กรมหม่อนไหม เปิดตัวเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ประจำปี 2561

กรมหม่อนไหม เผยผลการดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรสาขาอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานดีเด่นให้สาธารณชนรับทราบ พร้อมเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ. 2561

นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายให้ส่วนราชการในสังกัดดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ ที่มีผลงานดีเด่นในสาขาอาชีพต่างๆ ทุกปีให้เป็นเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณ เผยแพร่ผลงานดีเด่นให้สาธารณชนได้รับทราบกันโดยทั่วไป และเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ. 2561 ในวันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2561 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

สำหรับกรมหม่อนไหม ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีบทบาหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนอาชีพด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้กับเกษตรกร ชุมชน ให้สามารถประกอบอาชีพโดยสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น  และดำเนินการพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งผลการคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ประจำปี 2561 ได้แก่ นางกุลกนก เพชรเลิศ เกษตรกรบ้านสนวนนอก  อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์

นางกุลกนก เพชรเลิศ เป็นเกษตรกรที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าไหม มาตั้งแต่ปี 2535 เนื่องจากเป็นอาชีพเดิมของพ่อแม่ที่ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ด้วยมองเห็นว่าการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้า สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี จึงได้ปลูกหม่อนและเลี้ยงไหมเพิ่มมากขึ้น โดยทำการถมที่ขยายพื้นที่แปลงสำหรับการปลูกหม่อนเพื่อให้เลี้ยงไหมได้มากขึ้น จากนั้นได้สมัครเข้าร่วมโครงการอบรมหลักสูตรด้านการแปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กับศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ บุรีรัมย์ เพื่อพัฒนาความรู้และประสบการณ์ในการประกอบอาชีพและนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติ มีการจัดการแปลงหม่อนโดยวิธีเขตกรรมและการจัดการสวนหม่อนกับการเลี้ยงไหม มีการวางแผนการจัดการแปลงหม่อน โดยการตัดแต่งกิ่งหม่อนในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดการสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช และลดการระบาดของแมลงศัตรูพืช

ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกหม่อนพันธุ์บุรีรัมย์ 60  จำนวน  2.5 ไร่ สำหรับใช้เลี้ยงไหมวัยอ่อนและไหมวัยแก่ โดยมีการให้น้ำในฤดูแล้ง ปริมาณผลผลิตใบหม่อนตลอดทั้งปี 2,900 กิโลกรัม/ไร่ สามารถเลี้ยงไหมได้ 8 รุ่นต่อปี  โดยเป็นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน 4 รุ่นต่อปี และพันธุ์เหลืองสระบุรี 4 รุ่นต่อปี   ผลผลิตเส้นไหมรวม  6.4 กิโลกรัม/ไร่     นอกจากนี้ยังงานรับจ้างและทำการเกษตรอื่นๆ ร่วมด้วย อาทิ รับจ้างขึ้นหัวม้วนกี่กระตุกทั้งเส้นไหมพื้นบ้านและเส้นไหมโรงงาน 20 ม้วน/ปี รับจ้างย้อมสีเส้นไหมด้วยสีเคมีที่ปลอดภัยและสีธรรมชาติ ทอผ้าไหมจากกี่กระตุก 2 ตะกอและผ้ายกดอกแยกเป็นผ้าพื้นเรียบ ผ้าขาวม้า ผ้าหางกระรอก และผ้ามัดหมี่ เลี้ยงหมูหลุม จำนวน 3 รุ่น/ปี รุ่นละ 4 ตัว เลี้ยงโดยใช้ใบหม่อนเป็นอาหารเสริม ทำนากับครอบครัวพื้นที่ 5 ไร่ ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 โดยการหว่านข้าวแห้ง ผลผลิตเฉลี่ยรวม 400 กิโลกรัม/ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัวหลังบ้านพื้นที่ 0.5 งานปลูกไม้ผลได้แก่ ต้นขนุน ต้นมะม่วง ต้นกล้วย ต้นมะพร้าว ในพื้นที่จำนวน 1 ไร่ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม ได้แก่ สบู่โปรตีนไหม ข้าวเกรียบ ชาใบหม่อน ทองม้วนปรุงจากใบหม่อน  นอกจากนี้ยังมีบริการบ้านพักโฮมสเตย์ เป็นมัคคุเทศก์หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมไทย จำหน่ายผ้าไหมที่ตลาดประชารัฐ รวมถึงการเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการฟอกย้อมสีเส้นไหม การขึ้นหัวม้วน  ทำให้ปัจจุบันนางกุลกนก มีรายได้จากอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและอื่นๆ รวมทั้งหมดประมาณ 282,600 บาท/ปี

อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวอีกว่า จากผลงานผ่านกิจกรรมต่างๆ ของนางกุลกนก เพชรเลิศ โดยเฉพาะสาขาอาชีพหลักการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่มีผลผลิตต่อไร่หรือต่อหน่วยพื้นที่เกินค่าเฉลี่ยของประเทศ มีการผลิตที่ถูกหลักการวิชาการ มีการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในปรับปรุงสภาพการผลิต และสามารถขยายผลการดำเนินงานไปสู่ชุมชน ทำให้เกิดความยั่งยืนในอาชีพ ส่งผลให้ในปี 2561 ได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และเข้ารับพระราชทานโล่รางวัล ในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี พ.ศ. 2561  ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง  ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้