ที่มา | คิดเป็นเทคโนฯ |
---|---|
ผู้เขียน | สาวบางแค22 |
เผยแพร่ |
ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าว GI ไทย เพียงแค่เมล็ดข้าว ยังไม่นับการแปรรูปก็ทรงคุณค่า เพราะเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อทั่วโลก มีโอกาสสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้มากมายมหาศาล ในวันนี้ บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน) กำลังพาข้าวไทยบุกขยายตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของข้าวทุกเม็ด เห็นคุณค่าความเหนื่อยยากของชาวนา พร้อมชักชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมเรียนรู้ให้ความสำคัญกับ “ข้าว” ที่เป็นมากกว่าอาหาร แต่เป็นจุดกำเนิดความสุขของคนไทยทุกครอบครัว
จุดเริ่มต้นของ “กอระ”
นางสาวกรชวัล สมภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า ข้าวหอมมะลิ เป็นสินค้าขายดีในตลาดโลก แต่เจอปัญหาราคาข้าวตกต่ำอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ทำให้ชาวนามีฐานะยากจน เป็นแรงบันดาลใจสำคัญทำให้ตนซึ่งเป็นลูกหลานชาวนาทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด มีจิตมุ่งมั่น อยากพัฒนาบ้านเมืองของตนเอง
แรงบันดาลใจดังกล่าวก่อกำเนิด บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน) ในเวลาต่อมา โดยมีเป้าหมายให้ บริษัท “กอระ” ที่มีความหมายถึง กร หรือ มือ ผู้ก่อ ผู้ริเริ่ม ให้เกิดความรุ่งเรืองของแผ่นดิน ทำหน้าที่ยกระดับข้าวไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาไทย โดยเริ่มต้นในหมู่บ้านบ้านดงครั่งใหญ่ของตนเอง จังหวัดของตนเอง และขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกันอยากให้ลูกหลานชาวนารุ่นต่อไปได้กลับมาอยู่บ้านเกิดด้วยความรัก ความภาคภูมิใจและหวงแหนแผ่นดินตัวเอง
จังหวัดร้อยเอ็ด เป็น 1 ใน 5 แหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดของไทย กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกรมการข้าวได้ขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (Khao Hom Mali Thung Kula Rong Hai) กับสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 และสหภาพยุโรปได้รับขึ้นทะเบียนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 4 มีนาคม 2556
กล่าวได้ว่า “ทุ่งกุลาร้องไห้” ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เป็นฐานการผลิตข้าว และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวคุณภาพดีสู่ตลาดโลก ดังนั้น บริษัท กอระ จึงมุ่งมั่นส่งเสริมให้มีการผลิตข้าวหอมมะลิในระบบเกษตรอินทรีย์ เพราะตลาดโลกมีความต้องการมาก แถมขายได้ราคาดี 500-1,000 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนในประเทศ ขายได้ที่กิโลกรัมละ 250 บาท ทำให้ บริษัท กอระ สามารถรับซื้อข้าวหอมมะลิอินทรีย์จากชาวนาได้ในราคาสูง 16,000-20,000 บาท ต่อตัน
ทุกวันนี้ กอระ มีแปลงนาปลูกข้าวอินทรีย์ของตัวเอง 500 ไร่ และสร้างเครือข่ายชาวนา ในชื่อ “คลัสเตอร์แปลงนาข้าวหอมมะลิออร์แกนิกภาคอีสาน” มีแปลงนาปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์รวมกันกว่า 50,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ และยโสธร ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าหมายขยายคลัสเตอร์แปลงนาทั่วประเทศเป็น 200,000 ไร่
พัฒนานวัตกรรมข้าวไทย
กอระ มุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวไทยด้วยนวัตกรรม ในรูปแบบ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ีมาจากข้าวทุกสายพันธุ์ เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากข้าวไทย ส่งเสริมด้านสุขภาพตามแนวคิดอาหารเป็นยา โดยนำเสนอผ่านเรื่องราวของการพัฒนาคนจากฐานรากฐานแผ่นดิน ผ่านรูปแบบโรงเรียนชาวนา Smart Farmer
สาธิตผ่านแปลงนาอินทรีย์ จำนวน 200 ไร่ เริ่มต้นตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การส่งขายในประเทศ และการส่งออกระหว่างประเทศ รวมทั้งวางแผนก่อสร้างโฮมสเตย์ และศูนย์วิจัยเกี่ยวกับข้าวและนวัตกรรมข้าวไทย สู่ตลาดโลกโดยพัฒนาความร่วมมือระหว่างชาวนาไทยและชาวนาญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ออกสู่ตลาดแล้ว ได้แก่ ข้าวอบกรอบ แบรนด์ กอระ ฟาร์เมอร์ (Kora Farmer) มีแนวคิดของการทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยทุกกล่องที่ซื้อ บริจาคให้การกุศล 10 สตางค์
ปี 2561-2562 กอระ บรรลุเป้าหมายในการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิแดง และผลิตภัณฑ์จากข้าวแปรรูปไปแล้ว สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าได้อีกอย่างน้อย 30% สำหรับตลาดในประเทศ และเพิ่มขึ้น 50-100% ในตลาดต่างประเทศ
ปี 2563-2565 กอระ วางเป้าหมายผลิตและแปรรูปข้าวทุกสายพันธุ์ในประเทศ ให้มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยผลิตตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง พร้อมต่อยอดด้วยการผลิตสินค้าจากข้าวและสมุนไพร เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าหมวดสุขภาพและนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองการวิจัยทั้งในประเทศและระดับสากล ซึ่งในอนาคตจะเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าสูงให้แก่ทางบริษัท
นอกจากนี้ กอระ มุ่งลดการสูญเสียจากกระบวนการผลิต (Zero West) โดยในส่วนของข้าวเต็มเม็ดนำไปสร้างมูลค่าเป็นข้าวพรีเมี่ยม ในส่วนของปลายข้าวและจมูกข้าวที่อุดมไปด้วยสารอาหารระดับสูงนำมาผลิตเป็นสินค้าในกลุ่ม Rice crackers และซีเรียล ทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเช้าเพื่อจำหน่ายได้ทั่วโลก
