตาย สรุปความได้ว่า ไม่มีความกระจ่างใดๆ จึงได้แต่เก็บความสงสัยสืบมา

พอโตขึ้นก็ลองค้นดูในหนังสือ ได้ความว่าแมลงเม่าบินเข้าหาแสงไฟเพราะมันตอบสนองต่อสิ่งเร้าตามสัญชาตญาณที่มันมีมาแต่กำเนิด ดังนั้น ยามใดที่มันออกมาเห็นแสงไฟ มันก็จะบินเข้ามาโดยไม่รู้ว่ามันจะต้องมาตายหรือไม่ตาย

เราชาวบ้านจึงเปรียบกลุ่มคนที่กรูเกรียวกันไปทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิด หรือไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ไว้ก่อน ว่าเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ยกตัวอย่างเช่น คนพากันไปลงทุนเล่นแชร์ แล้วโดนหลอกลวงเอาเงินไปเป็นต้น

เครื่องมือจับแมลงเม่าสมัยเด็กๆ เห็นผู้ใหญ่นำเอาใบตองกล้วยมาทาน้ำมัน แล้วก็นำไปแขวนไว้ใกล้ๆ ดวงไฟ ปรากฏว่าแมลงต่างๆ มันจะบินไปติด บ้างก็ตกมาตายเบื้องล่าง ตอนเช้าๆ เมื่อเดินไปบริเวณที่ติดตั้งดวงไฟ จะเห็นแมลงตายเป็นกอง

การจับแมลงเม่าสมัยเด็กๆ ที่เห็นอยู่บ่อยๆ อีกอย่างคือ นำน้ำใส่กะละมังขนาดใหญ่ไปวางใกล้หลอดไฟ ไม่นานแมลงเม่าก็จะบินไปตกลง เด็กบางคนชอบกินแมลงเม่าคั่วกับน้ำเกลือ ผู้เขียนเองสมัยเด็กๆ ก็เช่นกัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมถึงได้เอร็ดอร่อยปานนั้น

การดักจับแมลงเม่า ผู้เขียนไปงานเพื่อนที่สุพรรณฯ ปรากฏว่าพบวิธีการดักจับนอกเหนือจากที่เคยรู้ๆ มาคือ นำถุงพลาสติกใสๆ มาใช้สก๊อตเทปติดไว้ที่หลอดไฟ แมลงเม่าจะบินเข้าไปเอง

เพื่อความกระจ่างใจ เมื่อกลับมาบ้านจึงลองทำดู

รอจนมืดค่ำ แมลงเม่าเริ่มออกอาละวาด มันบินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ หลอดไฟเริ่มจาก 2-3 ตัว นานเข้าก็กลายเป็นฝูง ผู้เขียนหยิบถุงใส่แกงใสๆ ในตู้กับข้าวมา 1 ใบ นำสก็อตเทปใสจากโต๊ะเขียนหนังสือมาติดปากถุง ม้วนปากถุงให้เปิดกว้างเข้าไป แล้วเอาเก้าอี้รองตัวเอื้อมติดไว้ที่หลอดไฟ

 

ไม่นานบรรดาแมลงเม่าก็ทยอยกันเข้าไปในถุง

สาเหตุที่มันเข้าไปอยู่ในถุง ไม่แน่ใจว่าเพราะเห็นเพื่อนๆ เข้าไปอยู่ หรือว่าเพราะความซุกซนของมัน เรื่องนี้ไม่อาจสรุปได้แน่ชัด รู้แต่ว่ามันเข้าไปอยู่ในถุงจริงๆ ไม่นานก็ทยอยเข้าไปจนเหลือน้อยเต็มที จนกระทั่งไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว

ถ้าเป็นสมัยเด็กๆ ผู้เขียนคงเอาไปคั่วกับน้ำเกลือบางๆ แต่ตอนนี้ ไม่มีความปรารถนาอย่างนั้นแล้ว จึงรอให้แน่ใจว่ามันไม่มีบินอีกแล้ว จึงแกะสก๊อตเทปออกแล้วรวบปากถุง เดินออกไปเททิ้งไกลๆ บ้าน

เทออกไปแล้วก็ไม่อยากหันไปดูว่า มันจะรอดกี่ตัว ตายกี่ตัว หรือว่าครึ่งเป็นครึ่งตายกี่ตัว ทำได้เพียงบอกตัวเองว่า ถ้ารอดก็จงบินกลับรังไป ถ้าไม่รอดก็ขอให้ไปเกิดใหม่ตามที่ใจปรารถนาเถิด อย่าได้มาเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

แมลงต่างๆ เราชาวบ้านมีวิธีการกำจัดหลายวิธี นอกจากใช้กะละมังใส่น้ำล่อแล้ว ยังพบวิธีใหม่ที่ได้ผลคือ นำถุงพลาสติกใสไปติดที่หลอดไฟ ให้มันบินเข้าเอง วิธีนี้ดีตรงไม่จำเป็นต้องฆ่ามันก็ได้ เพราะเมื่อมันเข้าไปในถุงแล้ว เราก็เอาไปทิ้งไกลๆ บ้านได้

เราชาวบ้านนอกจากอยู่กับพืชพันธุ์ต่างๆ แล้ว ยังต้องพบกับสัตว์ต่างๆ อีกด้วย สัตว์ที่กินได้เราก็จับเอามากิน

ส่วนสัตว์ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญอย่าง แมลงเม่า เราก็มีวิธีจัดการต่างๆ กันไป