ฟ้าทะลายโจร สู้ไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

จากการทบทวนงานวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจร พบข้อมูลดังต่อไปนี้

1. ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจด้วย 4 กลไก ได้แก่ การป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ การลดการแบ่งตัวของไวรัส การเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบที่ปอด ซึ่งกลไกดังกล่าวเป็นการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง

2. มีงานวิจัยในมนุษย์ว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถบรรเทาอาการหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ผลดี จึงถูกบรรจุอยู่ในบัญชีหลักแห่งชาติ ด้วยข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการหวัด

3. งานวิจัย Andrographis paniculate for symptomatic relief of acute respiratory tract infections in adults and children : A systematic review and meta-analysis ที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ที่รวบรวมงานวิจัยของฟ้าทะลายโจรทั้งชนิดเดี่ยวและตำรับ พบว่า มีการวิจัยในคน ทั้งหวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ รวมทั้งปอดบวม (การวิจัยปอดบวมมี 1 ชิ้น)

เมื่อประเมินจากหลักฐานทางวิชาการ และความจำเป็นทางการแพทย์ อาจนำฟ้าทะลายโจรมาใช้ร่วมกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการคล้ายหัด (flu like symptoms) โดยใช้ในขนาด 6-12 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ 60-120 มิลลิกรัมต่อวัน (แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง)

การใช้เพื่อป้องกันยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่หากผู้ป่วยมีอาการหวัดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ซึ่งยังไม่เข้าเกณฑ์ ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ patient under investigation (PUI) ก็สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้งได้ และเมื่อหายแล้วสามารถหยุดยาได้ทันที

การทำให้ร่างกายแข็งแรงในคนทั่วไป สามารถใช้สมุนไพรที่มีหลักฐานทางวิชาการในการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยในขนาดต่ำๆ หรือในรูปแบบของอาหาร เช่น มะขามป้อม ชะเอม มะนาว กระเทียม หอมใหญ่ หอม พลูคาว สันพร้าหอม กะเพรา ตะไคร้ เป็นต้น

การเก็บมาใช้

เมื่อปลูกต้นได้ 3-6 เดือน จะเป็นเวลาที่ดอกเริ่มบาน ประมาณร้อยละ 25-30 ให้ตัดยอด 1 ฝ่ามือ มาใช้ทำยาได้ เหลือตอไว้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 1-3 เดือน จะเริ่มออกดอกอีกครั้ง พอดอกเริ่มบานก็เก็บมาใช้ได้อีก ฟ้าทะลายโจร 1 ต้น สามารถเก็บมาทำยาได้ 2-4 ครั้ง จากนั้นก็รอเก็บเมล็ดเพื่อใช้ทำพันธุ์ต่อไป ซึ่งใบขณะที่ต้นเริ่มออกดอกจะมีสารสำคัญทางยาสูงที่สุด ส่วนของต้นฟ้าทะลายโจรที่เก็บมาทำให้แห้งจะเก็บไว้ได้ 1 ปี

เภสัชตำรับสมุนไพรของประเทศไทย กำหนดให้วัตถุดิบเหนือดินของฟ้าทะลายโจรมีปริมาณ total lactone (คำนวณจากแอนโดรกราโฟไลด์) ไม่น้อยกว่า 6% โดยน้ำหนัก ซึ่งจากประสบการณ์ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถ้าเก็บตอนเริ่มออกดอก ปริมาณของสารสำคัญดังกล่าวจะสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้มาก

ตำรับยาและวิธีใช้ในขนาดของการรักษา มีดังนี้

1. ยาชง นำใบประมาณ 5-7 ใบใส่ในแก้ว ใช้ใบสดหรือแห้งก็ได้ แต่ถ้าได้ใบสดจะดีกว่า เติมน้ำเดือดลงไปจนเกือบเต็มแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงหรือพอยาอุ่นแล้วรินเอาน้ำกิน

ขนาดที่ใช้ ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร

2. ยาต้ม ใช้ฟ้าทะลายโจรทั้งต้นและใบ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว ให้เดือดนาน 10-15 นาที ถ้าต้มให้เดือดไม่นานพอ ยาจะมีกลิ่นเหม็นเขียว กินยาก ควรกินยาในขณะที่ยาอุ่น กินแล้วหาของกินที่เปรี้ยวๆ เค็มๆ กลบรสขมเสีย ขนาดที่ใช้ ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร

