ธีรวุธ ปัทมาศ หัวหน้าศูนย์ภูฟ้าพัฒนา “สมเด็จพระเทพฯ ยังทรงเป็นห่วงความเป็นอยู่ของราษฎรในอำเภอบ่อเกลือ”

หลายปีมานี้ “ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา” ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้น ใช่จะเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองน่าน โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือนศูนย์แห่งนี้หลายหมื่นคน รวมถึงคณะต่างๆ ที่ไปศึกษาดูงานด้านการเกษตรและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรด้วย

ศูนย์แห่งนี้ตั้งขึ้นมาหลังจากที่พระองค์ท่าน เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรบ่อเกลือสินเธาว์ หรือเกลือบนภูเขา ที่บ้านบ่อหลวง อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2538 ทรงเข้าใจถึงปัญหาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารที่ต้องอยู่อย่างยากลำบาก และมีบางส่วนต้องถากถางป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาป่าไม้ถูกบุกรุก ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย รวมถึงต้นน้ำลำธาร

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงมีพระราชดำริให้ดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในโรงเรียนและศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พร้อมกันนั้นทรงขยายงานพัฒนาด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อพัฒนาอาชีพของราษฎรและคุณภาพชีวิตของเด็กเยาวชน รวมเรียกว่า “โครงการภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”

กระทั่งเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “ศูนย์ศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเวดล้อมภูฟ้า” หรือ “ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา” โดยกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถวายพื้นที่ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ

ศูนย์ภูฟ้าพัฒนามีพื้นที่ 2,376 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทรงงาน 600 ไร่ พื้นที่การเกษตร 1,776 ไร่ และมีเกษตรกรร่วมโครงการ 13 กลุ่ม รวม 127 ครอบครัว ซึ่งศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ถือเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ ให้แก่ผู้คนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ โดยเน้นการส่งเสริมให้ชาวบ้านทำเกษตรแบบผสมผสานคู่กับการฟื้นฟูสภาพป่า ด้วยการปลูกไม้ยืนต้นควบคู่กับไม้เศรษฐกิจ ทดแทนการทำไร่เลื่อนลอย

ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน มีวัตถุประสงค์ 5 ประการ ดังนี้ คือ

  1. 1. เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูง และใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อไป
  2. 2. เพื่อการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของราษฎร และพื้นที่บนที่สูง
  3. 3. เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องด้านการตลาด
  4. 4. เพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น และ
  5. 5. เพื่อการศึกษาวิจัยถ่ายทอดความรู้การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน

คุณธีรวุธ ปัทมาศ หัวหน้าศูนย์ภูฟ้าพัฒนา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน บอกเล่าเรื่องราวของศูนย์แห่งนี้ว่า เป็นเวลา 18 ปีแล้วที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนา เพื่อใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้การพัฒนาไปสู่ราษฎร ในอำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยใช้พื้นที่ป่าของกรมป่าไม้ประมาณ 1,800 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วม 127 ครัวเรือน

ตอนนี้ทางศูนย์ส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชผลไม้หลากหลายอย่าง อาทิ ไม้ป่า มีประดู่ ยางนา ก่อ ต๋าว มะขม ฯลฯ ส่วนไม้เศรษฐกิจ เช่น กาแฟโรบัสต้า อาราบิก้า หม่อนผล ชาอู่หลง เงาะ กระท้อน และกล้วย ซึ่งมีทั้งกล้วยน้ำว้า กล้วยหินหรือกล้วยส้ม และกล้วยไข่น้ำ สาเหตุที่ส่งเสริมกล้วยเนื่องจากเป็นพืชพี่เลี้ยงในระยะเริ่มต้น ในขณะที่พื้นที่ยังไม่มีร่มเงาจากต้นไม้อื่นๆ อีกทั้งยังปลูกง่ายและสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย

สำหรับกาแฟนั้น ทางศูนย์มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก กาแฟทั้งอาราบิก้า และโรบัสต้า แต่ผลผลิตยังมีไม่มาก

คุณธีรวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันผลผลิตจากชาวบ้านที่ส่งมาจำหน่ายให้กับทางศูนย์มี ยอดชาอู่หลง นำมาแปรรูปเป็น ชาอู่หลงอินทรีย์ และชาเขียว และยังมีหม่อนผลสด นำมาแปรรูปเป็นแยมลูกหม่อน และน้ำหม่อนพร้อมดื่ม ซึ่งเคยได้รางวัลระดับประเทศมาแล้ว ส่วนกล้วยนำมาแปรรูปเป็นกล้วยฉาบ รสเค็มและหวาน

