ไขทุกข้อสงสัย! ‘หัวกะทิ’ vs ‘หางกะทิ’ ต่างกันตรงไหน บอกหมดเปลือก

เมื่อพูดถึง “กะทิ” หลายคนคงนึกถึงหัวใจของเมนูอาหารไทยทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน ห่อหมก หรือขนมครก แต่เคยสงสัยกันไหมว่า “หัวกะทิ” กับ “หางกะทิ” ที่มักถูกพูดถึงในสูตรอาหารต่างๆ นั้นต่างกันอย่างไร? มาดูกันแบบละเอียดเข้าใจง่าย พร้อมเคล็ดลับการใช้ให้เหมาะกับอาหารแต่ละจาน

สายเข้าครัวทำอาหารต้องรู้ กะทิเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารทั้งคาวและหวาน ทำได้หลากหลายเมนู ตั้งแต่แกงกะทิ ต้มกะทิ น้ำยำที่มีส่วนผสมของกะทิ โดยเฉพาะขนมไทยหลายเมนูที่ใช้ “กะทิ” เป็นวัตถุดิบ ช่วยทำให้อาหารมีรสชาติหวานมัน กลมกล่อม อร่อยลงตัวมากยิ่งขึ้น

หัวกะทิ คืออะไร?

หัวกะทิ คือส่วนของกะทิที่ได้จากการคั้นมะพร้าวขูดครั้งแรกโดยไม่ผสมน้ำ หรือใช้น้ำน้อยที่สุด มีลักษณะเป็นครีมข้น หนา และมีความมันสูง เพราะมีปริมาณน้ำมันมะพร้าวเข้มข้น หัวกะทิเป็นตัวชูรสสำคัญของเมนูที่ต้องการความมันละมุน เช่น

  • แกงกะทิที่ต้องการให้มีกลิ่นหอมมัน เช่น แกงเขียวหวาน
  • ขนมหวาน เช่น ขนมหม้อแกง ขนมครก
  • น้ำพริกกะทิ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ

หางกะทิ คืออะไร?

หางกะทิ คือกะทิที่ได้จากการคั้นครั้งที่สองหรือครั้งถัดๆ ไป โดยเพิ่มน้ำลงในกากมะพร้าวขูดจากการคั้นครั้งแรก หางกะทิมีลักษณะเหลวกว่า ความมันน้อยกว่า และเนื้อสัมผัสบางเบากว่าหัวกะทิ เหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการเพิ่มความกลมกล่อมโดยไม่ให้หนักหรือมันเกินไป เช่น

  • การทำแกงเพื่อให้มีน้ำแกงเยอะ เช่น แกงเลียง หรือแกงส้ม
  • ใช้แทนน้ำในขั้นตอนต้มอาหาร

วิธีการแยกหัวกะทิและหางกะทิ

  1. ขูดเนื้อมะพร้าวสด 1 ลูก (ประมาณ 400-500 กรัม)
  2. คั้นมะพร้าวขูดครั้งแรกโดยไม่เติมน้ำ จะได้ “หัวกะทิ” ข้นมัน
  3. เติมน้ำอุ่นในกากมะพร้าวที่คั้นเสร็จแล้ว จากนั้นคั้นครั้งที่สองหรือสาม จะได้ “หางกะทิ”

หากใช้กะทิกล่องที่ขายตามท้องตลาดก็สามารถแยกหัวและหางได้ง่ายๆ โดยการพักกะทิไว้ในตู้เย็น 1-2 ชั่วโมง เมื่อกะทิแยกชั้น ส่วนข้นด้านบนจะเป็นหัวกะทิ ส่วนเหลวด้านล่างจะเป็นหางกะทิ

เคล็ดลับการใช้หัวกะทิและหางกะทิในอาหาร

  • หัวกะทิ ควรใส่ในขั้นตอนสุดท้ายหรือใกล้เสร็จเพื่อไม่ให้แตกมันเร็ว
  • หางกะทิ ใช้ในขั้นตอนการต้มและเคี่ยวเพื่อละลายเครื่องแกงและเพิ่มน้ำซุป

ทำไมการเลือกใช้หัวและหางกะทิจึงสำคัญ?

การเลือกใช้หัวกะทิหรือหางกะทิในเมนูอาหารไทยไม่ได้เป็นแค่เรื่องของรสชาติ แต่ยังช่วยสร้างเนื้อสัมผัสและความสมบูรณ์แบบในจานอาหารอีกด้วย การใช้กะทิอย่างเหมาะสมจะช่วยดึงเสน่ห์ของอาหารไทยออกมาได้อย่างเต็มที่

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเข้าครัวหรือมือโปรที่อยากเพิ่มเสน่ห์ปลายจวัก หัวกะทิและหางกะทิที่ใช้อย่างถูกต้องจะช่วยทำให้อาหารของคุณออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

กะทิมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ อิเล็กโทรไลต์ โพแทสเซียม แคลเซียม และคลอไรด์ไขมันอิ่มตัว ถึงจะมีประโยชน์มากมายแบบนี้แต่อย่าลืมว่ากะทิมีไขมัน และอาหารหรือของหวานที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบมักมีน้ำตาลสูง ควรบริโภคแต่พอเหมาะ
ขอบคุณภาพจาก : mydiningchef.com