3. ยาเม็ด เด็ดใบสดมาล้างให้สะอาด ตากแดด 1-2 วัน จนใบแห้งกรอบสีเขียวเข้ม บดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเป็นเม็ด ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง แล้วผึ่งลมให้แห้ง ถ้าปั้นกินขณะที่ยังเปียกอยู่จะขมมาก ขนาดที่ใช้ ครั้งละ 5-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร4. ยาแคปซูล แทนที่จะเอาผงยาที่ได้มาปั้นเป็นเม็ด ก็นำมาใส่แคปซูลเพื่อกลบรสขมของยา ควรใช้แคปซูลขนาดเบอร์ศูนย์

ขนาดที่ใช้ ครั้งละ 2-4 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร

ภูมิคุ้มกันสำคัญที่สุดคือ การกินผักหลากสี อาหาร 5 หมู่ นอนหลับเพียงพอ ออกกำลังกาย ได้รับแสงแดดบ้าง

ข้อห้ามใช้

– ห้ามกินในหญิงมีครรภ์และให้นมบุตร

– ตำราจีน กล่าวไว้ว่า คนที่กระเพาะม้ามเย็นพร่องห้ามกิน ถ้าใช้จะเกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน มึนงง ท้องอืด หากเกิดอาการข้างต้นควรหยุดยา แต่ถ้าต้องการจะใช้ให้ลดปริมาณยาลง เช่น คนปกติกิน 3-4 เม็ด คนที่ความดันโลหิตต่ำ ก็ลดลงเหลือ 1-2 เม็ด หรือผสมพริกไทยเพื่อลดความเย็นของฟ้าทะลายโจร

การผสมใช้ฟ้าทะลายโจร 1-1/2 ช้อนชา พริกไทย 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมปั้นเป็นเม็ดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง กินครั้งละ 3-5 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารหรือกินยาร้อนอื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น ขิง ตะไคร้ กะเพรา เข้ามาช่วยก็ได้ และไม่มีเอกสารอ้างอิงในองค์ความรู้เดิมแต่อย่างใด ในการห้ามกินฟ้าทะลายโจรเกิน 7 วัน เพียงแต่มีข้อแนะนำว่า ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจรในขนาดสูงๆ เป็นเวลานาน เพราะเป็นยาเย็นจัดเท่านั้น

ข้อควรระวัง

1. บางคนกินยานี้แล้วอาจจะเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดเอว เวียนหัว ปวดหัว ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นให้หยุดยา หรือลดขนาดของยาโดยทั่วไป เมื่อหยุดยาแล้ว อาการเหล่านี้จะหายเองภายใน 1-3 วัน

2. เวลาเป็นไข้แล้วมีอาการหนาวเย็นหรือหนาวสะท้าน ถ้าจะกินฟ้าทะลายโจรต้องระวังให้มาก เพราะเมื่อกินเข้าไปอาจจะทำให้เกิดอาการหนาวสั่นมากขึ้นอีก เนื่องจากฟ้าทะลายโจรเป็นยาเย็นจัด

3. ควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้

แก้ไข้หวัด

การใช้ฟ้าทะลายโจรที่ให้ผลดีและออกฤทธิ์ได้เร็วที่สุดในการแก้ไขหวัด คือถ้าเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ทำท่าว่าจะเป็นไข้แล้ว รีบกินฟ้าทะลายโจรจะได้ผลดี ถ้าเป็นมา 2-3 วัน แล้วค่อยมากินยาจะไม่ค่อยได้ผลหรือได้ผลน้อย

เมื่อเป็นหวัด รักษาร่างกายให้อบอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นมากๆ สำหรับสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ การดื่มของเย็น งดกินของมันและของหวาน เพราะทำให้เกิดเสมหะและไอมากขึ้น

ซึ่งโดยทั่วไปการดูแลรักษาตนเองตามวิธีดังกล่าวข้างต้น อาการจะดีขึ้นในเวลาเพียง 1-2 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน โดยเฉพาะหากไข้ไม่ลด ไอเจ็บคอมากขึ้น เสมหะข้นเหนียวและมีสีเหลืองหรือสีเขียว ควรรีบไปพบแพทย์