นอกจากนี้ ยังมีกล้วยสุกกรอบและกล้วยอบด้วย ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ขายดีหมด โดยส่งไปจำหน่ายที่ร้านภูฟ้าสาขาต่างๆ รวมถึงบิ๊กซีสาขาราชดำริด้วย โดยเฉพาะกล้วยฉาบรสเค็มขายดีมากที่บิ๊กซี สาขาราชดำริ ส่งผลให้ปีที่แล้วเกษตรกรในโครงการมีรายได้จากการปลูกกล้วยและหม่อนที่ทางศูนย์ส่งเสริม 100 กว่าล้านบาท เฉลี่ยครอบครัวละ 5-6 หมื่นบาท

“แต่ก่อนเกษตรกรเก็บลูกหม่อนไม่ถูกวิธีทำให้หม่อนช้ำไม่ได้คุณภาพ ทางศูนย์จึงแนะนำให้เก็บใส่ตะกร้าจะได้ไม่ช้ำ และส่งเข้าโรงงานทันที เมื่อนำมาแปรรูปจึงมีรสชาติดี เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งบางช่วงผลิตไม่ทันขาย”

หัวหน้าศูนย์พัฒนาภูฟ้าระบุว่า เนื่องจากอาคารแปรรูปที่มีอยู่เล็ก และขั้นตอนการทอดก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไรมาก เวลาเกษตรกรนำผลผลิตมาส่งคับแคบมาก อย่างปี 2560 เกษตรกรส่งกล้วยเข้าโรงงาน 41 ตัน จึงมีแผนจะขยายโรงงานให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับผลผลิตที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกล้วยคาดว่าปีหน้าเกษตรกรจะส่งกล้วยเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อจะก่อสร้างโรงงานผลิตให้ใหญ่ขึ้น และจะพัฒนาขั้นตอนการผลิตให้ทันสมัยและมีคุณภาพมากขึ้นด้วย

คุณธีรวุธ กล่าวด้วยว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ศูนย์หลายหมื่นคน ในจำนวนนี้มีผู้มาศึกษาดูงานด้วย โดยในปี 2560 มีผู้มาท่องเที่ยวประมาณ 60,000 คน และมีผู้มาศึกษาดูงาน ประมาณ 5,000 คน ซึ่งทางศูนย์เองมีห้องพักไว้บริการด้วย

นับตั้งแต่ตั้งศูนย์มา 18 ปี นายธีรวุธแจกแจงว่า ผลงานเด่นของศูนย์เป็นเรื่องของการปลูกพืชในระบบผสมผสาน หยุดการทำไร่หมุนเวียน โดยเกษตรกรสามารถมีกิน มีใช้ จากพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยมีแผนการส่งเสริมแนะนำเกษตรกรรายแปลง

“เกษตรกรในโครงการที่ได้รับการส่งเสริม หยุดการทำไร่หมุนเวียนแล้ว โดยทางศูนย์ส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจและไม้ป่าผสมผสานกัน พื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่มีการเผาป่าอีกแล้ว”

ที่ผ่านมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จมายังศูนย์ภูฟ้าและทรงติดตามงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม เสด็จมาที่ศูนย์พร้อมรับสั่งหลายเรื่อง

“เรื่องที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังทรงเป็นห่วงคือความเป็นอยู่ของราษฎรในอำเภอบ่อเกลือ ทั้งเรื่องของรายได้และเรื่องสุขภาพอนามัย ซึ่งทางศูนย์ก็ต้องมาศึกษาหากิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์เหล่านั้นตามที่พระองค์ท่านมีรับสั่ง”

ทั้งนี้ ทางศูนย์ภูฟ้าฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้และมีสุขภาพที่ดี โดยให้บรรดากลุ่มแม่บ้านหาอาชีพเสริมหลังฤดูทำนา มีการรวมกลุ่มทำผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ กลุ่มจักสานจากไม้ไผ่, การผลิตชาต้นอ่อนข้าวสาลี, การทำกระดาษจากฟางข้าว, การมัดย้อมผ้าด้วยสีจากธรรมชาติ, การแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ใยบวบ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะส่งไปจำหน่ายภายใต้ตราสินค้า “ภูฟ้า” ซึ่งนอกจากจะขายในร้านภูฟ้าที่มีหลากหลายสาขาแล้ว บางส่วนยังมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าด้วย

สำหรับการทำแปรรูปใยบวบนั้น นอกจากจะมีการปลูกเพื่อทำเป็นเมล็ดพันธุ์แล้ว ยังนำมาแปรรูปเป็นรองเท้าใส่ในบ้าน, ที่ขัดผิวขัดหน้า, ที่จับหูหม้อและที่วางภาชนะในครัว

จะเห็นได้ว่าศูนย์ภูฟ้าฯ เป็นกลไกสำคัญเพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ห่างไกลอย่างแท้จริง และนอกจากจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังทำให้บ้านเรามีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระเมตตาและทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสทั้งหลาย