กอระ ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ภูมิปัญญาของเกษตรกรไทยสนับสนุนและส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ให้เกษตรกรและรับซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด เพื่อนำไปแปรรูปโดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย โดยเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาครัฐ ผลิตสินค้า 2 ระดับ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าระดับบน เน้นด้านสุขภาพ และระดับกลางเพื่อสร้างธุรกิจอาหารในตลาดค้าปลีกในประเทศ
นอกจากผลิตและจำหน่ายสินค้าในชื่อ แบรนด์ “กอระ” แล้ว ทางบริษัทยังขยายตลาดในลักษณะการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดร้อยเอ็ดและปัตตานี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนธันวาคม 2563
การกำหนดกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์และสอดคล้องกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับ “ข้าวไทย” โดยการนำผลงานวิจัยมาช่วยในเรื่องภาคการเกษตร เพื่อยกระดับมาตรฐานให้แก่เกษตรกรไทย ให้สามารถลงมือทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแนวทางที่ทางบริษัทได้ดำเนินการพร้อมแผนรองรับใน 5 ปี เชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืน
ขยายตลาด
กอระ ขยายตลาดในประเทศ ในรูปแบบ B2B และ B2C โดยมีช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ท็อปส์ มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, เซเว่น อีเลฟเว่น, ไปรษณีย์ไทย และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ส่วนตลาดต่างประเทศ (โมเดลแบบ B2B) กำลังเตรียมพร้อมในการจำหน่ายผ่านทางบริษัทคู่ค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดกลุ่มสำคัญ ได้แก่ ตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจีน
พร้อมวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เน้นเจาะกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมในต่างประเทศ อาทิ ในปี 2563-2565 จะผลิตและแปรรูปข้าวทุกสายพันธุ์ในประเทศ โดยเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองการวิจัยทั้งในประเทศและระดับสากล ซึ่งในอนาคตจะเป็นสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าสูง
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาสนใจรักสุขภาพมากขึ้น ผลักดันยอดขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์ให้มียอดขายสูงขึ้นมากทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น จีน ยุโรป อาหรับ ยังมีความต้องการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกมาก กอระ คาดว่าปีนี้จะผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ตัน จากปีก่อนที่มีกำลังผลิต 10,000 ตัน ในปีนี้ กอระ คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 250 ล้านบาท เติบโตจาก ปี 2562 กว่า 500% ที่มีรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท” คุณกรชวัล กล่าว
สินค้าขายดี ติดตลาด
ทุกวันนี้ สินค้าขายดีติดตลาดของกอระ ได้แก่ ข้าวอินทรีย์คัดเกรดพรีเมี่ยม จาก 3 สายพันธุ์ คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวสังข์หยด และข้าวหอมมะลิแดง ผลิตในระบบข้าวอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทุกชนิด เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ข้าวทุกเมล็ดผลิตจากความใส่ใจในทุกขั้นตอนการปลูก เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสรับประทานข้าวคุณภาพดี ปลอดภัยจากสารพิษ
ชาใบข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ได้แรงบันดาลใจจากต้นกล้าในท้องทุ่งนา ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า และเป็นอีกหนึ่งก้าวในการพัฒนาข้าวไทย ช่วยเหลือเกษตรกรไทย
นอกจากนี้ กอระ ยังมี ผลิตภัณฑ์ชา วาเลนติกา ชาสมุนไพรไทยแท้ ที่ไม่มีกาเฟอีน จากหมู่บ้านเล็กๆ กลางป่าลึกทางตอนเหนือของไทย ปลูกในพื้นที่ป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ระดับความสูง 1,200 เมตร มีกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ใบชาถูกดูแลตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการผลิต ขั้นตอนการอบด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อยังคงสารสำคัญ คุณภาพของชาสมุนไพรที่มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ชาวาเลนติกา มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง บำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยปกป้องม่านตาและลดความเสี่ยงจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ฯลฯ
“ขนมอบกรอบ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ มีวางขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่ ปี 2562 และ กอระซีเรียล (Kora Cereal) แปรรูปจากข้าวไทย 3 ชนิด อร่อยดี มีประโยชน์ เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารเช้า หรือเป็นอาหารว่าง รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ให้พลังงานเพียง 100 กิโลแคลอรี มีวางขายที่ห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล
ปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิ และ ผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์แปรรูป จากข้าวไรซ์เบอร์รี่ เช่น ขนมอบกรอบ และชาใบข้าวหอมมะลิ ปลอดสาร 100% ของ กอระ กลายเป็นสินค้าอัตลักษณ์ของเมืองร้อยเอ็ดไปแล้ว จึงอยากเชิญชวนคนไทยมาร่วมกันอุดหนุนสินค้าของฝากของดีจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ผลิตโดยลูกหลานชาวนาทุ่งกุลาร้องไห้ ให้เจริญเติบโตในตลาดได้อย่างแข็งแรง จะซื้อรับประทานเองหรือซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจคนรับ เพราะผลิตภัณฑ์สินค้า กอระ ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ผู้สนใจ ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ บริษัท กอระ เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 52 หมู่ที่ 2 ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 เบอร์โทร. 043-039-755 และ 093-446-9798